อิ่มอร่อยกันเต็มที่สนทนากันอยู่อีกสักพัก เราก็ต้องร่ำลาพี่ณัฏฐ์และพี่บุษกลับเข้าที่พักที่บ้านวิวน้ำ ขับรถไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงแล้ว วันนี้ผ่านไปด้วยดีทุกอย่างเพลียมากว่าจะเอารูปออกมาโพสซักหน่อยแต่ไม่ไหวอาบน้ำแล้วเข้านอนเพื่อวันพรุ่งนี้มีโปรแกรมสำคัญรอเราอยู่ ก็คือ
สะพานซูตองเป้ สะพานไม้แห่งศรัทธาที่กำลังเป็นกระแสของแม่ฮ่องสอนอยู่ในขณะนี้นั่นเอง
มีคนบอกว่า ซูตองเป้ แปลว่าความศรัทธา ทุกคนก็เลยตั้งสมญาสะพานซูตองเป้ ว่าเป็นสะพานแห่งศรัทธา เพราะสร้างด้วยแรงศรัทธาของชาวบ้านท้องถิ่น เป็นสะพานไม้ที่ทอดยาวข้ามทุ่งนาข้าวของชาวบ้านเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพระคุณเจ้าได้เดินบิณฑบาตรโปรดชาวพุทธได้อย่างสะดวกโดยไม่เหยียบย่ำต้นข้าวในนา ความสูงของสะพานต้องสูงพ้นจากยอดต้นข้าว เรียกว่าคนเดินลอดสะพานบางคนก็ไม่ต้องก้มหัวเลย เนินเขาเล็กๆ ใกล้หมู่บ้านกุงไม้สัก มีนาข้าวคั่นอยู่ตรงกลาง และมีแม่น้ำสายเล็กๆ ชื่อแม่น้ำสะงาอยู่ใกล้กับเชิงเนินเขานี้ บนเนินเขาเป็นที่ตั้งของ
สวนธรรมภูสมะ มีพระจำพรรษาอยู่หลายรูปรวมไปถึงสามเณรด้วย
การใส่บาตรในหมู่บ้านไม่มีร้านค้า อาหารขาย ถ้าใครอยากใส่บาตร ต้องซื้อมาจากในเมือง มีตลาดเช้า บางคณะอาจติดต่อกับรีสอร์ทให้ช่วยเตรียมอาหารให้ หรือร้านสะดวกซื้อที่เรานิยมกันก็ได้นะครับมีครบครัน ไม่ว่าจะเป็นอาหารประจำวัน หรือาหารแห้ง ขนม นมเนย ได้ทั้งนั้นครับ มีพระจำพรรษาอยู่หลายรูปรวมไปถึงสามเณรครับ
พระสงฆ์สามเณรจะเดินออกบิณฑบาตรจากเนินเขาลงมาข้ามทุ่งนาไปยังหมู่บ้านแล้วก็เดินกลับแบบนี้เป็นประจำทุกวัน ถ้าใครอยากจะใส่บาตรมาประมาณ 6.30 น. ก็ได้ เพื่อใส่บาตรตอนที่ท่านเดินกลับ (ถ้าใส่บาตรตอนขาไปท่านจะต้องถืออาหารในบาตรทั้งไปและกลับ เพื่อไม่ให้ท่านลำบากจึงควรใส่ตอนขากลับ) ส่วนถ้าจะมีถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นก็มาให้เช้ากว่านั้นหน่อย
การเดินทางไปสะพานซูตองเป้ ต้องออกเดินทางแต่เช้าจากที่พักบ้านวิวน้ำของเราไปยังสะพานประมาณ 16 กิโลเมตร เราก็ออกตี 5 ครึ่ง ขับไม่นานก็ถึง ออกจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนไปประมาณ 12 กิโลเมตร ถึงแยกเข้าหมู่บ้านกุงไม้สัก ซึ่งเป็นทางเดียวกันกับที่จะไปปางอุ๋ง และบ้านรักไทย แต่บ้านกุงไม้สักอยู่ห่างจากทางแยกนี้ไม่กี่กิโลเมตร พอเข้าหมู่บ้านก็จะเห็นป้ายบอกทางไปสะพานซูตองเป้เป็นระยะๆ พอถึงซอยที่จะไปสะพานก็หาที่จอดรถแล้วเดินเข้าซอยอีกไม่ไกลก็จะเห็นศาลาและสะพานไม้
อีกวิธีหนึ่งคือขับเลยทางแยกเข้าหมู่บ้านกุงไม้สักไปอีกประมาณ 500 เมตรจะมีทางแยกอีกทางไปด้านหลังของสวนธรรมภูสมะ เดินอ้อมเนินเขาของสวนธรรมมาด้านหน้าก็ถึงสะพานซูตองเป้
เราเลือกใช้เส้นทางแรกในการเดินทาง พอจอดรถเดินเข้าซอยเห็นสะพานไม้เราก็ถ่ายภาพได้สวนธรรมภูสมะบนเนินเขาเป็นฉากหลัง นี่ถ้าฟ้าเปิดพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆ เราคงได้ภาพระดับส่งประกวดได้แน่ๆ ขนาดฟ้าครึ้มๆ ยามเช้าเรายังมองว่าสวยงามประทับใจขนาดนี้เลย ทันทีที่เห็นพระเดินลงมาเราก็เอาของที่ซื้อมาสำหรับใส่บาตร ใส่ลงในบาตรของท่านทีละรูปๆ จนครบ พอท่านเดินจากไปเราก็ถ่ายรูปกันกับวิวสวยๆ ของสะพาน จนกระทั่งท่านเดินกลับมาถึงเพิ่งนึกได้ว่าเราน่าจะใส่บาตรตอนที่ท่านเดินกลับแทนที่จะรีบใส่ตั้งแต่ขาไป เลยมาบอกเล่ากันนี่แหละ