ผู้เขียน หัวข้อ: ฮือฮาเมรุ วัด ใน จ.อยุธยาฯ เผาศพสีชมพูหวาน สร้างเพื่อเป็นการตัดตอนความโศกเศร้า  (อ่าน 1036 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
    พิลึก สร้างเมรุเผาศพ ทาสีชมพูหวานแหวว เจ้าอาวาสวัด ยืนยันต้องการให้ญาติโยม ตัดขาดจากความโศกเศร้า
    วันนี้ (13 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ยินเสียงร่ำลือจากชาวบ้านที่ไปร่วมงานเผาศพที่วัดท่าตอ ม.3 ต.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา ว่าเมรุสำหรับใช้เผาศพเป็นสีชมพูทั้งหลังสร้างความแปลกใจให้กับผู้ที่ไปร่วมงานอย่างมาก จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบว่าเมรุเป็นสีชมพูจริง ติดกับถนนสายมหาราช-ท่าตอสายใน เมรุเป็นสีชมพูทั้งหลัง ประดับประดาด้วยลวดลายกนกสีทองสวยงาม มีขนาดความยาว 20 เมตร กว้าง 8 เมตร มีบันไดขึ้นลง 3 ด้าน
    พระใบฎีกาชัชวาลย์ ธมฺมทีโป อายุ 38 ปี เจ้าอาวาสวัดท่าตอ เปิดเผยว่า การปรับปรุงทาสีเมรุสำหรับเผาศพเป็นสีชมพูมีข้อคิดเตือนสติ3 อย่าง 1 .ลดความโศกเศร้า ให้กับญาติโยมที่ไปร่วมงาน 2.จุดที่ตั้งของเมรุเผาศพอยู่ติดกับถนนกลางค่ำกลางคืนจะมีหนุ่มสาวออกไปทำงานต้องเดินสัญจรผ่านเมรุทำให้เกิดความกลัว ต้องการจะลดความน่ากลัวลงไป 3. เป็นความสุขครั้งสุดท้ายของผู้ที่เสียชีวิตคือความตาย เมื่อตายแล้วจะต้องมีความสุขไม่ดิ้นรนสดชื่น
    พระชัชวาลย์ กล่าวต่อว่า เดิมเมรุหลังนี้ทาด้วยสีขาวตัดขอบด้วยสีดำคนผ่านไปผ่านมาในช่วงกลางคืนจะเกิดความกลัวจึงได้คิดว่าจะทำอย่างไรดีจึงจะช่วยผ่อนคลายจึงได้ตัดสินใจทางสีชมพู เพราะเมรุคือสิ่งสุดท้ายที่คนเราเมื่อตายแล้วจะต้องไปใช้ ในการบูรณะทาสีใช้เวลา1 เดือนเศษ ค่าทาสีปรับปรุงเมรุประมาณ3แสนบาท หลังจากที่ได้ทำสีแล้วได้มีคนมาใช้เผาศพไปแล้วถึง8ศพ ญาติโยมต่างบอกกล่าวว่าเมื่อมาเห็นเมรุสีชมพูแล้ว ทำให้คลายความโศกเศร้าไปได้พอสมควร และยังบอกต่ออีกว่าสวยดีสดชื่น
    สำหรับวัดท่าตอ มีเนื้อที่29 ไร่ สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2300 ติดกับคลองบางแก้ว ซึ่งมีตอไม้อยู่มากในน้ำ ส่วนมากจะเป็นตอไม้ตะเคียน ชาวบ้านที่สัญจรกันทางเรือ ผ่านไปบริเวณนี้มักจะติดตอจึงเรียกชื่อวัดนี้กันว่าวัดท่าตอ มีปูชนียวัตถุที่สำคัญคือ รูปล่อหลวงพ่อสังวาลย์มงคลเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องปางมารวิชัย นามเดิมว่าหลวงพ่อลอยหรือหลวงพ่อศาลาดิน เป็นพระศักดิ์สิทธิ์ที่ประชาชนไปกราบไหว้ และจะประสบผลสำเร็จ เมื่อยามเจ็บป่วยไปกราบไหว้จะทุเลาลง รวมทั้งที่คนส่วนมากเมื่อมากราบไหว้อธิษฐานขออะไรแล้วจะทำให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เมื่อสำเร็จแล้วจะมาแก้บนด้วยการถวายกลองยาว นอกจากนี้ยังมีหลวงพ่อสี่ทิศประดิษฐานอยู่ที่วิหารรวมทั้งพระปรางค์เก่าสมัยอยุธยาตอนปลาย เมื่อปีพ.ศ.2514 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เสด็จทรงมาทอดพระกฐินเป็นการส่วนพระองค์ และต่อมายังเสด็จมาที่วัดนี้อีก 2 ครั้งอีกด้วย

สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์