ถึงแม้ว่าโบสถ์หลังนี้จะมีอายุหลายร้อยปี แต่ก็มีความไฮเทคนะครับ กังหันที่นี่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ครับพอเมฆมาบังแดดกังหันจะหยุดก็ไม่ต้องแปลกใจนะครับ

  จากห้องกลางของโบสถ์จะมีประตูเดินมาที่ห้องด้านหลังพระประธานเป็นห้องเล็กๆ พอๆ กับห้องที่อยู่ด้านหน้าของพระประธาน มี 2 ประตู ผนังด้านที่ติดกับองค์พระประธานมีพระจุฬามณีเจดีย์ ที่เก่าแก่มาก ซึ่งเป็นพระธาตุประจำปีเกิดด้วย คือคนที่เกิดปีจอ มาสักการะพระธาตุองค์นี้จะมีความเป็นสิริมงคลอย่างยิ่ง

  พระพุทธรูปปางเลไลยก์ พระประธานโบสถ์หลังเก่าวัดหมื่นไวย เป็นพระพุทธรูปที่สร้างมาพร้อมกับโบสถ์แต่ยังคงสภาพสมบูรณ์มาก

  องค์พระประธานภายในโบสถ์เป็นพระพุทธรูปปางเลไลยก์ คือพระนั่งห้อยพระบาท เดิมทีเดียวเชื่อว่ามีรูปลิงกับช้างอยู่ด้านข้างขององค์พระด้วยแต่หายไปตอนไหน หายไปอย่างไรไม่มีใครบอกได้ เพราะโบสถ์หลังนี้มีอายุหลายร้อยปีมาแล้วนั่นเอง ภายในโบสถ์แบ่งออกเป็น 3 ห้อง จากประตูหน้าโบสถ์เดินเข้ามาจะเป็นห้องเล็กๆ มีผนังกั้นมีประตูสำหรับเข้าในห้องกลาง 3 ประตู ถือว่าเป็นการสร้างที่ค่อนข้างแปลกอยู่เหมือนกัน ภายในโบสถ์หลังนี้จุคนได้เต็มที่ 21 คน พอดีกับการที่พระภิกษุสงฆ์จะกระทำพิธีอุปสมบทได้ โดยญาติไม่สามารถเข้ามาในโบสถ์ได้ ซึ่งตามธรรมเนียมปฏิบัติญาติๆ ของนาคก็ห้ามเข้าไปในโบสถ์ระหว่างการประกอบพิธีอยู่แล้ว

  ในวัดมีทางเดินเล็กๆ ใกล้ๆ กับหอระฆัง เดินเข้ามาหน่อยเดียวจะเจอสระน้ำ มีน้ำพุและกังหัน มีร้านขายพวงมาลัยและอาหารปลา ซื้ออาหารปลาไปเลี้ยงปลาที่โบสถ์หลังเก่าก็ได้หรือจะสะดวกหว่านอาหารปลาตรงทางเดินก็ตามอัธยาศัย ส่วนดอกไม้ธูปเทียนให้ถือไปไหว้พระที่หน้าโบสถ์ (ภายในห้ามจุดธูปเทียน) ปลาในสระตัวใหญ่มากๆ จากทางเดินรอบสระเข้าไปหาโบสถ์มีสะพานไม้และศาลาสำหรับพักผ่อนด้วย

  หนึ่งในสิ่งสำคัญของวัดหมื่นไวย ก็คืออนุสาวรีย์ของท่านที่ตั้งอยู่ภายในวัดหน้าศาลาศรีหมื่นไวย สร้างเพื่อรำลึกถึงท่านที่เป็นผู้สร้างวัดแห่งนี้ขึ้นมา

  วัดนี้ก็เป็นอีกวัดหนึ่งที่ออเจ้าควรมา

  พระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์อายุประมาณ 300 ปีหน้าจะสร้างมาพร้อมกับโบสถ์วัดหมื่นไวย์