ผู้เขียน หัวข้อ: ที่เที่ยวเดือนตุลาคม 56 เทศกาลงานประเพณี กิจกรรมท่องเที่ยวน่าสนใจในเดือนตุลาคม  (อ่าน 25031 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ jai

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,354
  • คะแนน: +0/-0
  • เที่ยวเพื่อชาติ.....ชัยโย
    • touronthai.com
เทศกาล ดนตรีโครตอินดี้” ครั้งที่ 9 อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม 2556

ณ.ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติ ๖๐ ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

ด้วยจำนวนวงดนตรีกว่า 40 วงทั้งวงในพื้นที่และวงจากกรุงเทพฯ กับเวทีคอนเสิร์ต 3 เวที กระจายความมันส์หลายหลายรูปแบบ เริ่มความสนุกตั้งแต่เวลา 15.00 น.-  23.00 น. บัตรราคาเพียง 150 บาท ซื้อได้หน้างาน และมีการถ่ายทอดสดผ่านทางโทรทัศน์ช่อง Thai TBS ด้วยจึงอยากจะชวนทุกคนมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งใน เทศกาลดนตรีโคตรอินดี้ร่วมกัน

ที่มา http://kodindythailand.blogspot.com/

 “โคตร อินดี้” พร้อมที่จะให้โอกาสแก่คนรุ่นใหม่ที่มีไฟฝัน มาร่วมสนุกกัน แบบไม่มีแอลกอฮอล์ บุหรี่ และยาเสพติดชนิดต่างๆ
ซึ่งล้วนแต่เป็นสาเหตุของการทำลายทุกอย่างในชีวิต…ไม่เว้นแม้แต่ความฝันของ เราเอง!

อินดี้ คืออะไร  .....คือเทศกาลดนตรีที่ไม่มีกรอบ ดนตรีหลากหลายแนวทุกสไตล์ ถูกบรรจุไว้ในเทศกาลนี้ ตั้งแต่แร๊พ ร็อก แร็กเก้ สกา ไปจนถึงหมอลำ ความเป็นอินดี้สะท้อนมาจากความคิดสร้างสรรค์  จะร้อง จะเล่นกันอย่างสร้างสรรค์ ไม่มีกรอบ ไม่มีค่ายมาจำกัดความคิด สะท้อนความเป็นตัวตนของศิลปินมาแบบเต็มที่ อิสระที่มอบให้จึงกลายเป็นงานสร้างสรรค์ ผ่านเสียงดนตรีที่ไม่มีที่ไหนเหมือน  เป็นเทศกาลดนตรีเดียวก็ว่าได้ในประเทศไทย ที่ให้อิสระแก่ความสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ เมื่อหยิบยื่นความอิสระให้แก่การสร้างสรรค์   ความสนุก ความมันส์ จึงบังเกิด กลายมาเป็น“เทศกาลดนตรีโครตอินดี้”

 ย้อน หลังไปเมื่อปี พ.ศ.2546 มีนักร้องวงมือสมัครเล่นวงหนึ่ง โทรศัพท์มาหานักร้องอีกวงหนึ่งซึ่ง ไปเจอกันในคอนเสิร์ต ของหนังสือ a day เพื่อบอกความในใจ อยากจะจัดคอนเสิร์ตของตัวเอง แต่กลัวไม่มีคนมาดู ก็เลยอยากหาพวก อย่างน้อย ก็มีเพื่อนมาเล่นด้วยกัน คนน่าจะมาดูกันเยอะกว่า ด้วยประการเช่นนี้ จึงเกิดคอนเสิร์ตอันแปลกประหลาดขึ้นมา คือ คนเล่นต้องมาจ่ายตังค์เล่นเองโปรโมตตัวเอง ทำงานเองทุกอย่าง แล้วก็กล้าเล่นกันเอง โดยใช้เงินตัวเองอีกด้วย

 ใน ขณะเดียวกันกับการไปขอสปอนเซอร์ ก็ยังดูเป็นเรื่องไกลตัวกับนักดนตรีลูกตาสีตาสาที่ไม่มีชื่อ  เลยไม่ขอซะเลย ทำเอง....ก็ได้  แต่ใครจะเชื่อ ณ วันนั้น  ที่โรงภาพยนต์นิวแหลมทอง เยาวราช  โรงหนังเล็กๆย่านเยาวราช  ใน วันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2546 ผู้คนจากหลากหลายทิศทาง มารวมตัวกันโดยมิได้นัดหมาย กับราคาบัตรเพียง66 บาท แต่ความอบอุ่นเกิดขึ้นในใจของเราอย่างไม่เคยคิดมาก่อน ขอใช้คำว่า "โรงหนังแตก" นี่คือคำจำกัดความของวันนั้น.....ทั้งหมดเป็นเพียงจุดเริ่มต้น

 จน มาถึงวันนี้เมื่อกาลเวลาผ่านไป 10 ปี กับ “เทศกาลดนตรีโครตอินดี้ ครั้งที่ 9” จึงบังเกิดขึ้น เพื่อสานต่อความมันส์ พร้อมขยายความสนุกไปทั่วประเทศ นายบุรินทร์ แซ่ล้อ ผู้อำนวยการโคตรอินดี้ เล่าว่า จากคอนเสิร์ตแรกที่จัดขึ้นด้วยความกลัว ว่าจะไม่สำเร็จ กลัวว่าจะไม่มีคนดู เมื่อปี พ.ศ.2546 แต่ใครจะเชื่อ ณ วันนั้น เทศกาลดนตรีโครตอินดี้ กับกลายเป็นอีกเทศกาลดนตรีที่สำคัญในระดับประเทศไปแล้ว

 จาก วันนั้น จนถึงวันนี้โคตรอินดี้มีคอนเสิร์ตมาแล้ว 8 ครั้ง แต่ละครั้งจะมีกลุ่มดนตรีมากหน้าหลายตาเข้ามาออดิชั่น และขึ้นเวทีกันเพิ่มมากขึ้น รูปแบบของงานจึงโดดเด่นและแตกต่างกันออกไป ดังนี้
 ครั้งที่ 1 ใช้ชื่อตอนว่า เฮ้ย...นายดูป่าว!
 ครั้งที่ 2 ใช้ชื่อตอนว่า เวทีนี้ไม่มีพี่เลี้ยง
 ครั้งที่ 3 ใช้ชื่อตอนว่า ร.ด. ที่รัก
 ครั้งที่ 4 ใช้ชื่อตอนว่า คอนเสิร์ตกระหึ่มติ่ง
 ครั้งที่ 5 ใช้ชื่อตอนว่า  “เลิกเหล้าเถอะไอ้น้อง”
 ครั้งที่ 6 ใช้ชื่อตอนว่า กิ๊กิ้ว ดิ้นกันไหมเธอ
 ครั้งที่ 7 ใช้ชื่อตอนว่า"กระแสน้ำมันจะแรงกว่ากระแสใจ...ได้ไงวะ!!!"
 ครั้งที่ 8 ใช้ชื่อตอนว่า "แสบว่ะเพื่อน ไม่สูบ ไม่ดื่ม”

 จุด เปลี่ยนที่สำคัญของเทศกาลดนตรีโครตอินดี้ คือคอนเสิร์ตโคตรอินดี้ ครั้งที่ 4 ซึ่งเป็นคลีนคอนเสิร์ตที่ไม่มีบุหรี่และแอลกอฮอลล์ในงานเป็นครั้งแรก เพราะเราได้รับการสนันนสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และเป็นครั้งแรกที่เรามีผู้สนับสนุนหลัก เราต้องการสร้างภาพใหม่ๆ ของนักดนตรีว่าเราสร้างความสนุกได้โดยไม่สูบไม่เสพ เราต้องการเป็นตัวอย่าง เป็นภาพที่ดีให้คนรุ่นใหม่

 แต่ ความสำเร็จสูงสุดของเราคือเทศกาลดนตรีโคตรอินดี้ครั้งที่ 8 ภายในงานมีเหล่านักร้องแนวอินดี้กว่า 180 วงดนตรี มาร่วมสร้างความบันเทิง พิพิธภัณฑ์ริบลี่ฯ จึงได้รับรองว่าเป็นคอนเสิร์ตที่มีศิลปินร่วมขึ้นเวทีมากที่สุดในเอเชีย

 เรา จึงพร้อมเดินหน้าต่อไปกับการจัด เทศกาลดนตรีโครตอินดี้ครั้งที่ 9 “ตอน ประเทศไทยสันติภาพจงบังเกิด ครั้งนี้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และภาคีเครือข่าย ร่วมให้ความสนับสนุน ทำให้มีความพร้อมในการจัดงานเพิ่มมากขึ้น

 ครั้ง นี้เราจะไม่จัดเพียงที่กรุงเทพแห่งเดียวเท่านั้นความพิเศษของการจัด คอนเสิร์ตในปีนี้ ยังจะกระจายการจัดงานไป 4 ภาคของประเทศไทยเป็นครั้งแรก ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดสงขลา ปิดท้ายที่กรุงเทพมหานคร ณ สนามม้านางเลิ้ง และความโดดเด่นในปีเน้นให้ทุกคนมีส่วนในการพับนกกระดาษ โดย ‘นก’ ตัวนี้ จะมีสายพันธุ์ชื่อโคตรอินดี้ เป็นนกที่รักในเรื่องของสันติภาพ สื่อถึงจุดประสงค์ของการจัดคอนเสิร์ตที่อยากให้มีเวทีในการพูดเรื่อง สันติภาพแก่บ้านเมืองของเรา
เที่ยวเพื่อชาติ.........ชัยโย

ออฟไลน์ jai

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,354
  • คะแนน: +0/-0
  • เที่ยวเพื่อชาติ.....ชัยโย
    • touronthai.com
เทศกาลบุญเดือนสิบ(นครศรีธรรมราช)
28 ก.ย. 56 - 7 ต.ค. 56

  จังหวัดนครศรีธรรมราช จัดงานประเพณีเทศกาลบุญสารท ฉลองพระบรมธาตุสู่มรดกโลก และกาชาดจังหวัดนครศรีธรรมราช ประจำปี 2556 ระหว่างวันที่ 28 กันยายน – 7 ตุลาคม 2556 ณ สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ 84 ทุ่งท่าลาด สวนสาธารณะศรีธรรมาโศกราช วัดหน้าพระมหาธาตุ และ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เพื่อส่งเสริมและสืบสานเอกลักษณ์วัฒนธรรมประเพณีของจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ภูมิปัญญาท้องถิ่น เสริมสร้างความกตัญญูกตเวทีต่อบรรพชนและความรักสามัคคีในหมู่คณะ เพื่อหารายได้สำหรับใช้จ่ายในกิจการสาธารณกุศลต่าง ๆ ของเหล่ากาชาด และร่วมเฉลิมฉลองที่คณะกรรมการมรดกโลกรับรองพระบรมธาตุเจดีย์ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เข้าสู่บัญชีเบื้องต้นตามที่ประเทศไทยนำเสนอ อย่างเป็นทางการ  

สำหรับกิจกรรมในงานได้แก่ พิธีบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 พระราชานุสาวรีย์พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช การประชันหนังตะลุงภาคใต้ ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี การประกวด-แข่งขันศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น เพลงบอก มโนราห์ กลอนสด หนังตะลุงระดับเยาวชน การประกวดวรรณกรรมไทยและเพลงร้องเรือเด็ก การจัดตลาดย้อนยุค วิถีชีวิตย้อนยุค การละเล่นและการแสดงพื้นบ้าน การประกวด แข่งขัน สาธิตหัตถกรรมพื้นบ้านและภูมิปัญญาท้องถิ่น กิจกรรมวิถีเศรษฐกิจพอเพียง การตั้งเปรตและชิงเปรต ประกวดหุ่นเปรต การแข่งขันสามล้อพ่วงท้าย การแสดงบนเวทีของนักเรียนนักศึกษาและนักร้องนักแสดงชื่อดัง การประกวดนางสาวนครศรีธรรมราช การแสดงและจำหน่ายสินค้าราชทัณฑ์ การออกร้านนาวากาชาดและออกรางวัลสลากกาชาด ทอดผ้าป่าจัดหาทุนตั้งกองทุนพระธาตุฯ สู่มรดกโลก นอกจากนี้ยังจัดให้มีกิจกรรมด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยว กิจกรรมด้านพลังงาน เป็นต้น โดยเฉพาะวันที่ 3 ตุลาคม 2556 ซึ่งตรงกับวันแรม 14 ค่ำเดือน 10 เวลา 09.00 น. จัดให้มีพิธีริ้วขบวนแห่หฺมฺรับของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สถานศึกษาอย่างยิ่งใหญ่ตระการตาและประกวดหฺมฺรับ ชิงหฺมฺรับทองคำพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมริ้วขบวนพุ่มผ้าป่ากองทุนพระบรมธาตุฯ สู่มรดกโลก โดยเคลื่อนจากหน้าศาลาประดู่หกไปยังวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร และเวลา 13.00 น.จัดพิธีทอดผ้าป่า กองทุนพระบรมธาตุฯ สู่มรดกโลก ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร

รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ขณะนี้หน่วยงานต่าง ๆ ได้มีความพร้อมในการจัดงานแล้วกว่า 90 % ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการเก็บบัตรค่าผ่านประตูเข้าชมงานนั้น ขอยืนยันว่าการจัดงานครั้งนี้เปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว ได้เข้าชมงานฟรีเหมือนเช่นทุกปีที่ผ่าน ไม่มีการเก็บบัตรผ่านประตูแต่อย่างใด จึงขอเชิญชวนชาวนครศรีธรรมราชและนักท่องเที่ยว เที่ยวชมงานประเพณีเทศกาลบุญสารทเดือนสิบ ฉลองพระบรมธาตุสู่มรดกโลก และงานกาชาดจังหวัดนครศรีธรรมราช ประจำปี 2556 รวม 10 วัน 10 คืน ระหว่างวันที่ 28 กันยายน – 7 ตุลาคม 2556

ข้อมูลการติดต่อ :
ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช 075-310096, 075-356133
ททท.สำนักงานนครศรีธรรมราช     075-346515-6
 
เที่ยวเพื่อชาติ.........ชัยโย

ออฟไลน์ jai

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,354
  • คะแนน: +0/-0
  • เที่ยวเพื่อชาติ.....ชัยโย
    • touronthai.com
รักษ์เล ป่า ฟ้า สตูล และเปิดอันดามัน สวรรค์สตูล
1 ต.ค. 56 - 30 พ.ย. 56

กิจกรรมร่วมรักษาความสะอาดตามเกาะต่างๆรวมถึงใต้ท้องทะเล เพื่อเตรียมพร้อมฤดูกาลเปิดเกาะต้อนรับนักท่องเที่ยวร่วมดำน้ำดูความสวยงาม ของปะการังบริเวณเกาะต่างๆอาทิเกาะตะรุเตา,เกาะอาดัง,เกาะจาบัง,เกาะ ยาง,เกาะหลีเป๊ะรณรงค์และสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอัน เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ำคัญของจังหวัดให้คงความสมบูรณ์ตามธรรมชาติกิจกรรม รณรงค์และสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ อันเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดให้คงความสมบูรณ์ตามธรรมชาติ กิจกรรมประชาสัมพันธ์การเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวของจังหวัดสตูลชมการแสดงแสงสี พิธีเปิดที่งดงามตระการตาและการแสดงอื่นๆอีกมากมาย

ข้อมูลการติดต่อ :
องค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล  โทร.0 7471 1273
สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสตูล  โทร.0 7471 1225
ททท. สำนักงานตรัง Tel. +66 7521 5867, +66 7521 1058 , +66 7521 1085
เที่ยวเพื่อชาติ.........ชัยโย

ออฟไลน์ jai

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,354
  • คะแนน: +0/-0
  • เที่ยวเพื่อชาติ.....ชัยโย
    • touronthai.com
มหกรรมรวมผลคนรักษ์กว่าง(เชียงราย)
11-13  ต.ค. 56

ด้วงกว่างนักสู้ล้านนา Lanna Beetle Festival 2013
ตอน ด้วงกว่าง Around The World
ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เชียงราย


ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เชียงราย ร่วมกับ จังหวัดเชียงราย, องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย,มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย บริษัทเมืองไทยประกันชีวิต และสโมสรฟุตบอลเชียงรายยูไนเต็ด จัดกิจกรรม “ด้วงกว่างนักสู้ล้านนา Lanna Beetle Festival 2013” ตอน ด้วงกว่าง Around The World พบกับการโชว์ 5 สุดยอดสายพันธ์หายากจาก 5 ทวีป ทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็น ด้วงกว่างช้างดำแอคเตียน,ด้วงกว่าง,เหลืองไฮลุส,ด้วงกว่างเขาตั้งคลาวิเกอร์,ด้วงกว่างสามเขาคอเคซุส (วัวดิน ,ด้วงกว่างสามเขาจันท์) และด้วงกว่างชน (แมงาม ,ด้วงกว่างกิดียนส์ ,ด้วงชน) พบกิจกรรมแสนสนุกสำหรับครอบครัว ระหว่างวันที่ 11-13 ต.ค. 56 ณ ชั้น 1 โซนทะเลหมอก ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เชียงราย

ภายในงานท่านจะได้พบกับกิจกรรมเพื่อการอนุรักษ์ การเสวนาเรียนรู้วิถีชีวิตจากกูรูด้วงกว่าง และคุณหนูๆ สามารถร่วมประกวดเต้นประกอบเพลงหนูน้อยรักษ์โลก สนุกกับการประลองด้วงกว่างบังคับวิทยุนำเข้าจากต่างประเทศ พร้อมเสริมสร้างทักษะศิลปะกับกิจ กกรรมวาดภาพระบายสี ถุงผ้าลดโลกร้อน และตุ๊กตาปั้นดินด้วงกว่าง ร่วม Meet & Greet กับทีม กว่างโซ้ง มหาภัย เชียงรายยูไนเต็ด อย่างใกล้ชิด และสามารถหาซื้อสินค้าชสำหรับการเดินป่า พลาดไม่ได้สำหรับแฟนพันธ์แท้ กับการประกวดสุดยอดด้วงกว่างแห่งล้านนา กับการประกวด ด้วงกว่างโซ้งสวยงานรุ่นใหญ่, ด้วงกว่างโซ้งสวยงามรุ่นเล็ก และด้วงกว่างโซ้งตัวแม่ตัวใหญ่ ชิงโล่เกียรติยศจากท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย

พิเศษสุด!!! ซื้อสินค้าภายในศูนย์การค้า ครบ 500 บาท แลกชุดสมุดระบายสีด้วงกว่าง ฟรี หรือแลกรับตุ๊กตาปูนปั้นด้วงกว่างระบายสี 1 ตัว ฟรีทันที
ระหว่างวันที่ 11-13 ต.ค. 2556 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เชียงราย

ตัวอย่างด้วงกว่างในงาน

ชื่อไทย : ด้วงกว่างเขาตั้งคลาวิเกอร์
ชื่อวิทย์ : Golofa claviger


ถิ่นกำเนิด : ยุโรป ทวีปอเมริกาใต้, พบในประเทศ เปรู , เวเนซูเอร่า , โคลัมเบีย , เกาะมินเดโล , คาโบเวอร์ดี
ประวัติ : เป็นด้วงกว่างในตระกูลไดนาสตี้ ที่ส่วนตัวและส่วนอกเป็นสีขาว ความยาวสูงสุด 90 mm อายุหนอน 2 -3 ปีตัวเต็มวัยมีอายุขัย 2-6 เดือน เลี้ยงได้ที่ 25-35 องศา โดยทั่วไปรู้จักกันในชื่อกว่างขาวหรือกว่างแกรนเผือก

ข้อมูลการติดต่อ

ททท. สำนักงานเชียงราย
Tel. 0 5371 7433, 0 5374 4674-5

ที่มา https://www.facebook.com/media/set/?set=a.607346545983575.1073741839.159159334135634&type=1
เที่ยวเพื่อชาติ.........ชัยโย

ออฟไลน์ jai

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,354
  • คะแนน: +0/-0
  • เที่ยวเพื่อชาติ.....ชัยโย
    • touronthai.com
ประเพณีไหลเรือไฟและงานกาชาดจังหวัดนครพนม ประจำปี 2556
12 ต.ค. 56 - 20 ต.ค. 56
ททท. ขอเชิญร่วมงานบุญออกพรรษา  งานประเพณีไหลเรือไฟและกาชาด จังหวัดนครพนม

จังหวัด นครพนม ร่วมกับเทศบาลเมืองนครพนม องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนมและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มีกำหนดจัด”งานประเพณีไหลเรือไฟและกาชาด จังหวัดนครพนม” ในระหว่างวันที่ 12 – 20  ตุลาคม 2556 ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครพนม ลานตะวันเบิกฟ้า และแนวเขื่อนริมโขง ถ.สุนทรวิจิตร อ.เมือง จ.นครพนม เพื่อมุ่งปรารถนาที่จะถวายปัจจัยเป็นพุทธบูชา และอุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัด

 นาง สาวบุณยานุช วรรณยิ่ง ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานนครพนม กล่าวว่า “ไหลเรือไฟ” เป็นพิธีกรรมที่พุทธศาสนิกชนชาวอีสานยึดถือปฏิบัติสืบทอดกันมาแต่ครั้งโบราณ บางทีเรียกว่า“ล่องเรือไฟ” หรือ “ปล่อยเรือไฟ” ซึ่งเป็นลักษณะที่เรือไฟเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ เรือไฟหรือเฮือไฟ หมายถึง เรือที่ทำด้วยท่อนกล้วย ไม่ไผ่ หรือวัสดุที่ลอยน้ำมีโครงสร้างเป็นรูปร่างต่างๆ ตามต้องการ เมื่อจุดไฟใส่โครงสร้างเปลวไฟจะลุกเป็นรูปร่างตามโครงสร้างนั้นๆ จังหวัดที่เคยทำพิธีกรรมการไหลเรือไฟอย่างเป็นทางการได้แก่ จังหวัดสกลนคร นครพนม หนองคาย เลย มหาสารคามและอุบลราชธานี

  ประเพณีไหลเรือไฟมีความเชื่อเกี่ยวโยงสัมพันธ์กับข้อมูลความเป็นมาหลาย ประการ เป็นต้นว่า เนื่องจากการบูชารอยพระพุทธบาท การบวงสรวงพระธาตุจุฬามณี การระลึกถึงพระคุณของพระแม่คงคา เป็นต้น นอกจากความเชื่อดังกล่าวแล้วอาจชี้ให้เห็นถึงภูมิปัญญาในเชิงสร้างสรรค์ทาง ด้านเกษตรกรรมอีกด้วย เชื่อว่าการไหลเรือไฟจะทำให้ฝนตกในปีต่อไปดี เพราะการไหลเรือไฟเป็นการปล่อยไฟลงแม่น้ำทำให้พญานาคที่อยู่ในน้ำได้รับความ ร้อนแล้วหอบน้ำหนีขึ้นไปอยู่บนฟ้า ซึ่งหากเป็นไปตามความเชื่อนี้การไหลเรือไฟอาจนับเป็นหนึ่งในกลุ่มประเพณี เพื่อการไล่น้ำ และครั้นพอถึงเดือนหก (ไทย) น้ำในโลกมนุษย์จะแห้ง ผู้คนเดือดร้อนจึงพากันจุดบั้งไฟขอฝน พอมนุษย์จุดบั้งไฟขึ้นไป พญาแถนจะสั่งให้พญานาคนำน้ำที่หอบขึ้นมาไปคืนโลกมนุษย์โดยตกลงมาเป็นฝน

   ประเพณีการไหลเรือไฟโบราณ มักนิยมทำกันในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ในช่วงเช้าจะมีการทำบุญตักบาตร ถวายเพล พลบค่ำชาวบ้านจะนำของกิน เสื้อผ้า เครื่องใช้ขนม ข้าวต้มมัด กล้วย อ้อย หมากพลู บุหรี่ ใส่ลงในกระจาดบรรจุไว้ในเรือไฟ เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ว่า ชาวบ้านที่อยู่ท้ายน้ำ หากพบเรือไฟลอยมาติดสามารถเก็บเอาข้าวของที่ติดมากับเรือไปใช้ได้

    ในสมัยก่อน นิยมจัดทำกันในหมู่บ้านและหลายๆ หมู่บ้านที่รวมกันจัดทำเรียกว่า “คุ้ม” โดยมักใช้ชื่อวัดที่อยู่ใกล้หมู่บ้านในการตั้งชื่อคุ้ม เช่น “คุ้มวัดพระธาตุ” “คุ้มวัดป่าเหนือ” “คุ้มวัดโพธิ์งาม” เป็นต้น โดยในช่วงเทศกาลทำบุญออกพรรษา ชาวบ้านคุ้มวัดต่างๆ จะรวมใจกันทำเรือไฟ (เฮือไฟ) โดยการนำเอาต้นกล้วยหรือไม้ไผ่มาทำเป็นทุ่น ก่อโครงทำแผ่นตั้งบนทุ่นด้วยไม้ไผ่ขนาดเล็กและลวดตัดเป็นลายตามที่ต้องการ แล้วใช้ผ้าเก่าๆ ขาดๆ มาฉีกเป็นริ้วๆ ชุบน้ำมันยางหรือน้ำมันโซลาใช้เป็นส่วนจุดไฟ ทั้งนี้ในสมัยก่อนการออกแบบมักเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ

     ในปัจจุบันนั้น จะมีลักษณะที่เป็นงานประเพณีเอิกเกริก และเน้นไปที่การประดับตกแต่งเรือเพื่อความสวยงาม จังหวัดนครพนม ขอเชิญร่วมงานประเพณีไหลเรือไฟ ในวันที่ 12-20 ตุลาคม 2556  ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดและแนวเขื่อนริมโขง กิจกรรมที่สำคัญในงาน ได้แก่ พิธีรำบูชาองค์พระธาตุพนมของ 7 ชนเผ่าพื้นเมืองชาวนครพนมที่สวยสดงดงาม ในช่วงเช้าวันที่ 19 ต.ค. 2556 เวลา 08.00 น. ณ บริเวณหน้าลานวัดพระธาตุพนมวรวิหาร เวลา 18.00 น.เป็นต้นไป ร่วมพิธีขอขมาพระแม่คงคาและลอยเคราะห์ไปพร้อมกับเรือไฟโบราณ ณ ลานตะวันเบิกฟ้า และชมขบวนเรือไฟที่ยิ่งใหญ่งดงามตระการตาเหนือลำน้ำโขง เพื่อบูชาองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมทั้งร่วมงานข้าวพาแลง ณ บริเวณหน้าตลาดอินโดจีน นอกจากนั้นยังมี การแข่งขันเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานฯ พิธีอันเชิญไฟพระฤกษ์ การประกวดขบวนแห่ การประกวดปราสาทผึ้ง กิจกรรมรำวงย้อนยุค พิธีทำบุญตักบาตรเทโว เที่ยวงานการกุศลสมทบทุนให้กาชาด การออกรางวัลสลากกาชาด การแสดงศิลปวัฒนธรรม พร้อมชมมหรสพภาพยนตร์และดนตรีสนุกสนานตลอดงาน

สอบ ถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
สำนักงานจังหวัดนครพนม  โทร 042 511 515
 เทศบาลเมืองนครพนม  โทร 042 516 159
วัฒนธรรมจังหวัดนครพนม โทร 042 516 050
หรือติดต่อได้ที่
ททท.สำนักงานนครพนม เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30–16.30 น.  โทร 042 513 490-1 E-mail: tatphnom@tat.or.th
ที่มา https://i-san.tourismthailand.org/index.php?mode=main_events
เที่ยวเพื่อชาติ.........ชัยโย

ออฟไลน์ jai

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,354
  • คะแนน: +0/-0
  • เที่ยวเพื่อชาติ.....ชัยโย
    • touronthai.com
งานประเพณีออกพรรษาและผาสาดลอยเคราะห์เมืองเชียงคานประจำปี ๒๕๕๖
วันที่ ๑๓-๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๖ 
ณ  หน้าที่ว่าการอำเภอเชียงคาน และลานวัฒนธรรม   วัดท่าคก

     การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเลย  ขอเชิญผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานประเพณีออกพรรษาและผาสาดลอยเคราะห์เมือง เชียงคาน ประจำปี ๒๕๕๖
    นางสาวยุพา ปานรอด ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานเลย กล่าวว่า งานออกพรรษาเป็นประเพณีดั้งเดิมของเชียงคาน โดยพระยาศรีอรรคฮาด  นายอำเภอคนแรก  ได้ริเริ่มให้ราษฎรแต่ละคุ้มวัดในเขตอำเภอเชียงคาน  ร่วมจัดทำปราสาทผึ้ง และแข่งขันเรือยาว นอกจากนี้ชาวเชียงคานยังทำผาสาดลอยเคราะห์ที่ทำจากหยวกกล้วยคล้ายกระทง ตกแต่งด้วยดอกผึ้ง เทียน ดอกไม้ ของคาว และของหวาน ลอยลงสู่แม่น้ำโขงเพื่อเสริมดวงชะตา  และระลึกถึงพระคุณแม่น้ำโขง (พระเมตตา) ถือว่าเป็นวัฒนธรรมเก่าแก่ และนับว่ามีเพียงแห่งเดียวที่อำเภอเชียงคาน นักท่องเที่ยวจะได้   ชมวิถีประเพณีดั้งเดิมแห่งเมืองเชียงคาน ร่วมเชียร์การแข่งขันเรือยาวกลางแม่น้ำ งดงามกับการไหลเรือไฟและผาสาดลอยเคราะห์สว่างไสวทั่วสายนทีโขง

    กิจกรรมที่น่าสนใจได้แก่ การแข่งขันเรือยาว ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนฯ     ราชสุดา สยามบรมราชกุมารี การแข่งขันฟุตบอลเชียงคานคัพ ต้านยาเสพติด ชิงถ้วยพระราชทานพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน  ขบวนแห่ปราสาทผึ้ง  การ การไหลเรือไฟ  ผาสาดลอยเคราะห์   มีการจำหน่ายสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์  มีขบวนของดีจากตำบลต่าง ๆ  จากคุ้มวัดในเขตเทศบาลตำบลเชียงคาน  และหมู่บ้านวัฒนธรรมในพื้นที่เข้าร่วมงาน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อำเภอเชียงคาน โทร. ๐ ๔๒๘๒ ๑๕๙๗
เทศบาลตำบลเชียงคาน โทร. ๐ ๔๒๘๒ ๑๙๑๔
 และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเลย  โทร.  ๐ ๔๒๘๑ ๒๘๑๒/๐ ๔๒๘๑ ๑๔๐๕/
email: tatloei@tat.or.th/ www.facebook.com/tatloei Twitter: @tatloei

ที่มา https://i-san.tourismthailand.org/index.php?mode=main_events
เที่ยวเพื่อชาติ.........ชัยโย

ออฟไลน์ jai

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,354
  • คะแนน: +0/-0
  • เที่ยวเพื่อชาติ.....ชัยโย
    • touronthai.com
งานประเพณีบุญกระธูปออกพรรษา ประจำปี 2556
ระหว่างวันที่ 13 – 17 ตุลาคม 2556
ณ บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอหนองบัวแดง อำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ


            ในวันออกพรรษา  ชาวพุทธจะถวายการสักการะองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่จะเสด็จลงจากสวรรค์ชั้น ดาวดึงส์  หลังจากโปรดพุทธมารดา  ชาวพุทธทั้งหลายต่างเฉลิมฉลอง  และในกาลนี้  ชาวพุทธในภาคอีสาน  โดยเฉพาะชาวอำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ ได้จัดทำต้นหระธูปโดยการนำธูปพันด้วยกระดาษสีให้เป็นลวดลายต่างๆ แล้วประกอบเป็นต้น

            ร่วมสมโภชและนำไปจุดยังวัดต่างๆ ในการจัดทำกระธูปครั้งแรกเริ่มจัดทำที่บ้านราษฎร์ดำเนินโดยทำต้นกระธูปและ จัดให้มีมหรสพสมโภชก่อนวันออกพรรษาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532
            และเมื่อปี พ.ศ. 2545 อำเภอหนองบัวแดงได้เล็งเห็นถึงคุณค่าของประเพณีแห่กระธูปจึงได้จัดให้ชุมชน และวัดต่างๆ ที่เคยมีการทำต้นกระธูป  และที่ยังไม่เคยทำต้นกระธูปให้ร่วมกันประดิษฐ์ต้นกระธูป  เพื่อเป็นการสืบสานประเพณี  และเป็นหนึ่งในการส่งเสริมการท่องเที่ยวของอำเภอหนองบัวแดง

           “ประเพณีแห่กระธูป”   ที่ตำบลหนองบัวแดง อำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ  ในประเพณีบุญออกพรรษา ของทุกปี  ชาวบ้านจะร่วมแรงร่วมใจกันสร้างกระธูปโดยจะตีเกราะเคาะขอลอ  ให้ชาวบ้านออกไปรวมตัว ณ จุดนัดหมาย  (อาจเป็นศาลากลางบ้านหรือบ้านผู้ใหญ่บ้าน) ไปพันกระธูป  ซึ่งกว่าจะเป็นธูปจุดไฟได้ต้องผ่านกระบวนการยาวนานพอสมควร เพราะมันไม่ใช่กระธูปหรือธูปที่วางขายตามตลาด แต่มันเกิดมาจากการขยี้เอามาจากกาบมะพร้าวจนร่วงออกมาเป็นผง  แล้วพันด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์หุ้มอีกทีด้วยกระดาษสีหรือกระดาษแก้วหลาก สีสัน  ก่อนที่จะนำไปมัดเข้ากับดาวก้านตาล(สานจากใบตาลหรือใบลาน)  จากนั้นจึงนำไปมัดห้อยกับก้านธูปที่เป็นเสมือนคันเบ็ด ทำไว้มาก ๆ เสร็จแล้วจึงจะนำเข้าไปเสียบเข้าไปรูรอบปล้องไม้ไผ่ ทำเป็นชั้นขึ้นไปเหมือนฉัตร ประดับตกแต่งงดงาม ก่อนที่จะนำออกไปจุดในวันเวียนเทียนออกพรรษา
          ความร่มเย็นอันยิ่งใหญ่ของ กระธูป สัญลักษณ์แทนต้นหว้า ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำชมพูทวีป ถูกบันทึกไว้ในหนังสือฎีกาพระมาลัยสูตร ความว่า ลักษณะของต้นธูปมีความยาวประมาณ 50 โยชน์ มีกิ่งใหญ่ 4 กิ่ง แผ่ออกไปใน 4 ทิศทาง กว้างเป็นปริมณฑลได้ 100 โยชน์ หมายถึง พระพุทธศาสนานี้ เป็นร่มเย็นแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย เปรียบเอา ต้นธูปนี้ จุดแล้วย่อมส่งกลิ่นหอมฟุ้งขจรขจายไปยังทิศต่าง ๆ กลิ่นหอมนี้ ย่อมเป็นที่ชื่นใจแก่มนุษย์ทั้งปวงที่ได้สัมผัสกลิ่นย่อมเกิดปีติและความสุข ความเบิกบาน

         คุณค่าทางจิตใจประดิษฐ์ขึ้นง่าย ๆ จากวัสดุภายในท้องถิ่น ประกอบด้วย ขุยมะพร้าว ใบอ้ม ใบเนียม โดยนำใบไม้ทั้ง 2 ชนิด มานึ่งแล้วนำไปตากแดดให้แห้ง จากนั้นนำมาบดอีกครั้งจะได้ฝุ่นไม้ที่มีกลิ่นหอมแล้วจึงนำไปผสมกับขุย มะพร้าวห่อด้วยกระดาษให้ได้รูปทรงยาวเหมือนธูป นำกระดาษสีมาประดับตกแต่งลวดลายให้สวยงาม ส่วนใหญ่นิยมเป็นลายไทยเช่นเดียวกับลายมัดหมี่ แล้วนำธูปที่มัดติดกับดาวซึ่งทำจากใบลานมามัดติดกับคันไม้ไผ่ลักษณะคล้ายคัด เบ็ด แล้วนำไปเสียบไว้กับแกนไม้ไผ่ที่เตรียมไว้ ความสูงประมาณ 3-5 เมตร รูปทรงคล้ายฉัตรก่อนจะนำไปแห่และจุดไฟบูชา พร้อมกันนี้ให้เอาลูกดุมกา ลักษณะคล้ายส้มแต่มีเปลือกแข็งมาผ่าเป็น 2 ซีก ใส่น้ำมันพืชลงไปแล้วควั่นด้ายเป็นรูปตีนกาเพื่อจุดไฟให้แสงสว่างใต้ต้นกระ ธูป

         งานบุญจะเริ่มตั้งแต่ช่วงเช้าด้วยการทำบุญตักบาตร นำขบวนแห่ต้นกระธูปวนรอบตลาดในเขตเทศบาลตำบลหนองบัวแดง จากนั้นนำต้นกระธูปไปตั้งสมโภชน์ที่วัดบ้านราษฏร์ดำเนิน บริเวณร้านประทีปหน้าพระอุโบสถ ลักษณะของร้านเป็นสี่เสาทำด้วยไม้ไผ่สูงประมาณ 1 เมตร พื้นร้านจะสานเป็นตาสี่เหลี่ยมแซมด้วยกาบกล้วย เสาแต่ละต้นถูกประดับประดาด้วยต้นกล้วย ต้นอ้อย ต้นกระธูป และไต้น้ำมัน
          ในตอนกลางคืนจะมีการแสดงฟ้อนรำ การละเล่นของแต่ละหมู่บ้าน ควบคู่ไปกับ การจุดกระธูปบูชาพระรัตนตรัยเป็นเวลา 3 คืน ได้แก่ ขึ้น 14 ค่ำ ชาวบ้านเรียกว่า จุดไต้น้ำมันน้อย ขึ้น 15 ค่ำ เรียกว่า จุดไต้น้ำมันใหญ่ และคืนข้างแรม 1 ค่ำ เรียกว่า ไต้น้ำมันล้างหางประทีป

          **ต้นกระธูปทุกต้น จะได้นำไปถวายวัดในพื้นที่ อำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ เนื่องในวันออกพรรษา ของทุกปี   เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต และมีกิจกรรมเวียนเทียนและต้นกระธูปด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม:
อำเภอหนองบัวแดง โทร. +66 4487 2123
เทศบาลตำบลหนองบัวแดง โทร. +66 4487 2140
สนง.ประชาสัมพันธ์จังหวัดชัยภูมิ โทร. +66 4482 2502
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา
โทร. 044-213030, 044-213666

ที่มา https://i-san.tourismthailand.org/index.php?mode=main_events
เที่ยวเพื่อชาติ.........ชัยโย

ออฟไลน์ jai

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,354
  • คะแนน: +0/-0
  • เที่ยวเพื่อชาติ.....ชัยโย
    • touronthai.com
บั้งไฟพญานาคจังหวัดหนองคาย ประจำปี ๒๕๕๖
ระหว่างวันที่ ๑๖ - ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๖

     จังหวัดหนองคาย อำเภอโพนพิสัย และเทศบาลตำบลโพนพิสัย กำหนดจัดงานเทศกาลออกพรรษา บั้งไฟพญานาค จ.หนองคาย ประจำปี ๒๕๕๖ ระหว่างวันที่ ๑๖ - ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๖ บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง เพื่อสืบสานจารีตประเพณีอันดีตาม “ฮีตสิบสอง โดยจะจัดแถลงข่าวในวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๖ ณ ท่าน้ำวัดหายโศก   ริมฝั่งแม่น้ำโขง เทศบาลเมืองหนองคาย

     บั้งไฟพญานาค มีความเชื่อว่าพญานาคจุดขึ้นมาเพื่อเป็นพุทธบูชาต่อพระพุทธเจ้า ที่เสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หลังจากที่ไปโปรดพระมารดา เป็นเวลา 3 เดือน จึงมีทั้งเมืองมนุษย์ สวรรค์ และเมืองบาดาล ที่ต่างก็สาธุการจัดงานสมโภช ในวันออกพรรษา ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ของทุกปี ในปีนี้จังหวัดหนองคาย และเทศบาลเมืองหนองคาย กำหนดจัดงานเทศกาลออกพรรษา บั้งไฟพญานาค จ.หนองคาย ประจำปี ๒๕๕๖ ระหว่างวันที่ ๑๖ - ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๖ โดยจะมีการจัดการแสดงแสง สี เสียง เปิดตำนานบั้งไฟพญานาค การลอยเรือไฟบูชาพญานาค การแข่งขันเรือยาว และที่อำเภอโพนพิสัย มีการจัดงานโพนพิสัยบั้งไฟพญานาคโลก ระหว่างวันที่ ๑๙ – ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๖ นอกจากกิจกรรมชมบั้งไฟพญานาคแล้ว ยังมีการประกวดธิดานาคา การแข่งขันเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รวมทั้งที่อำเภอรัตนวาปี ก็มีการจัดกิจกรรมเสริมให้นักท่องเที่ยว เช่น การแข่งขันชกมวย และจัดถนนอาหาร

สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
เทศบาลเมืองหนองคาย โทร. ๐ ๔๒๔๒ ๐๕๗๔
เทศบาลตำบลโพนพิสัย โทร. ๐ ๔๒๔๐ ๕๕๖๓-๔ ททท.
สำนักงานอุดรธานี โทร. ๐ ๔๒๓๒ ๕๔๐๖-๗ หรือที่อีเมล์ tatudon@tat.or.th
ที่มา https://i-san.tourismthailand.org/index.php?mode=main_events
เที่ยวเพื่อชาติ.........ชัยโย

ออฟไลน์ jai

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,354
  • คะแนน: +0/-0
  • เที่ยวเพื่อชาติ.....ชัยโย
    • touronthai.com
ประเพณีแห่ปราสาทผึ้งและแข่งขันเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี(สกลนคร)
15 ต.ค. 56 - 19 ต.ค. 56

      จังหวัดสกลนคร ร่วมกับเทศบาลนครสกลนคร องค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนครและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กำหนดจัด”งานประเพณีแห่ปราสาทผึ้งและแข่งเรือยาว จังหวัดสกลนคร” ในระหว่างวันที่ 15  - 19 ตุลาคม 2556 ณ สนามมิ่งเมืองสกลนคร สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ และวัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร อ.เมือง จ.สกลนคร เพื่อมุ่งปรารถนาที่จะถวายปัจจัยเป็นพุทธบูชา และอุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัด

      นางสาวบุณยานุช วรรณยิ่ง ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานนครพนม กล่าวว่า ชาวสกลนครได้ถือปฏิบัติตามฮีตสิบสองหรือประเพณีสิบสองเดือนเหมือนชาวอีสานทั่วไป โดยเฉพาะประเพณีออกพรรษาหรือบุญออกพรรษา ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 15 ค่ำเดือน 11

นอกจากจะมีการทำบุญตักบาตรฟังเทศน์ปฏิบัติธรรมแล้ว ยังมีการจุดไต้ประทีป ปล่อยเรือไฟ แข่งเรือ และที่สำคัญคือ การแห่ปราสาทผึ้งซึ่งถือเป็นจุดเด่นของงานประเพณีออกพรรษาที่จังหวัดสกลนครประวัติความเป็นมาและความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับประเพณีนั้น มีหลายสำนวนความเชื่อด้วยกัน ความเชื่อที่สำคัญได้แก่ ความเชื่อเกี่ยวกับพุทธประวัติตอนที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ในวันออกพรรษา ในครั้งนั้นพุทธศาสนิกชนต่างประหวั่นวิตกเป็นอย่างมาก เกรงว่าพระพุทธเจ้าปลีกวิเวกครั้งนี้จะไม่กลับมา จึงพากันไปเฝ้าถามพระโมคคัลลานะและพระอนุรุทธ จึงทราบความว่าพระพุทธเจ้าจะเสด็จกลับมาในวันออกพรรษาหรือวันมหาปวารณา คือ วันที่ 15 ค่ำ เดือน 11 ณ ที่ใกล้ประตูเมืองสังกัสสนคร พุทธศาสนิกชนทั้งหลายจึงได้ตั้งใจจะรอจนกว่าพระพุทธเจ้าจะเสด็จลงจากเทวโลก เมื่อถึงวันออกพรรษา สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ได้แสดงลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ โดยมีพระอินทร์ พระพรหม และเหล่าเทวดาตามเสด็จลงมาส่งผ่านบันไดแก้ว บันไดเงินและบันไดทอง จนถึงโลกมนุษย์ ในครั้งนั้นชาวเมืองสังกัสสะและพุทธศาสนิกชนที่เฝ้ารอพระพุทธองค์มาถึงหนึ่งพรรษาต่างมาร่วมกันทำบุญใส่บาตรกันอย่างยิ่งใหญ่ และได้เห็นปราสาทต่างๆ ที่งดงามวิจิตรพิสดารอันเป็นของเทวดาบนสวรรค์ ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้พุทธศาสนิกชนชาวสกลนครเชื่อกันว่า การที่จะได้ไปอยู่ปราสาทอันสวยงามนั้นต้องสร้างบุญกุศล ประพฤติปฏิบัติอยู่ในหลักศีลธรรมอันดี ทำบุญตักบาตร สร้างปราสาทกองบุญนั้นในเมืองมนุษย์เสียก่อนจึงจะได้ไป จากนั้นเป็นต้นมาจึงพากันคิดสร้างสรรค์ทำบุญปราสาทให้มีรูปร่างเหมือนวิมารบนสวรรค์ทำบุญกันในวันออกพรรษา เพื่อเป็นการสร้างกุศลให้ตนได้ไปอยู่ในปราสาทที่งดงามหลังจากที่ตนตายไปแล้ว นอกจากนี้ยังมีความเชื่อที่กล่าวว่า การสร้างปราสาทผึ้งดังกล่าวเพื่อสำหรับเป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้า เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จมายังโลกมนุษย์ด้วยเช่นกัน
   
  เหตุที่มีการนำเอาขี้ผึ้งมาทำเป็นปราสาทนั้น ยึดโยงอยู่กับพุทธประวัติในช่วงพรรษที่ 9 ตอนที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปจำพรรษาที่ดงไม้สาละใหญ่ในป่าปาลิไลยก์ ในครั้งนั้นมีช้างปาลิไลยก์กับลิงเป็นผู้อุปัฏฐากอยู่ตลอด 3 เดือน โดยช้างจัดน้ำและผลไม้มาถวาย ส่วนลิงหารวงผึ้งมาถวาย เมื่อพระองค์ทรงรับแล้วเสวย ลิงเห็นก็ดีใจมากขึ้นไปจับกิ่งไม้เขย่าด้วยคงวามดีใจ จนบังเอิญกิ่งไม้หัก ลิงนั้นตกลงมาถูกตอเสียบอกตาย จึงได้ไปเกิดเป็นเทพบุตรบนปราสาทวิมารในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ครั้งต่อมาพระพุทธเจ้าตรัสลาช้างแล้วเสด็จเข้าสู่เมืองโกสัมพีในวันออกพรรษา ทำให้ช้างระลึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอย่างมากจนทำให้หัวใจแตกสลาย จึงได้ไปเกิดบนปราสาทวิมานบนสวรรค์ พระพุทธเจ้าทรงนึกถึงคุณความดีของช้างและลิง จึงทรงนำเอารวงผึ้งมาทำเป็นดอกประดับในโครงปราสาทตามจินตนาการเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ช้างและลิง ด้วยเหตุนี้ในกาลต่อมาพุทธศาสนิกชนจึงได้ถือเป็นแนวทางจัดสร้างปราสาทผึ้ง เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาและสร้างกุศลสืบมา

     จังหวัดสกลนคร ขอเชิญร่วม งานประเพณีแห่ปราสาทผึ้งและแข่งขันเรือยาวชิงถ้วยพระราชทาน วันที่ 15 - 19 ตุลาคม 2556  ณ บริเวณสนามมิ่งเมืองสกลนคร สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ และวัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร กิจกรรมที่สำคัญในงาน ได้แก่ การประกวดปราสาทผึ้งประยุกต์ – โบราณ การตกแต่งรถปราสาทผึ้ง ขบวนอันเชิญถ้วยพระราชทานและการแข่งขันเรือยาวชิงถ้วยพระราชทาน พิธีทำบุญตักบาตร พิธีบายศรีสู่ขวัญ การประกวดพานบายศรี เทศกาลของดีของแซบเมืองสกลนคร การวิ่งแข่งมินิมาราธอน “ครอบครัวผาแดง-นางไอ่” นิทรรศการปราสาทผึ้ง การจำหน่ายสินค้า OTOP สวนสนุกและการแสดงคอนเสิร์ต

      พิเศษสุด ในวันที่ 18 ต.ค. 2556 เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป ชมขบวนแห่ปราสาทผึ้งประยุกต์ – โบราณ การตกแต่งรถปราสาทผึ้งและขบวนวิถีชีวิต 13 ขบวน พร้อมการแสดงแสง สี เสียง ไปตามถนนเพื่อเข้าสู่วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร พร้อมร่วมพิธีถวายปราสาทผึ้งโบราณ ณ วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร

      รูปแบบของปราสาทผึ้งแบ่งได้เป็น 4 กลุ่ม คือ แบบทรงพระธาตุ ทรงหอผี ทรงบุษบก และทรงจัตรมุข ซึ่งแต่ละแบบมีพัฒนาการต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยสร้างในลักษณะอาคารจำลองที่ตกแต่งด้วยลวดลายอย่างวิจิตรงดงาม

      สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
สำนักงานจังหวัดสกลนคร โทร 042 711 763 เทศบาลนครสกลนคร โทร 042 711 203 ต่อ 1000-1001
หรือติดต่อได้ที่ ททท.สำนักงานนครพนม เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30–16.30 น.  โทร 042 513 490-1 E-mail: tatphnom@tat.or.th

ที่มา https://i-san.tourismthailand.org/index.php?mode=main_events
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 06, 2013, 07:45:30 AM โดย jai »
เที่ยวเพื่อชาติ.........ชัยโย

ออฟไลน์ jai

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,354
  • คะแนน: +0/-0
  • เที่ยวเพื่อชาติ.....ชัยโย
    • touronthai.com
ปรากฏการณ์มหัศจรรย์บนปราสาทหินพนมรุ้ง
พระอาทิตย์ตก    ตรงแนวช่องประตูทั้ง 15 ช่อง ของปราสาทพนมรุ้ง จากด้านหน้าปราสาท หันหน้าไปทางทิศตะวันตก          
 
        ประมาณวันที่ 6 – 8 ตุลาคม 2556

     กรมศิลปากร ได้ดำเนินการบูรณะปราสาทพนมรุ้งแล้วเสร็จ ในปี พ.ศ.2526 ได้มีการยกหินชั้นหลังคาที่หลุดร่วงลงมานำไปประกอบติดตั้งยังตำแหน่งเดิม ซึ่งเป็นการบูรณะโดยการนำชิ้นส่วนกลับคืนสู่สภาพเดิมเหมือนเมื่อประมาณเกือบ 900 ปีที่แล้ว  ซึ่งในปี 2526 นั่นเอง นักโบราณคดีผู้ควบคุมงานบูรณะปราสาทพนมรุ้ง ได้เห็นดวงอาทิตย์ตรงกลางประตูปราสาทพนมรุ้ง ในตอนเช้าตรู่ของเดือนเมษายน ซึ่งได้กลายเป็นเรื่องที่เล่าขานในหมู่นักโบราณคดีขยายวงไปสู่บุคคลภายนอก และในที่สุดได้มีการเชิญนักดาราศาสตร์มาวิเคราะห์ปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้ จนทำให้คนรุ่นหลังได้ทราบถึงรหัสลับการสร้างปราสาทพนมรุ้ง ที่เป็นผลมาจากองค์ความรู้ของบรรพชนที่ได้คำนวณให้เกิดปรากฏการณ์ของระบบ สุริยะที่แม่นยำ ในแกนหลักของอาคารสถาปัตยกรรม บนยอดเขา “ปราสาทพนมรุ้ง” แห่งนี้
 
     ปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์ส่องตรง 15 ช่องประตูปราสาทพนมรุ้ง ซึ่งมีทั้งปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์ขึ้นและตกในปีหนึ่งจะเกิดขึ้น 4 ครั้ง
 
                 พระอาทิตย์ขึ้น     ตรงแนวช่องประตุทั้ง 15 ช่อง ของปราสาทพนมรุ้ง
 
                                 (จากด้านหลังทิศตะวันตก หันหน้าไปทางทิศตะวันออก)
 
                    ครั้งที่ 1       ประมาณวันที่ 3 – 5 เมษายน 2556 
 
                    ครั้งที่ 2       ประมาณวันที่ 8 – 10 กันยายน 2556
 
 
                 พระอาทิตย์ตก    ตรงแนวช่องประตูทั้ง 15 ช่อง ของปราสาทพนมรุ้ง
 
                                  (จากด้านหน้าปราสาท หันหน้าไปทางทิศตะวันตก)
 
                    ครั้งที่ 1       ประมาณวันที่ 5 – 7 มีนาคม 2556 
 
                    ครั้งที่ 2       ประมาณวันที่ 6 – 8 ตุลาคม 2556
เที่ยวเพื่อชาติ.........ชัยโย