เที่ยวสไตล์จิดอาสาพาสุขใจ #happinessyoucanshare (เที่ยว-ให้-สนุก)

[admin]

เย็นวันนี้ทีมงานของเราร่วมกินมื้อเย็นที่ปากน้ำกระบี่ซีฟู๊ด ร้านอาหารทะเลชื่อดังอีกร้านหนึ่งของกระบี่ ด้วยความเหนื่อยล้าและเพลียแดดทุกคนตกลงกันว่าจะไปที่ร้านอาหารหลังจากแวะอาบน้ำอาบท่าที่โรงแรมกันก่อน อาหารสุดแสนอร่อยเพียงแค่วางลงเราก็ลุยกินกันทันที ลืมไปว่าไม่ได้ถ่ายรูป แต่ไม่เป็นไรเพราะความหิวและความเหนื่อยงดถ่ายรูปอาหารซักวันก็แล้วกัน เมนูพิเศษสุดสำหรับวันนี้คือหอยนางรมตัวเขื่องใหญ่เท่าฝ่ามือโควต้าให้คนละตัว ราคาอยู่ที่ ตัวละ 50 บาท ก็เปรมกันไปเลยทีเดียว จบมื้ออาหารเย็นเราก็เดินทางกลับโรงแรมสลีปเวลเข้านอนพักผ่อนพรุ่งนี้วันเดินทางกลับเราจะออกสายๆ นิดนึง เพราะเป็นวันสุดท้ายจัดโปรแกรมหลวมๆ เที่ยวสบายๆ

เช้ารุ่งขึ้น 13 สิงหาคม เก็บข้าวของอาบน้ำอาบท่า เวลานัดหมาย 9.30 น. พร้อมกันที่ล็อบบี้เช็คเอาท์ ออกจากโรงแรม ขึ้นรถตู้ เป็นวันเดียวของทริปนี้ที่เราได้นั่งรถตู้ แอร์เย็นสบายๆ เบาะนิ่มๆ เอนได้ โหฟินสุดๆ ทุกคนคิดเหมือนกันเลยว่าเป็นการเดินทางที่สบายที่สุด 555 รถเคลื่อนตัวออกจากโรงแรม หลังจากที่เราร่ำลาพี่เบิร์ด ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ Habitat for Humanity Thailand จุดหมายแรกก็คืออ่าวนาง หลังจากที่เราอกหักจากหาดนพรัตน์ธาราในเย็นวันแรกเพราะเมฆครึ้มแถมฝนตก วันนี้ฟ้าสวยสดใสอย่างไม่น่าเชื่อ เราได้ภาพอ่าวนางสวยๆ กันถ้วนหน้า แต่ก็เห็นชัดเลยว่าฝนกำลังไล่เข้ามาหาฝั่ง เรือเล็กกลับฝั่งโดยพร้อมเพรียงกัน เราก็ได้เวลาที่จะต้องเดินทางออกจากอ่าวนางแล้วเช่นกัน

[admin]

ตามถนนจากอ่าวนางมาตัวเมืองไปยังสนามบินนานาชาติกระบี่ ใช้เวลาไม่มากในการเดินทาง แต่ไฟลท์ที่เราจองไว้บินประมาณ 19.40 น. ทำให้มีเวลาเหลือเฟือที่จะแวะดูอะไรๆ ระหว่างทาง หนึ่งในนั้นก็คือของฝากเราเลือกร้านจี้ออ อันเป็นร้านของฝากขึ้นชื่อมีของให้เลือกมากมายหลายอย่าง แต่ก็ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่เราก็ซื้อของกันครบทุกคน


ต่อด้วยอาหารกลางวันที่จะต้องขึ้นชื่อด้วยเหมือนกันเราจะได้มีเรื่องราวมาเล่าเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเรื่อง ร้านที่เราเลือกได้แก่ ขนมจีนไก่ทอดโกจ้อย ขนมจีนรสเลิศที่ทำเส้นกันแบบสดๆ ราดด้วยน้ำแกงกระทิหรือน้ำพริกแล้วแต่จะเลือกบางทีเส้นทำไม่ทันก็ต้องรอนิด ขั้นตอนการลวกเส้นเป็นที่สนใจของช่างภาพในทีมเราอย่างยิ่งเลย ถ่ายตั้งแต่กดแป้งไหลลงมาในน้ำร้อน แช่น้ำเย็น 2-3 น้ำ ซาวขึ้นมาให้สะเด็ดน้ำในกระจาดแล้วจัดมาใส่ถ้วยให้พอดีๆ เท่าๆ กัน ร้านนี้ขายไม่กี่ชั่วโมงพอบ่าย 3 จะต้องปิดร้านแล้วไปเปิดขายที่ในเมืองกระบี่ ส่วนไก่ทอดมีทั้งปีกน่องและอกทอดใหม่ๆ วางไว้ให้เลือก ลูกค้าก็ไปเลือกได้ตามอัธยาศัย ส่วนน่องขายดีมากทอดออกมาเท่าไหร่ก็หมดในพริบตาเหมือนโดนรุมทึ้ง ไก่ทุกชิ้นจะกรอบและร้อนมาก เป็นเอกลักษณ์ของร้านนี้เลยก็ว่าได้


พออิ่มแล้วสั่งเก็บตังค์ เจ้าของร้านมาถามว่ากินไก่ไปกี่ชิ้นก็วัดใจความซื้อสัตย์กันเลยทีเดียว โต๊ะเรา 6 คน กินไก่ 11 ชิ้น ใข่ 3 ใบ ขนมจีนเบิ้ลบ้างไม่เบิ้ลบ้างรวมๆ แล้ว 10 ถ้วยด้วยกัน อร่อยสุดๆ ทีแรกบางคนจะไม่ถ่ายรูปพอกินแล้วอร่อยกลายเป็นต้องลุกไปถ่ายทั้งหมดตั้งแต่กดเส้นเลยเหมือนกัน


ร้านโกจ้อยสังเกตุง่าย อยู่ใกล้ๆ ศาลเจ้า มีเจดีย์ 12 ชั้นสูงตระหง่านเห็นแต่ไกล ร้านเค้าเป็นเพิงเล็กๆ ติดถนนไม่มีที่จอดรถ เป็นอันรู้กันว่าใครจะกินขนมจีนไก่ทอดโกจ้อยจำเป็นต้องจอดในศาลเจ้าแล้วเดินออกมา

[admin]

อิ่มหนำสำราญเบิกบานใจตามคอนเซปเที่ยว-ให้-สนุก    จากนี้เดินทางไปที่สระมรกต สถานที่เที่ยวสุดท้ายแล้วสำหรับทริปนี้ แหม โปรแกรมนี้นี่มีอะไรดีๆ ให้เราได้ทุกวันจริงๆ ที่เที่ยวขึ้นชื่อของกระบี่เรียกว่าได้ไปเกือบหมด ยกเว้นเกาะเท่านั้นเอง ระยะทางไปสระมรกตก็ยาวพอสมควร ทุกคนขึ้นนั่งประจำที่แล้วก็หลับเพราะความอิ่ม หลับกำลังเพลินรถจอดที่ลานจอดรถสระมรกต จากนั้นเราก็ต้องไปซื้อบัตรค่าเข้า ของกินต่างๆ นานา ไม่ให้เอาเข้าไปจะมีบอร์ดให้แขวนไว้ตรงทางเข้า เข้าท่าดีเหมือนกันแต่ส่วนใหญ่เดินกลับออกมาก็จะลืมกันหมด ฉะนั้นถ้าเป็นไปได้แนะนำให้กินให้หมดจะดีกว่า


เมื่อเราไม่มีอะไรติดมือมานอกจากกล้องซื้อบัตรเสร็จก็เดินตามกันเข้าไป ตั้งแต่ตรงทางเข้าก็จะเห็นธารน้ำใสๆ ไหลมาที่ประตูกันเลยทีเดียว เด็กหลายคนไม่เสียค่าเข้าก็ลงเล่นน้ำกันตรงนี้สนุกกันไป

[admin]

ผ่านประตูเข้ามาได้แล้วจะเห็นป้ายลูกศรชี้บอกทางไปสระมรกตอยู่ 2 ป้าย เขียนว่า สระมรกต 800 เมตร กับ สระมรกต 1400 เมตร เราทุกคนเลือกไปทาง 1400 ม. เพราะเห็นว่าจะได้ชมธรรมชาติทุ่งเตียวที่สวยงามอะไรแบบนั้น ซึ่งก็จริงเพราะขากลับเราเดินด้วยเส้นทาง 800 เมตร ไม่มีอะไรเลยนอกจากไม้ยืนต้นซึ่งไม่ตื่นตาตื่นใจเหมือนธารน้ำใสๆ ที่เราเดินผ่านอีกทาง เส้นทางเดินไปสระมรกตจะมีสะพานคอนกรีตและแนวกั้นตลอดเพื่อกันไม่ให้เราเข้าไปในพื้นที่ทางผ่าน มีหอให้ชมวิวสูง 4 ชั้น อายุเริ่มเก่าแล้วอีกไม่นานคงจะมีการซ่อมให้แข็งแรงขึ้น ภาพบนหอชมวิวสวยใช้ได้ ลมพัดเย็นๆ ให้เราได้คลายร้อนระหว่างการเดินอันยาวไกล มาถึง 4 แยกมีป้ายบอกว่าไปสระมรกตทางไหน ก็ไปตามป้ายอาจจดูงงๆ นิดนึงแต่พอเดาออก ถ้ากลัวเดินผิดให้ยืนรออยู่ที่ 4 แยก คนเดินกลับออกมาทางไหนก็ไปทางนั้น จะถึงสระแก้วก่อนสระมรกต สระแก้วก็จะเป็นสระใสๆ แต่ไม่มีสีมรกตเหมือนสระมรกตล้อมรอบด้วยต้นไม้แต่ไม่ให้ลงเล่นน้ำ จากสระแก้วเดินไปอีกไม่ไกลก็เป็นสระมรกตแล้ว


สระน้ำสีเขียวขนาดใหญ่ กะประมาณจากตัวคนที่ลงเล่นน้ำน่าจะลึกประมาณเมตรเศษๆ กำลังดีสำหรับการเล่นน้ำ สระแห่งนี้น้ำใสมาก และมีระบบน้ำหมุนเวียนตามธรรมชาติตลอดเวลา จึงลงเล่นได้อย่างสบายใจ ด้านหลังมีสายน้ำไหลมาเติม ส่วนด้านหน้ามีพื้นที่ให้น้ำล้นออกแล้วไหลไปที่สระแก้วและลำธาร ธรรมชาติสร้างที่นี่ขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์เพราะเป็นระบบเดียวกับที่ใช้ในสระว่ายน้ำของโรงแรมเลยทีเดียว


ปกติสระมรกตจะมีคนมากในวันหยุด แต่วันที่เราไปเป็นวันธรรมดาต่อจากวันแม่ คาดว่าคนจะน้อยได้ภาพสวยๆ กลับมาเพียบ พอเอาเข้าจริงกลายเป็นว่าคนตรึมอย่างที่เห็น

[admin]

ความใสของสระมรกตใสขนาดไหนให้สังเกตุดูในน้ำ มองเห็นเท้าคนเลยทีเดียว หลายคนในทีมเราลงเล่นน้ำในสระมรกตแล้วไม่เดินไปต่อ ส่วนคนที่มีหน้าที่เก็บภาพทั้งหลายก็ยังคงต้องเดินกันต่อไป จากสระมรกตมีเส้นทางเดินต่อไปที่ตาน้ำ จะมีสระสีฟ้าสวยงามมาก มีน้ำผุดขึ้นมาตลอดเวลา เป็นน้ำเย็นธรรมดา แล้วไหลไปยังสระมรกต วนเวียนกันอยู่ไม่รู้จบ ระหว่างนั้นก็จะผ่านศาลฤาษี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านศรัทธาและเชื่อว่าปกปักรักษาที่นี่อยู่ จากนั้นก็จะเป็นลานชมพู่น้ำ แล้วก็เข้าไปในป่าไม่ไกลก็จะถึงสระน้ำผุดอันเป็นตาน้ำต้นกำเนิดของระบบธารน้ำใสไหลเย็นให้คนลงมาเล่นอย่างทุกวันนี้ รวมระยะทางจากสระมรกตไปสระน้ำผุด 800 เมตร รวมทั้งหมดที่เดินมาจากประตู 2200 เมตร ขากลับใช้ทางสั้น 1600 เมตร รวมๆ แล้วเราก็เดินกันเกือบ 4 กิโลเมตร จะได้ชมธรรมชาติที่สวยงามทั้งหมด

[admin]

16.30 น.คือเวลานัดหมายของเราในการออกจากสระมรกต หมายเหตุ สระมรกตปิดบริการ 17.00 น. นะครับ เราออกมาก็เปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำที่อยู่ตรงศูนย์บริการนักท่องเที่ยวห่างจากสระมรกต 100 เมตร แล้วเดินตรงจากศูนย์ฯ ออกมาถึงทางออก 800 เมตร ขึ้นรถเดินทางไปร้านอาหารสำหรับมื้อเย็น วันนี้เป็นวันแรกที่เรากินข้าวก่อน 6 โมงเย็น ความหิวมันก็ยังไม่ค่อยจะมีแต่ก็ต้องกินกันไป จากนั้นก็ไปที่สนามบินกระบี่รอขึ้นเครื่องอีกเ 1 ชั่วโมงสายการบินนกแอร์พาเรากลับดอนเมืองโดยสวัสดิภาพ แยกย้ายจากกันกลับบ้าน


จบสุดยอดแห่งทริปท่องเที่ยวแบบใหม่ แต่จะว่าไปเที่ยวไปอาสาทำประโยชน์ไปแบบนี้เราก็ยจัดมาบ้างนะ ไปโรงเรียนกันดารบนเขาสูงที่ท่าสองยางจังหวัดตากก็เคย แต่คราวนี้ดูเป็นทางการและเป็นขั้นเป็นตอนมากกว่าเดิม มีการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและมูลนิธิที่อยู่อาศัยเข้ามาช่วยสนับสนุน แม้ว่าเวลาที่เราลงไปช่วยสร้างบ้านจะไม่ทำให้บ้านเสร็จทั้งหลัง แต่ก็ทำให้บ้าน 2 หลังนี้สร้างแบบรุดหน้าไปอย่างรวดเร็วมากๆ มีที่ไหนผสมปูนเทพื้นวันเดียวเสร็จ ก่ออิฐวันเดียวได้ผนังทุกด้านด้านละครึ่งของความสูง เพราะคนที่มีจิตใจเอื้อเฟื้ออาสาสมัครทุกๆ คน ที่มาช่วยกันเกิน 30 คน นั่นเอง


คนที่สนใจทริปเดินทางแบบนี้ก็ติดต่อไปเลยที่ คุณธนาวดี องค์อินทรี หรือพี่เบิร์ด โทร. 081-612-5129, 02-664-0644 เว็บไซต์ http://www.habitatthailand.org facebook www.facebook.com/h4hthailand

แล้วถ้าไปร่วมกิจกรรมนี้ อย่าลืมโพสรูปลงโซเชียล ใส่ hashtag #happinessyoucanshare ด้วยละ