ทริปพิเศษ 15,000 ไมล์อัลไต-สุวรรณภูมิ ภาค #4 (อีสานแหล่งเรียนรู้วัฒนธรรม)

[admin]

วันที่ 33 ของการเดินทาง (16 ธ.ค.58) ต่อจาก ภาค #3  คลิกอ่านภาค #3
การเดินทางอันยาวนาน 15,000 ไมล์ จากเทือกเขาอัลไตประเทศจีน สู่สุวรรณภูมิประเทศไทย ในวาระครบรอบ 40 ปีความสัมพันธ์ทางการทูต ไทย-จีน ที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 1 กรกฏาคม 2518  เป็นคาราวานรถยนต์สานสัมพันธไมตรี วัฒนธรรมกับการท่องเที่ยว โดยกระทรวงวัฒนธรรมของสาธารณรัฐประชาชนจีน สมาคมวัฒนธรรมรถยนต์แห่งชาติจีน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2558 โดยมีโต้โผใหญ่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง นายสมชาย ชมภูน้อย ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คุณสมฤดี จิตรจง เดินทางไปปล่อยขบวนคาราวานและร่วมเดินทางกับคณะคาราวาน โดยมีนักท่องเที่ยวสื่อมวลชนทั้งชาวไทย และชาวจีน ร่วมเดินทางด้วยกันมาโดยตลอด จนถึง วันที่ 13 ธันวาคม คณะคาราวานเดินทางถึงกรุงเทพมหานคร และมีงานเลี้ยงต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ โดยได้รับเกียรติจาก นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี ตามที่ได้รายงานไปแล้วใน ทริปปฏิบัติการพิเศษ 15000 ไมล์ อัลไต-สุวรรณภูมิ ภาค#3 คณะพักผ่อนในกรุงเทพฯ 2 คืน และต่อจากนี้ไปก็จะเป็นการเดินทางของขบวนคาราวานในประวัติศาสตร์การท่องเที่ยวระหว่างไทย-จีน ต่อจากภาคกลางสู่ภาคอีสาน

คุณสมฤดี จิตรจง รับคณะคาราวานและนำเคลื่อนขบวนสู่ภาคอีสานในเช้าตรู่ วันที่ 16 (เช้าวันนี้) เวลาประมาณ 06.00 น. ขบวนคาราวานเดินทางออกจากกรุงเทพมหานคร ถึงวัดบ้านไร่ จังหวัดนครราชสีมา ก่อนเที่ยงเล็กน้อย ทั้งหมดร่วมเดินชมวิหารเทพวิทยาคม ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นวิหารที่สวยงามเปี่ยมล้นด้วยศิลปะและคติธรรมอยู่โดยรอบ เฉพาะพญานาคด้านหน้า ก็ใช้กระเบื้องโมเสกมากกว่า 2 ล้านชิ้นต่อพญานาค 1 ตน จากนั้นร่วมรับประทานอาหารในวัดบ้านไร่

[admin]

หลังจากนั้นขบวนคาราวานเริ่มตั้งขบวนออกเดินทางจากวัดบ้านไร่หลังจากที่อิ่มกับมื้อเที่ยงแบบเรียบง่ายกันไปแล้ว เดินทางยาวเข้าจังหวัดขอนแก่น แวะสถานที่สำคัญประจำจังหวัดคือพระธาตุแก่นนคร วัดหนองแวง พระธาตุ 9 ชั้นที่สร้างอย่างสวยงามอยู่ติดกับบึงแก่นนคร เป็นสถานที่ที่หลายคนจะต้องมาเมื่อได้มาขอนแก่น ท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นพร้อมคณะ ให้เกียรติต้อนรับขบวนคาราวาน และมีการแลกเปลี่ยนของที่ระลึกซึ่งกันและกันตามธรรมเนียมที่ทำกันมาทุกวันนับจากวันเริ่มเดินทาง 15000 ไมล์ จากเทือกเขาอัลไต นักท่องเที่ยวและสื่อมวลชนทั้งชาวไทยและชาวจีนถ่ายรูปร่วมกันเป็นที่ระลึก เดินชมพระธาตุแก่นนครจนได้เวลาอันสมควรก็ออกเดินทางสู่จังหวัดอุดรธานี เข้าที่พักเตรียมพร้อมสำหรับการออกเดินทางช่วงเช้าตรู่สู่ทะเลบัวแดง แหล่งท่องเที่ยวอันขึ้นชื่อของอุดรธานีที่มีคนมาเที่ยวกันอย่างไม่ขาดสายโดยเฉพาะช่วงปลายปีจนถึงต้นปีจะมีบัวแดงนับไม่ถ้วนเบ่งบานอวดสีสันสวยงามแสนโรแมนติก

[admin]

วันที่ 34 ของการเดินทาง (17 ธ.ค.58)
หลังจากเข้าที่พักที่อุดรธานี ขบวนคาราวานออกเดินทางจากเมืองอุดรฯ มุ่งหน้ากุมภวาปี ซึ่งมีทะเลบัวแดง ทะเลสาบที่แปลกติดอันดับโลกและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เรียกว่า ครั้งหนึ่งต้องมาให้ได้ ทะเลบัวแดงจะออกดอกเบ่งบานในช่วงฤดูหนาว ปีนี้หนาวช้าเลยทำให้บัวบานช้ากว่าเดิมแต่ความสวยงามยังคงไม่เปลี่ยนแปลง บัวออกดอกสีชมพูทั่วหนองน้ำมองเห็นได้ตั้งแต่บนฝั่ง ยิ่งออกเรือไปสัมผัสใกล้ๆ ก็ยิ่งสวยงามจับใจไม่แพ้ที่ใดในโลก

หลังจากนั้นเดินทางเยี่ยมชมแหล่งมรดกโลกบ้านเชียง มรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของไทย ด้วยลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่ใดด้วยภูมิปัญญาชาวบ้านที่ผสานกับธรรมชาติใช้ดินในการปั้นและใช้สีจากดินในการเขียน ทำให้สีติดทนนานแม้กาลเวลาจะผ่านไปนานเป็นพันปี ชาวบ้านเชียงเตรียมการต้อนรับอย่างอบอุ่นด้วยการแสดงเซิ้งแบบชาวอีสานแท้ของบ้านเชียง นักเดินทางร่วมทดลองเขียนลายบ้านเชียงและชมพิพิธภัณฑ์บ้านเชียงก่อนร่วมรับประทานอาหารกลางวัน

[admin]

นักเดินทางคาราวานอัลไต-สุวรรณภูมิ ที่น่าทึ่งคนหนึ่งในคณะคือผู้ที่ใช้วีลแชร์ในการเดินทางและขับรถด้วยตัวเอง เขียนลายบนเครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียง ลงตัวอักษรจีนมีความหมายว่า สานสัมพันธ์ไทย-จีน แลกกับลายเครื่องปั้นดินเผาของบ้านเชียงเป็นที่ระลึก และแสดงถึงความสามารถด้านงานศิลปะที่ไม่มีใครรู้มาก่อน

จากนั้นเดินทางเข้าตัวเมืองอุดรธานี ช้อปปิ้งที่ UD Town ก่อนจะเข้าบริเวณศาลปู่-ย่า ชมการแสดงอังกอต้อนรับคณะคาราวาน โดยได้รับเกียรติจากผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี กล่าวต้อนรับในงานเลี้ยงนี้ด้วย

[admin]

บรรยากาศงานเลี้ยงต้อนรับคณะคาราวานที่จังหวัดอุดรธานีเป็นไปอย่างอบอุ่น ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบของที่ระลึกให้ผู้แทนคณะคาราวานท่านอดีตอุปทูตวัฒนธรรมจีนประจำประเทศออสเตรเลีย พร้อมชมการแสดงที่สวยงาม ในงานนี้นางสาวสมฤดี จิตรจง นำภาพวิดีทัศน์แหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามในภาคอีสานมาแสดง พร้อมกล่าวเชิญชวนคณะคาราวานให้กลับมาเที่ยวสถานที่ที่สวยงามเหล่านั้นที่ไม่สามารถจะพาไปชมได้ทั้งหมดในเวลาที่มีอยู่ของทริปนี้ได้ การเดินทางท่องเที่ยวทางรถยนต์ระหว่างไทยจีนมีเส้นทางเดินทางที่ไม่ไกลมากอย่างที่คิดสามารถเดินทางถึงกันได้โดยสะดวกกว่าที่ใครหลายๆ คนเข้าใจ สำหรับคาราวานอัลไต-สุวรรณภูมิในครั้งนี้เป็นหนึ่งตัวอย่างเส้นทางการขับรถเที่ยวระหว่าง 2 ประเทศ ส่วนนักท่องเที่ยวในคาราวานจีนหลายคนก็บอกว่าอยากกลับมาเมืองไทยและใช้เวลาให้นานกว่านี้เพราะเมืองไทยมีสิ่งสวยงามมากมายที่ยังไม่ได้ไป และมีวัฒนธรรมวิถีชีวิตที่ไม่ต่างกันมากระหว่าง 2 ชาติ ทำให้คนไทยและคนจีนเข้ากันได้ดีแม้จะสื่อสารกันไม่เข้าใจทั้งหมดก็ตามที

[admin]

วันที่ 35 ของการเดินทาง (18 ธ.ค.58)
การเดินทางพิชิต 15000 ไมล์ อัลไต-สุวรรณภูมิก็ยังดำเนินต่อไป โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นำคณะคาราวานนักเดินทางไกลจากประเทศจีน ออกเดินทางจากจังหวัดอุดรธานี ไปยังจังหวัดหนองคาย เข้านมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง "หลวงพ่อพระใส" วัดโพธิ์ชัย โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคายให้เกียรติต้อนรับคณะที่วัด พร้อมแลกของที่ระลึกสำหรับผู้เดินทางในคาราวานครี้งนี้ จากนั้นเดินทางไปยังวัดพระธาตุบังพวน หนึ่งในโบราณสถานสำคัญประจำจังหวัด และจะเดินทางต่อไปยังจังหวัดเลย เป็นลำตับต่อไป

[admin]

คณะคาราวานเดินทางต่อตามเส้นทางเลียบแม่น้ำโขงมุ่งหน้าจังหวัดเลย ผ่านอำเภอสังคม และอำเภอปากชม แวะชมจุดชมวิวเมืองปากชมบนภูหอ ด้วยการต้อนรับอย่างอบอุ่นของคณะอำเภอปากชม ครูและนักเรียนในพื้นที่ ชาวบ้านสองข้างทางเห็นรถขบวนคาราวานขับผ่านก็พากันโบกไม้โบกมือ นักเรียนโบกธงไทย-จีน กล่าวทักทายหนีฮ่าวตลอดเวลา ทุกคนขึ้นไปถึงจุดชมวิวภูหอถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึกอย่างสนุกสนานจนได้เวลาอันสมควรก็เดินทางกลับลงมาที่ขนส่งปากชมแล้วออกเดินทางต่อไปยังอำเภอเชียงคานเป็นจุดหมายต่อไป

สำหรับภูหอนับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของอำเภอปากชม บนยอดภูสามารถมองเห็นวิวเมืองปากชมทั้งเมืองและวิวปากแม่น้ำชม ในช่วงฤดูฝนไปจนฤดูหนาวมีโอกาสเกิดทะเลหมอกให้เห็นได้ด้วย รถสามารถขึ้นถึงยอดภูมีถนนเป็นทางคอนกรีตเสริมเหล็กอย่างดี แต่พื้นที่บนยอดภูไม่สามารถจอดรถของคาราวานทั้งหมดได้ จึงต้องเปลี่ยนเป็นรถสองแถวเพื่อเดินทางให้สะดวกมากขึ้น

[admin]

บรรยากาศการขับรถเที่ยวระหว่างประเทศ จากจีน มาไทย เส้นทางเลียบแม่น้ำระหว่างอ.สังคม กับ อ.ปากชม เป็นเส้นทางที่มีทิวทัศน์สวยงามเหมาะสำหรับการขับรถเที่ยวแบบชิลๆ การเดินทางกว่า 1 เดือนที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าแม้ทั้งสองประเทศจะมีระยะทางที่ไกลกันมากแค่ไหนแต่ถ้าตั้งใจจะมาก็ไม่ใช่เรื่องยากเสียจนทำไม่ได้ เมื่อการเดินทางระหว่างประเทศจะเป็นเรื่องง่ายขึ้นในอนาคตหลังจากการร่วม AEC สำเร็จลุล่วง ต่อไปการท่องเที่ยวด้วยการขับรถจะมีมากขึ้นอย่างแน่นอน

[admin]

ลงจากภูหอคณะคาราวานเดินทางเข้าอำเภอเชียงคาน ชมการแสดงนาฏศิลป์อีสานมากมายหลายชุดอย่างน่าประทับใจ ด้วยการเตรียมต้อนรับคณะอย่างสมเกียรติของท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเลย การร่วมรำวงกับผีตาโขนและผีขนน้ำ ทำให้บรรยากาศงานเลี้ยงต้อนรับที่จังหวัดเลยเป็นไปอย่างคึกคักสนุกสนาน จากนั้นก็แยกย้ายเดินช้อปปิ้งของกินของใช้ในถนนคนเดินเชียงคานตามอัธยาศัย ได้ชิมอาหารหลากหลายทั้งอาหารอีสาน อาหารไทยภาคอื่น และอาหารจากต่างประเทศก็เริ่มมีเข้ามาขายในเชียงคานกันแล้ว มีเวลาให้ช้อปกันเต็มที่ก่อนที่จะเดินทางเข้าที่พักเพื่อพักผ่อน จบการเดินทางของวันนี้ไปอีก 1 วัน เป็นวันที่เปี่ยมไปด้วยความทรงจำและไมตรีที่ดีต่อกันอย่างยากที่จะลืมเลือน

พรุ่งนี้จะเป็นวันที่ขบวนคาราวานเดินทางออกจากจังหวัดเลย และพื้นที่ภาคอีสาน แล้วมุ่งหน้าขึ้นภาคเหนือจ.เชียงราย เพื่อเดินทางกลับประเทศที่ด่านเชียงของต่อไป

[admin]

(19 ธ.ค.58) วันที่ 36 ของการเดินทางทั้งหมด 37 วัน ของขบวนคาราวาน อัลไต - สุวรรณภูมิ การเดินทางที่ควรแก่การจารึกไว้ในประวัติศาสตร์การเดินทางท่องเที่ยวระหว่างไทยและสาธารณรรัฐประชาชนจีน ด้วยการใช้รถยนต์เป็นพาหนะ ระยะทางรวมกว่า 15,000 ไมล์ เรียกได้ว่ายากที่จะมีขึ้นได้แต่ละครั้ง ด้วยความร่วมมือของรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ บริหารการเดินทางโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และกระทรวงวัฒนธรรมของจีน วันนี้เริ่มจากการเข้าเยี่ยมชมวิหารพุทธชยันตี มูลนิธิสว่างศิริธรรม

นางสาวสมฤดี จิตรจง ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งใจให้เป็นเช้าแห่งการจารึกความทรงจำของทั้งสองประเทศ ด้วยการจัดการถ่ายรูปหมู่ของคณะคาราวานทั้งหมดทั้งชาวไทยและชาวจีน ที่บริเวณลานต้นคริสมาสต์ อ.ภูเรือ จ.เลย จากนั้นก็มีเวลาให้เดินชมต้นคริสมาสต์สีแดงที่หาได้ยากในเมืองจีนกันตามอัธยาศัย