ผู้เขียน หัวข้อ: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม  (อ่าน 68670 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
คราวนี้มาเดินลงเขาตอนขากลับ ตอนที่ถ่ายรูปน้ำตกชั้นที่ 5 ความกังวลใจหลายๆ อย่างมันได้หมดไป ผมยืนชมวิวบนผาน้ำตกชั้นที่ 4 ที่มองเห็นผืนป่าสีเขียวได้กว้างไกล เทือกเขาสลับซับซ้อนที่เห็นอยู่ไกลๆ แบตเตอรี่ก้อนหลักใช้หมดไปแล้ว ผมต้องเอาก้อนสำรองมาใส่ ปัญหามันก็อยู่ที่ว่า แบตเตอรี่สำรองมันเสื่อมไปแล้วเพราะมันเป็นก้อนแรกที่ติดมากับกล้องตั้งแต่แรก ชั่วโมงการใช้งานที่ยาวนานของมันทำให้มันเสื่อมต่อจากนี้ไปจะถ่ายรูปได้อีก ไม่ถึง 1 วัน ดังนั้นต้องถ่ายรูปที่สำคัญๆ เท่านั้น การถ่ายรูปน้ำตกที่ต้องใช้สปีดชัตเตอร์ต่ำกว่าการถ่ายรูปทั่วไปทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วขึ้น แถมยังต้องถ่ายแบบเผื่อเลือกกันเบลอหลายๆ รูปอีกต่างหาก แต่เอาเถอะคิดไปก็เท่านั้นแล้วแต่โชคชะตาแล้วกัน

    ผมเดินลงมาจากน้ำตกชั้นที่ 4 หลังจากข้ามหน้าผาใส่รองเท้าเก็บร่มมาด้วยภาพที่คิดว่าจะถ่ายมาให้ดูกันภาพหนึ่งคือการถางป่าข้างทางเดินของเจ้าหน้าที่ที่คอยดูแลเป็นอย่างดี บางแห่งที่ผมไปมันก็ทั้งรกทั้งมีหนาม เดินลำบาก แต่ที่นี่โล่งสบาย คิดได้ 2 อย่าง อย่างแรกถ้าไม่ถางมันก็ได้รสชาตการเดินป่าดี แต่ถ้าถางออกมันก็เดินสบายดี

    ตอนเดินขาลงไม่ต้องทำอะไรมาก ก้าวขายาวๆ แล้วปล่อยให้แรงดึงดูดของโลกมันทำงานเอง น้ำหนักตัวจะพาผมลงเขาได้อย่างรวดเร็วขอแค่ก้าวให้ทันเท่านั้น ไม่กี่นาทีผมก็มาถึงลานหินตรงกระท่อมที่พักตอนขาขึ้น ผมวางของลงทำเหมือนตอนขึ้นมา เปลี่ยนเป็นเลนส์เทเลเพื่อเก็บภาพน้ำตกบนผาให้ได้ชัดๆ มากขึ้น แต่ภาพที่ออกมามันดูไม่ต่างกับตอนขึ้นไปเท่าไหร่ เลยไม่โพสต์ดีกว่า จากนั้นก็เดินลงมาจนถึงน้ำตกที่ผมคิดว่ามันเป็นชั้นที่ 2 มีทางแยกอีกทางไม่ต้องเดินข้ามลานหินลื่นๆ กลับไปทางน้ำตกชั้นที่ 1 ผมเลือกเดินตรงไปตามทางเดินดีกว่าจะไปเสี่ยงกับลานหินลื่นๆ กว้างๆ นักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งเดินสวนทางขึ้นมา เห็นท่าทางจะลงซะแล้วคงเป็นเพราะนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ค่อนข้างมีอายุกันแล้ว จะเดินขึ้นชั้น 4 เจ้าหน้าที่คงไม่แนะนำแน่

    การเลือกเดินลงมาตามทางเดินแทนการข้ามลานหินกลับไปยังทางที่ขึ้นมาของผม เป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุด มันเป็นเรื่องบังเอิญที่ทำให้ผมได้เห็นน้ำตกชั้นที่ 2 จึงได้ถึงบางอ้อว่าน้ำตกชั้นที่ 3 มันหายไปไหน ที่จริงผมถ่ายรูปชั้นที่ 1 แล้วก็ 3 เลยต่างหาก ก้อนหินขนาดใหญ่บังน้ำตกชั้นที่ 2 มิด เวลาเดินขึ้นมามันเลยไม่เห็น แต่พอเดินลงอีกทางมันถึงจะมองเห็น
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
หลังจากถ่ายรูปน้ำตกชั้นที่ 2 เสร็จแล้วผมเดินต่อลงมาเพื่อที่จะกลับไปยังลานจอดรถ แม้ไม่มีป้ายบอกทางแต่ผมก็มั่นใจว่าทางที่ผมกำลังเดินไปนี้ต้องไปทะลุที่ไหนสักแห่งข้างที่ทำการหน่วยพิทักษ์ ห.ย.1 เดินลงมาเจอม้านั่งยาวๆ 3 ตัว นึกว่าจะเป็นที่นั่งพักผ่อนให้หายเหนื่อย แต่พอมองไปข้างหลังม้านั่งถึงได้เห็นว่ามีน้ำตกที่ไหลต่อลงมาจากภาพที่ผมเพิ่งจะถ่ายไปเมื่อกี้ นี่ต่างหากที่เป็นชั้นที่ 2 ที่แท้จริง ส่วนภาพเมื่อกี้คงเป็นลำธารก่อนที่จะถึงน้ำตกตรงนี้ไม่นับเป็น 1 ชั้น

    ความเร็วในการเดินลงเขาอย่างรีบเร่งที่จะไปที่อื่นต่อทำให้ไม่ทันมองอะไรให้ดี พอเห็นอะไรไหวๆ ผมถึงจะหยุดเดิน ปรากฏว่าเป็นงูตัวน้อยที่กำลังเลื้อยข้ามทางเดินจากป่าไปทางน้ำตก ทันทีที่เห็นผมมันตกใจหันหลังกลับ ผมเอากล้องออกมาถ่ายรูปงูตัวนั้นไว้ แต่มันเบลอๆ เพราะมืดและงูสีดำๆ หลังจากที่มันเลื้อยหายไปในป่าผมก็เดินต่อ มาเจอสัตว์ตระตูลแย้อีกกำลังจะหลบเข้าในรูป ผมเดินผ่านมันมาอย่างช้าๆ ดูเหมือนมันก็ลังเลว่าจะเข้ารูดีหรื่อเปล่า แต่สุดท้ายมันก็ยืนนิ่งๆ อยู่ปากรู ผมเดินลงมาจนถึงหน้าที่ทำการ มีกระท่อมหลังเล็กๆ หลายหลัง ไว้ให้นักท่องเที่ยวพักผ่อน ปกติจะมีอาหารขายแต่คงเป็นเพราะยังเช้าอยู่ หรือไม่ก็ปิด วันนี้นักท่องเที่ยวแวะเข้ามากันน้อย ผมเข้าใจทันทีว่าเป็นเพราะน้ำตกเขาล้านไม่มีแอ่งให้ลงเล่นน้ำ หินที่นี่ก็ลื่นมาก ตะไคร่น้ำจับหินจนมองเห็นเป็นสีดำเหมือนน้ำไม่สะอาด แอ่งที่มีอยู่ก็เล็กเกินกว่าจะลงเล่น การเดินขึ้นไปชมน้ำตกก็ลำบากเกินไปสำหรับนักท่องเที่ยวบางกลุ่ม เป็นสาเหตุให้ไม่ค่อยมีคนมาเที่ยวมากนัก แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังมาปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างดี ดูแลทางเดินถางป่าหญ้ากิ่งไม้หนามแหลมออกให้ เดินไปดูแลความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวเสมอ

    ตั้งแต่ 9 โมงเช้า ผมลงมาถึงลานจอดรถ 11 โมงกว่า เอาของเก็บเข้ารถ เดินไปที่ทำการดูรูปที่ถ่ายมาติดโชว์ไว้ที่บอร์ด เป็นรูปที่น่าจะมีอายุเกิน 10 ปี แต่ก็ยังไม่มีรูปใหม่ๆ มาติด น้ำตกเขาล้านมี 7 ชั้น เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ด้วยตัวเอง 5 ชั้น ส่วนชั้น 7 ต้องเดินจากชั้น 5 ไป อีก 2 กิโลเมตรและต้องให้เจ้าหน้าที่นำทางเท่านั้น

    สรุปว่า 5 ชั้นของผมก็เพียงพอแล้ว มีเวลาว่างๆ ค่อยมาเดินชั้น 7 ดีกว่า ผมเอาเสื้อบางๆ สีขาวที่ใส่อยู่ไปซักน้ำเปล่าที่ห้องน้ำแล้วใส่กลับเข้าไปทั้งเปียกๆ แบบนั้นแล้วออกเดินทางไปน้ำตกห้วยยาง ผมรู้ดีว่าพอไปเดินป่าห้วยยาง เดี๋ยวเสื้อมันก็แห้ง แต่จะให้ใส่เสื้อที่เหม็นเหงื้อขนาดนี้คงไม่ไหวแน่ ขากลับผมไม่ลืมเก็บภาพเนินที่ต้องเร่งเครื่องดันขึ้นมาอย่างลำบากมาให้ดูแต่เวลาถ่ายรูปลงไปมันดูไม่ค่อยชันเท่าไหร่

    การถ่ายรูปที่โชคดีของผมผ่านไปอีก 1 แห่ง ตลอดเวลาที่เดินขึ้นน้ำตกฟ้าครึ้มแสงพอเหมาะแต่ฝนไม่ตก ทั้งๆ ที่เมื่อวานฝนตก ร่มที่ถือไปได้ใช้เป็นไม้เท้าเท่านั้นเอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 16, 2011, 08:15:44 AM โดย Tommy »
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
หลังจากนี้ผมเดินทางออกจากน้ำตกเขาล้าน ผ่านทางลูกรัง 3 กม. และลาดยางอีก 10 กม. ทิวทัศน์สวนมะพร้าวยังคงสวยงามเหมือนเดิม แต่ผมไม่ค่อยได้สนใจอะไรเท่าไหร่ จากนี้ต้องไปน้ำตกห้วยยาง ถึงถนนเพชรเกษมเลี้ยวซ้าย ไปอีก 11.5 กม. ถึงห้วยยางจะมีแยกเลี้ยวซ้ายเข้าไปอีกประมาณ 6 กิโลเมตร ป้ายบอกทางบางอันก็เขียนว่า 4.5 กิโลเมตร แต่ช่างมันเถอะอันไหนจะถูกจะผิดก็ขับไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ถึง

    ที่ห้วยยางเป็นชุมชนที่ยึดอาชีพสวนมะพร้าวเช่นเดียวกันกับ ต.เขาล้าน ทิวทุ่งมะพร้าวจำนวนมากดูสวยงาม มีช่องว่างแบ่งมาทำนาข้าวไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็ทำให้มีช่วงวิวเปิดมองเห็นยอดเขาหลวงกับหมอกที่ปกคลุมอยู่บนยอดเขาได้สวยงาม ผมนึกในใจว่าถ้ามีที่ดินสำหรับปลูกบ้านที่นี่สักแปลงคงจะได้ชมวิวสวยๆ นี้ทุกวัน น่าจะดีไม่น้อย ระหว่างทางลาดยาง 2 เลน คดเคี้ยวไปในหมู่บ้านที่มีบ้านไม่หนาแน่นมากนัก นานๆ จะเจอร้านค้าสักร้านเป็นจุดแวะหาเครื่องดื่มและขนม ก่อนเดินทางต่อไป อาการกระหายน้ำจากการเดินน้ำตกเขาล้านยังคงอยู่

    ระหว่างทางเห็นวิวเปิดตรงไหนก็แวะเข้าไปจอดเก็บภาพไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็มาถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยาง เสียค่าเข้า ทั้งคนทั้งรถ 50 บาท
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
หลังจากนั้นเข้าไปที่ลานจอดรถ นักเรียนในเสื้อสีชมพูเดินสวนออกมาขึ้นรถนำเที่ยวขนาดใหญ่ที่จอดรออยู่ 2 คัน น่านไง โชคดีบังเกิด ถ้าผมมาที่ห้วยยางก่อนที่จะไปเขาล้าน คงได้ภาพนักเรียนเสื้อชมพูอยู่เต็มหน้าน้ำตกเป็นแน่ ทางเข้าน้ำตกห้วยยางกับป้ายต่างๆ ที่ติดอยู่ตามที่ต่างๆ แสดงให้เห็นว่านักท่องเที่ยวมาที่นี่กันมาก มีงบประมาณในการทำป้ายสวยๆ มาตรฐานสูงติดแสดงข้อมูลต่างๆ ในอุทยานได้หลายแห่ง ผิดกับน้ำตกเขาล้านเอามากๆ

    อันดับแรกเดินเข้าไปในศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เอาพาสปอร์ตมาประทับตราว่าได้มาแล้ว คุยกับเจ้าหน้าที่นิดหน่อยอย่างน้อยก็จะได้รู้ว่าน้ำตกห้วยยางมีกี่ชั้น เจ้าหน้าที่บอกว่ามี 5 ชั้น (ที่จริงมี 9 แต่เปิดให้เข้าได้ 5) ผมก็เลยถามว่าคงจะเดินจนเย็นแน่เลย เจ้าหน้าที่ตอบว่าไม่เย็นหรอกค่ะ คิดในใจว่าอืมเดี๋ยวคงจะได้รู้เองละ หลังจากนั้นก็เอาไปเก็บ หยิบกระเป๋ากล้องกับร่มคันเดิมเริ่มต้นเดินทางกันต่อได้ ที่หน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยวมีป้ายอันใหญ่ตั้งอยู่เขียนว่าทางไปจุดชมวิวผาชมทะเล แต่ช่างมันก่อนเถอะตอนนี้เราต้องโฟกัสไปที่น้ำตกห้วยยางก่อน ไว้มีแบตเตอรี่เหลือคงได้มาขึ้นจุดชมวิวอันนี้แน่ๆ

    ตรงสะพานข้ามลำธารสายเล็กๆ มีป้อมสำหรับเจ้าหน้าที่ตรวจตราสัมภาระห้ามนำอาหารเครื่องดื่มเข้าไป ยกเว้นน้ำในขวดพลาสติก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 16, 2011, 10:29:57 AM โดย Tommy »
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
จากสะพานเดินตรงไปตามทางเรื่อยๆ เห็นป้ายบอกทางไปน้ำตกแต่ละชั้น ผมเข้าใจแล้วว่าที่เจ้าหน้าที่บอกว่า ไม่เย็นหรอกค่ะ มันหมายความว่าอย่างนี้นี่เอง น้ำตก 5 ชั้นของน้ำตกห้วยยาง ระยะห่างแต่ละชั้นเพียงแค่หลักสิบเมตร อย่างเช่น จากชั้น 3 ไปชั้น 4 30 เมตร อย่างนี้เป็นต้น เออ ระยะห่างแค่นี้เดิน 5 ชั้นจากบ่าย 2 ถึงเย็น คงจะเก่งเกินไปละ มีเฉพาะทางไปน้ำตกชั้นแรกกับชั้นที่ 5 ที่มีระยะอยู่ในหลักร้อยเมตรแต่ก็ไม่ใช่หลายร้อย รวมๆ แล้วถ้าเดินชมอย่างเดียวคงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงจบ

    ทางเดินในอุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยางเป็นทางเดินที่เรียบง่ายสบายๆ ทำบันไดขั้นเล็กๆ เอาไว้ให้เดินแบบชิล ชิล ไปเรื่อยๆ เนื่องจากแบตเตอรี่ที่เหลือมันเสื่อมก็ไม่รู้ว่าจะหมดเมื่อไหร่ ทางเดินก็เหมือนๆ กันหมด เลยถ่ายมาให้ดูพอสังเขป

    ไม่นานก็เจอน้ำตกชั้นที่ 1 สร้างในลักษณะเป็นฝายกั้นน้ำมากกว่าจะเป็นน้ำตกตามธรรมชาติ แต่ก็สร้างได้สวยดี มีท่อน้ำสำหรับสูบน้ำไปใช้ในห้องน้ำของอุทยาน เลยต้องถ่ายรูปเลี่ยงๆ ไม่ให้เห็นท่อ จุดนี้มีปลาพลวงอยู่ชุกชุม ชั้นนี้ไม่มีคนลงเล่นน้ำ คงเพราะปลาเยอะและมันยังเป็นชั้นแรก หลายๆ คนมาเที่ยวน้ำตกคงต้องเล็งชั้นสูงๆ ไว้ก่อน
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
เดินต่อกันเถอะได้รูปเรียบร้อยแล้ว เหนือฝายกั้นน้ำนี้มีน้ำตกเป็นสายธารที่ไหลมาแล้วแยกเป็น 2 สาย นี่น่าจะเหมาะที่จะเรียกว่าน้ำตกมากกว่า แต่ก็เป็นธารสายเล็กๆ น้ำที่นี่ไหลไปขังรวมกันอยู่ที่ฝายก่อนจะตกลงเป็นแผงกว้างสวยงาม แอ่งเหนือฝายก็มีปลาพลวงอาศัยอยู่มากเหมือนกัน และก็ไม่มีคนลงเล่นน้ำที่นี่ด้วย

    จากนั้นอีกไม่นานก็เป็นชั้นที่ 2 เป็นชั้นที่สวยงามมีแอ่งน้ำตื้นๆ เห็นเด็กๆ ลงเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน แต่ยังดีที่มีจังหวะที่เด็กๆ เหล่านั้นขึ้นจากน้ำคงจะเดินไปชั้นต่อไป น้ำตกว่างๆ ก็เลยเป็นภาพที่ตรงกับความต้องการของผมที่รออยู่ เหนือน้ำตกชั้นที่ 2 ขั้นไปตามทางเดินไปชั้นที่ 3 จะเห็นลำธารสายน้ำไหลลงมาเรื่อยๆ เลยเก็บมาอีกรูป

    ระหว่างทางเดินเที่ยวน้ำตกห้วยยาง จะมีที่นั่งพักที่จัดไว้ให้กระจายอยู่ตามจุดต่างๆ มีศาลาบ้าง หรือบางแห่งก็เป็นเพียงโต๊ะกลมกับม้านั่งที่ทำเกือบเหมือนหิน หรือไม่ก็ตอไม้ ให้กลมกลืนกันกับธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ที่นี่ ก่อนถึงน้ำตกชั้น 3 มีศาลา 1 หลัง ใกล้ๆ กันมีศาลอยู่ผูกผ้าหลากหลายสี มีหุ่นในชุดไทยสไบเฉียงตั้งอยู่ ผมคิดว่าน่าจะเป็นศาลเจ้าแม่ตะเคียนทอง ด้วยประสบการณ์ที่พอจะรู้ว่าแบตเตอรี่ที่ใช้อยู่จะถ่ายรูปได้อีกไม่นาน ผมยกมือไหว้ศาลเจ้าแม่แห่งนี้อธิษฐานขอพรให้มีแบตเตอรี่เหลือพอที่จะถ่ายน้ำตกครบแล้วจะกลับมาถ่ายรูปศาลเจ้าแม่มาประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จัก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 16, 2011, 11:39:01 AM โดย Tommy »
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
หลังจากนั้นเดินต่อไปอีกหน่อยใกล้จริงๆ ถึงน้ำตกชั้นที่ 4 ผมพิมพ์ไม่ผิดหรอกมันเป็นชั้นที่ 4 จริงๆ มีชาวต่างชาติ 3 คนนั่งเล่นน้ำตกอยู่ งานนี้ก็ต้องรอต่อไป แอ่งน้ำกว้างใหญ่ที่น้ำตกห้วยยางชั้นที่ 4 เป็นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้มาก การลงเล่นน้ำที่นี่ได้รับความนิยมมาก นอกจากนั้นยังเป็นที่อยู่ของปลาพลวงจำนวนมาก นักท่องเที่ยวสามารถซื้ออาหารปลามาเลี้ยงปลาบนนี้ได้ เห็นถือกันมาคนละถุงๆ ถึงว่าเวลาเราเดินไปทางไหนปลามันว่ายน้ำตามเป็นฝูงใหญ่

    หลังจากที่รออยู่นานผมเห็นว่าชาวต่างชาติ 3 คนนี้คงไม่ลงมาจากน้ำตกแน่ เลยเดินข้ามฝายกั้นแอ่งน้ำเพื่อที่จะไปต่อ หลังจากข้ามฝายแห่งนี้ไปแล้วจึงได้รู้ว่าน้ำตกที่ล้นจากฝายเป็นชั้นที่ 3 นั่นเอง
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
เอาละคราวนี้ไปน้ำตกชั้นที่ 5 ชั้นสุดท้ายดีกว่า ระหว่างที่ผมกำลังเก็บภาพน้ำตกชั้นที่ 3 ถึงได้เห็นว่าชาวต่างชาติ 3 คนที่นั่งอยู่ตรงน้ำตกชั้นที่ 4 ออกมาแล้ว เอาละสินาทีทอง ต้องเดินข้ามฝายไปที่เดิมแล้วถ่ายรูปชั้นที่ 4 ใหม่ แล้วค่อยเดินไปชั้นที่ 5 ทางขึ้นน้ำตกชั้นที่ 5 อยู่ข้างน้ำตกชั้นที่ 4 เดินขึ้นไปหน่อยจะมีลานหินกว้าง มองเห็นวิวป่าเขาสีเขียว มีป้ายบอกทางเดินอ้อมแบบไม่ต้องป่ายปีนหินก้อนใหญ่ๆ เพราะอาจจะพลาดได้ ไม่ต้องคิดมาก เดินอ้อมไปดีกว่า ส่วนรูปวิวนั้นคงต้องเอาไว้ทีหลังให้แน่ใจว่าแบตที่เหลือในกล้องจะพอถ่ายรูปชั้นที่ 5 ให้เสร็จเรียบร้อยก่อน

    ไม่นานเท่าไหร่ก็มีถึงหุบผาหิน ลักษณะเป็นหินทั้ง 2 ข้าง มีธารน้ำไหลอยู่ตรงกลางคล้ายๆ ออบหลวง แต่ไม่สูงมากนัก มาถึงตรงที่เป็นน้ำตกจะมองไม่เห็นน้ำตกจนกว่าเราจะเดินข้ามหินน้อยใหญ่ไปที่ด้านหน้าน้ำตกจริงๆ เป็นเพราะหินขนาดมหึมาที่ขวางเส้นสายตาของเราไว้ น้ำตกชั้นที่ 5 ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัว มีหินขนาดใหญ่ล้อมรอบเหมือนห้องสปา น้ำตกที่ไหลลงมาตามผาหินสูงกว่า 15 เมตร แต่ถ้าถ่ายรูปน้ำตกเปล่าๆ มาจะดูไม่รู้ว่ามีความสูงขนาดนั้น รูปที่ผมถ่ายชุดแรกติดเด็กๆ ที่ลงเล่นน้ำอย่างสนุกสนานรวมทั้งคนที่มาถ่ายรูปอย่างเดียวก็ถ่ายกันนานให้สมกับความลำบากที่ได้เดินมาถึงตรงนี้ได้ ผมก็ต้องนั่งรอนิ่งๆ แบตเตอรี่ก็คงหมดไปเรื่อยๆ เพราะไม่ได้ปิดกล้อง การปิดเปิดบ่อยๆ จะเปลืองแบตมากกว่า

    นักท่องเที่ยวหลายคนก็ตื่นตาตื่นใจสนุกอยู่กับฝูงปลาจำนวนมากในแอ่ง สุดท้ายเวลาก็ผ่านไปเป็นสิบนาที สำหรับคนที่นั่งรอเฉยๆ นี่มันเหมือนนานมาก ผมถ่ายให้เห็นน้ำตกมากๆ บ้าง เห็นมุมกว้างๆ กับฝูงปลาในแอ่งน้ำข้างหน้าตัวเองบ้าง กางเกงยีนขายาวของผมแช่อยู่ในน้ำเกือบหัวเข่า หลายคนที่เห็นก็คงงงว่าทำไมแต่งตัวแบบนี้มาเที่ยวน้ำตก แต่พอเห็นผมถ่ายรูปอย่างเดียวไม่สนใจอย่างอื่นเขาคงเข้าใจได้ว่าผมมาถ่ายรูปเฉยๆ
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
หลังจากที่เด็ก 3 คนนี้เล่นน้ำจนเบื่อแล้ว เพื่อนฝูงที่มาด้วยกันร้องเรียกให้ขึ้นมาจากน้ำ 3 คนก็เดินขึ้นมาที่ฝั่งด้านเดียวกับที่ผมยืนอยู่ ตอนนี้นักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ก็มาถึง ทุกคนจัดแจงถ่ายรูปเป็นที่ระลึกโดยมีน้ำตกห้วยยางชั้นที่ 5 เป็นฉากหลัง ผมเองก็ต้องหามุมถ่ายรูปน้ำตกเปล่าๆ แบบไม่มีคนมาอีกหลายรูป ทั้งแนวตั้งแนวนอน แต่ลองเอามาเปิดพิจารณาดูแล้ว การถ่ายน้ำตกแห่งนี้แบบโล่งๆ ไม่มีคน มันทำให้น้ำตกดูเล็กลงจนไม่น่าสนใจ แต่ถ่ายมาแล้วก็เอามาให้ดูละกัน หลังจากแน่ใจว่ารูปที่ถ่ายมามีภาพชัดๆ ใช้ได้แล้วก็เดินกลับ ตอนนี้ความรู้สึกโล่งใจที่ได้ถ่ายภาพน้ำตกครบทุกชั้น เกิดขึ้นอีกครั้ง สิ่งเดียวที่เหลือคือกลับไปถ่ายรูปศาลเจ้าแม่ตะเคียนทองที่เดินผ่านมาตรงระหว่างทางชั้น 2 มายังชั้น 3 ตามที่ได้อธิษฐานเอาไว้

    หลังจากที่เดินออกมาจากน้ำตกผมเก็บภาพทางไปน้ำตกชั้น 5 ที่บอกว่ามีก้อนหินขนาดใหญ่ปิดไว้จนเหมือนห้องสปานั้นมาด้วย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 16, 2011, 06:08:32 PM โดย Tommy »
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
ผมเดินมาเก็บภาพวิวใกล้ๆ น้ำตกชั้นที่ 5 ที่เห็นเป็นป่าไม้เขียวขจีกับก้อนหินขนาดใหญ่ มีป้ายเตือนให้ระวังอันตรายมากกว่าชั้นอื่นๆ อย่างน้ำตกในชั้นอื่นๆ จะเตือนเรื่องหินลื่น ส่วนที่นี่มีทั้งเตือนน้ำลึก น้ำวน และหินถล่ม หินก้อนใหญ่บางก้อนคงอยู่ได้ด้วยต้นไม้ต้นเดียวค้ำอยู่ น่ากลัวว่าหากต้นไม้นี้ล้ม หินก้อนนั้นจะกลิ้งไปถึงไหน

    สุดท้ายข้ามฝายน้ำตกชั้นที่ 3 เดินมาที่ศาลเจ้าแม่และถ่ายรูป ไหว้ศาลเจ้าแม่อีกครั้งเพื่อลากลับ หลังจากนั้นเก็บเฉพาะภาพที่สำคัญๆ ระหว่างทางเดินกลับไปยังศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน