วัดวิจิตรังสิตาราม (วัดห้วยซุง)

  บริเวณรอบๆ สระน้ำ กำลังอยู่ในระหว่างการตกแต่งพื้นที่ คงจะเสร็จเร็วๆ นี้แล้วเราจะกลับมาอัพเดทภาพให้ชมกันใหม่

  หอไตร โบสถ์และศาลา สร้างอยู่ติดกันกลางสระน้ำขนาดใหญ่ เป็นอะไรที่สวยงามมากๆ จนหลายๆ คนต้องเดินทางมาชมและไหว้พระทำบุญกันตลอด

  พระพุทธสุวรรณรังสี พระประธานในโบสถ์องค์นี้หล่อขึ้นเมื่อวันวิสาขบูชา 24 พฤษภาคม 2556 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ปีมะเส็ง ณ วัดวิจิตรังสิตาราม มีหน้าตักกว้าง 49 นิ้วเป็นปางมารวิชัยแบบพุทธศิลป์ในยุครัตนะโลหะ ทองเหลืองปิดทับด้วยทองคำแท้มีการถวายนามว่าพระพุทธสุวรรณรังสี แปลว่าพระพุทธเจ้าผู้มีรัศมีหลังทองคำ หรือ หลวงพ่อทอง ฐานชุกชีของหลวงพ่อทองเป็นปูนปั้นประดับหินอ่อน

พุทธรัตนะบัลลังก์หรือฐานชุกชีพระพุทธสุวรรณรังสี คติมาจากรัตนบัลลังก์หรือวัชรอาสน์ ซึ่งเป็นอาสนะที่พระพุทธเจ้าทรงประทับและตรัสรู้ใต้ต้นศรีมหาโพธิ์ พุทธคยา ประเทศอินเดีย รูปแบบชุกชีภายในโบสถ์ ตามความเชื่อในไตรภูมิและคำสอนทางพระพุทธศาสนาเมื่อครั้งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จจำพรรษา ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ทรงประทับนั่งบนแท่นศิลา ใต้ต้นปาริชาติเทศนาโปรดพระพุทธมารดา เหตุนี้จึงตีความถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทับเหนือสามโลก จึงสร้างรัตนบัลลังก์ด้วยหินอ่อนเพื่อสื่อถึงพระบริสุทธิคุณแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า รวมถึงพระอัครสาวกเบื้องขวาและเบื้องซ้าย

ชั้นแรก มีการวางฐานซ้อนกันเป็นชั้นๆไล่ไปถึงจรดชั้นที่ 2 หมายถึงแนวคิดทางการประพฤติปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึงพระรัตนตรัยได้แก่ ไตรสิกขา คือศีล สมาธิ ปัญญา

ชั้นที่ 2 คือชั้นบนสุดเป็นฐานที่ตั้งอยู่บนฐานชั้นแรก คติความเชื่อในไตรภูมิคือภพภูมิทั้ง 3 ได้แก่สวรรค์ นรก มนุษย์ เสมือนพระพุทธเจ้าทรงนั่งประทับเหนือสามโลกผู้เห็นการเวียนว่ายตายเกิดของวัฏสงสารของสัตว์โลก

พระโมคคัลลานะ อัครสาวกฝ่ายซ้าย ผู้เป็นเลิศด้านมีฤทธิ์มาก พระสารีบุตร อัครสาวกฝ่ายขวา ผู้เป็นเลิศทางด้านมีปัญญามาก พุทธลักษณะประทับนั่งคุกเข่าพนมมือศิลปะยุครัตนะ จีวรดอก ความสูงจากเข่าถึงเศียร 42 นิ้ว หล่อด้วยทองเหลือง ปิดทองคำเปลวแท้ ประดิษฐานบนหินอ่อนทรงกลมด้านซ้ายและด้านขวาของพระประธาน หล่อขึ้นพร้อมดวง ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอัญญาโกณฑัญญะเมื่อวันวิสาขบูชาที่ 1 มิถุนายน 2558 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 7 ปีมะแม เวลา 12.59 ฐานพระโมคคัลลานะพระสารีบุตรมีลักษณะฐานเป็นแบบทรงกลมคล้ายดอกบัวทำด้วยหินอ่อนเปรียบเสมือนสาวกที่ได้รับฟังธรรมเทศนาจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงเกิดสภาวะธรรมตื่นรู้เหมือนดอกบัวที่กำลังเบ่งบานในเวลาที่ได้รับแสงจากดวงอาทิตย์

ม่านปูนสาญจี ม่านปูนหน้าองค์พระประธาน ออกแบบให้แสดงถึงการเดินทางของศาสนาและรำลึกถึงวัตถุสถานที่เป็นสัญลักษณ์สำคัญทางพุทธศาสนา ในทางศิลปะจะดึงเอาลักษณะเด่นหรือความสวยงามของโครงสร้างเส้นสายมีความสมบูรณ์มากขึ้น หากมองไปทางพระประธานจะเห็นม่านปูนสาญจี มีลักษณะคล้ายสถูปเก่าแก่ ครอบองค์พระประธานไว้เหมือนกันปกปักรักษารูปทรงสถูปมีรูปทรงโค้งกลมเหมือนดวงอาทิตย์ คำสอนแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เช่นเดียวกับแสงอาทิตย์ที่ส่องสว่างนำทางในความมืดให้แก่สัตว์โลกมิให้มีใจมืดบอด ตรงกลางหน้าพระประธานจึงมีลักษณะโค้งกลมเหมือนได้รับเมตตา จากพระองค์ท่าน เพื่อให้ทุกคนเล็งเห็นคุณค่าของสัญลักษณ์ที่เกิดจากคำสอนในพระศาสนาและใช้สติปัญญาเป็นเครื่องพิจารณาตามความเหมาะสมให้เกิดประโยชน์ต่อผู้อื่นนั่นเอง การสร้างม่านปูนขึ้นที่อุโบสถนี้เป็นการจัดสรรพื้นที่ของพระประธานพระสงฆ์และฆราวาส

  ดวงมหัศจรรย์ของโลกให้เดินมาดูที่ผนังด้านหลังของโบสถ์ เป็นดวงแห่งการประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพาน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในวันวิสาขบูชาทางวัดห้วยซุงจึงได้ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์สร้างอุโบสถหลังนี้ขึ้นมาถือได้ว่าการสร้างโบสถ์ด้วยดวงฤกษ์วันวิสาขบูชาอาจจะมีเพียงที่นี่ที่เดียวก็เป็นได้

  พระอุปคุต ณ กุฏิแก้ว สร้างจากดำริของพระครูโสภณสีลวัตรหรือหลวงปู่เทียบ เนื่องจากอุโบสถตั้งอยู่กลางสระน้ำโบราณซึ่งตามพระพุทธประวัติพระอุปคุตท่านจะจำศีลอยู่กลางสะดือทะเลโดยตำแหน่งของอุโบสถจึงเหมาะแก่การสร้างพระอุปคุตเพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะบูชา พระพุทธลักษณะประทับนั่งขัดสมาธิเพชรมือขวาจับเข่ามือซ้ายถือดอกบัว 3 ดอก บนฐานบัวหงายเหนือทะเลและหมู่มวลสัตว์น้ำทั้งหลาย พระอุปคุตวัดห้วยซุงมีหน้าตัก 19 นิ้ว หล่อขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม 2560 ปีระกาเวลา 12.59 เป็นวันชิวหยีของเทศกาลตรุษจีนหล่อด้วยโลหะเงินยวงและเมื่อถึงวันแรม 8 ค่ำเดือน 11 จะนิมนต์พระอุปคุตขึ้นให้ประชาชนได้ตักบาตรข้าวต้มมัดห่มผ้ารับกฐินสามัคคีประจำปีของวัด เสร็จแล้วก็จะนิมนต์พระอุปคุตจะไปประดิษฐานบนฐานตรีกูฏในกุฏิแก้วตามเดิม

ฐานตรีกูฏและกุฎิแก้ว
เนื่องจาก ตามเรื่องราวของพระพุทธประวัติเล่าว่าพระอุปคุตได้เนรมิตกุฏิให้ดูสวยงาม กุฏิแก้วพระอุปคุตจึงได้ประดับตกแต่งให้สวยงามด้วยโมเสกคริสตัล ให้ดูเหมือนว่าเป็นกุฏิแก้วที่ถูกสร้างขึ้นด้วยอิทธิฤทธิ์แห่งพระอุปคุต ฐานของพระอุปคุตเรียกว่าฐานตรีกูฏ จากไตรภูมิกล่าวว่ามีลักษณะเป็นภูเขา 3 ลูกวางแบบสามเส้า จมลงใต้น้ำลึกลงไปเรียกว่าเขาตรีกูฏ ซึ่งรองรับเขาพระสุเมรุอันเป็นศูนย์กลางจักรวาลส่วนตรงกลางภูเขาเป็นอุโมงค์ขนาดใหญ่เป็นที่อยู่ของพวกอสูร (กายทิพย์) มีดอกบัวบานแสดงถึงความเบ่งบานแห่งปัญญาและสภาวะธรรมแห่งการตื่นรู้ในทุกภพภูมิ