เอาละมาถึงปากถ้ำแล้วนั่งพักจนหายเหนื่อยดีก่อนแล้วค่อยเดินกันต่อไป จากปากถ้ำต่อจากนี้ไปทางเดินลงอย่างเดียวครับ ดูด้านนอกเห็นทางเข้าเล็กนิดเดียว พอเข้ามาเป็นโถงใหญ่มากๆๆๆ เดินได้สบายๆ กว้างขวางมาก ไฮไลท์หนึ่งของถ้ำไทรก็คือหินก้อนหนึ่งที่อยู่บนกองหินที่ดูก็พอจะรู้ว่าถล่มลงมาจากเพดานถ้ำตรงที่เป็นปล่องใหญ่ๆ (ดูเหมือนว่าถ้ำที่จังหวัดประจวบจะมีปล่องอยู่บนเพดานกันหมดเลยนะ ดูจากถ้ำพระยานคร) หินก้อนนั้นบังเอิญมีรูปร่างเหมือนคนนั่งสมาธิอยู่บนเนินหิน มีต้นไม้อยู่ตรงกลาง เลยเป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดูแลถ้ำไทยอยู่ เดินอ้อมกองหินที่อยู่กลางถ้ำไปอีกหน่อยจะมีทางเดินลึกลงไปชั้นล่างได้อีก พอลงบันไดไปแล้วก็จะเป็นโถงถ้ำที่สวยงามมากต่างจากภายนอกลิบลับเลย หินงอกหินย้อยที่นี่ยังเป็นหินเป็นที่มีเกล็ดแวววาวเหมือนเพชรประกายเวลาโดนแสงไฟฉาย อ้อพอพูดถึงไฟฉายที่ตรงทางขึ้นเค้ามีบริการให้นะครับ แต่บังเอิญผมลืมหยิบมา
เลยต้องเดินด้วยการอาศัยแสงไฟฉายของคนอื่นที่จะสาดมาตรงกับที่ที่ผมจะเดินไปพอดี แบบเนียนๆ
พอก้าวลงไปแล้วหันกลับมาจะเป็นปล่องอยู่ 2 ปล่อง แต่ด้านซ้ายคงเดินขึ้นลงไม่ได้ เพราะเค้าทำบันไดไว้ข้างเดียว ส่วนตรงกลางมีความรู้สึกว่าเหมือนกับต้นไทรต้นใหญ่ที่มีรากห้องลงมาระโยงระยาง อาจจะเป็นที่มาของชื่อถ้ำไทรก็เป็นได้