ระนองเป็นจังหวัดที่ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยยกให้เป็นหนึ่งในเมืองที่ต้องห้ามพลาด ห้ามพลาดอะไรหรือ..ห้ามพลาดที่จะต้องไปท่องเที่ยวอะซิ เราก็เลยไม่พลาดที่จะไปเยี่ยมชมเมืองระนองสักครั้งครับ
เริ่มกันเลยดีกว่า พอเข้าเขตจังหวัดระนองมาไม่ไกลเราก็มาถึง "GONG Valley & Coffee"
ก้องวัลเลย์ เป็นวิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลิตภัณฑ์กาแฟคั่วมือและท่องเที่ยวเชิงเกษตร ตั้งอยู่ในหุบเขาบ้านบกกราย พอลงจากรถเดินเข้าไปเล็กน้อยเราก็ได้กลิ่นกาแฟหอมมาแต่ไกลๆ เดินเข้าไปอีกไม่กี่ก้าวเราก็ได้พบที่มาของกลิ่นกาแฟหอมๆ นั่นคือมีการคั่วกาแฟกันอยู่ในโรงคั่วกาแฟ จากนั้นเราได้พบกับคุณก้องซึ่งกำลังสาธิตวิธีชงกาแฟให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกลุ่มหนึ่งอยู่ และเราก็ได้มีโอกาสชิมกาแฟที่คั่วสดๆชงสดๆ ต้องขอบอกว่าถ้าคุณเป็นคอกาแฟตัวจริงหรือไม่จริงก็ตามที คุณต้องลองมาชิมกาแฟ ก้องวัลเลย์ ซักครั้งหนึ่ง ที่นี่ยังมีที่พักที่เป็นลักษณะโฮมส์สเตย์ไว้บริการด้วยนะ บรรยากาศต้นไม้เขียวๆล้อมรอบหอมกาแฟกันทั้งวันเลยเชียว.555
ก้องวัลเลย์ GONG Valley & Coffee โทร 081 078 2865
เราเดินทางต่อมาตามเส้นทางสายกระบุรี-ระนอง บริเวณกิโลเมตรที่ 598 ก่อนถึงตัวเมืองระนอง 15 กิโลเมตร สิ่งที่เราได้เห็นคือน้ำตกสูงตระหง่านเห็นได้จากริมถนนเลย นั่นคือน้ำตกปุญญบาล น้ำตกปุญญบาล เดิมชื่อ น้ำตกเส็ดตะกวด มีทั้งหมด 3 ชั้น มีชื่อว่า ปุญญบาล โตนไม้ไผ่ โตนต้นเฟิน ตามลำดับ เส้นทางจาก ชั้นที่ 1 ถึงชั้นที่ 3 มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะทางประมาณ 300 เมตร สามารถเที่ยวเดินได้สบายไม่ลำบาก ช่วงที่เราไปนี้เป็นช่วงที่น้ำค่อนข้างน้อย แล้วเราจะกลับมาเก็บภาพช่วงเวลาที่น้ำมากๆให้ได้ชมกันในโอกาสต่อไป
เลยจากน้ำตกปุญญบาลมาประมาณ 5กม. เราก็มาถึงบ่อน้ำแร่ร้อนพรรั้ง ซึ่งเกิดจากสายน้ำแร่ร้อนไหลที่ซึมขึ้นมาจากผิวดินเหมือนเป็นตาน้ำจึงมีการสร้างเป็นบ่อเพื่อให้คนมาแช่ มีทั้งแบบแช่เฉพาะเท้าและแบบแช่ทั้งตัว น้ำที่นี่อยู่อุณหภูมิสูงประมาณ 35-40 องศาเซลเซียล กำลังสบายๆ ใสสะอาด ไม่เหม็นไม่มีกลิ่นกำมะถัน บริเวณด้านหน้าทางเข้ามีร้านสวัสดิการมีไข่ลวกที่ใช้น้ำจากน้ำแร่นี้มาลวกไว้บริการอยู่ด้วย อย่าลืมมาชิมกันนะครับ อร่อยทีเดียวขอบอก
จากนั้นเราขับรถผ่านตัวเมืองระนองมา 13 กม. ตามทางหลวงหมายเลข 4 (ระนอง-พังงา) เพื่อเที่ยวชมภูเขาหญ้า หรือที่ชาวระนองเรียกว่า เขาหัวโล้น หรือ เขาผี ลักษณะเป็นเขาโล้น ไม่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้น มีเพียงหญ้าปกคลุมเท่านั้น ช่วงที่เรามานี้เป็นช่วงหน้าแล้งเราจะเห็นเป็นเขาสีน้ำตาล ถ้าเป็นช่วงหน้าฝนจะเห็นเป็นภูเขาสีเขียวกันเลยทีเดียว
เราเดินทางกลับเข้ามายังตัวเมืองระนอง ตามถนนหมายเลข 4005 เพื่อมายังบ่อน้ำร้อนที่ขึ้นชื่ออีกแห่งของระนอง ชื่อ บ่อน้ำร้อนสวนรักษะวาริน บ่อน้ำร้อนแห่งนี้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีอยู่ 3 บ่อ คือ บ่อพ่อ บ่อแม่และบ่อลูกสาว บ่อพ่อซึ่งเป็นบ่อที่ร้อนที่สุดมีอุณหภูมิประมาณ 65 องศาเซลเซียส ได้รับการรับรองจากกรมวิทยาศาสตร์บริการแล้วว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายในแง่การบำบัดรักษาสุขภาพ ถัดจากบ่อพ่อมีการก่อปูนขึ้นมาเป็นเหมือนสระน้ำย่อมๆ เรียงๆกันไป เพื่อให้คนลงไปแช่ จะลงไปแช่ทั้งตัวหรือแช่แค่เท้าก็ได้ อุณหภูมิก็จะลดหลั่นกันไป เราได้ลองเอาเท้าไปแช่ดูที่บ่อท้ายๆที่อุณหภูมิไม่สูงมากนัก โอ้..รู้สึกสบายผ่อนคลายมาก จากนั้นก็ค่อยๆขยับเข้ามาใกล้พ่อดู โอ๊ยย..ร้อน ไม่ไหว ใครจะลองต้องค่อยๆ หย่อนเท้าดูก่อนนะ แล้วจะหาว่าไม่เตือน อิอิ
แช่น้ำร้อนกันมาพอสมควรแล้วก็ได้เวลาเข้าที่พัก ก่อนเข้าที่พักเราได้แวะเที่ยวชมพระราชวังรัตนรังสรรค์ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเชิงเขารัตนรังสรรค์ (ใกล้ศาลากลางจังหวัดระนอง)ตำบลเขานิเวศน์ สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์การเสด็จประทับแรมจังหวัดระนองของพระมหากษัตริย์ 3 พระองค์ ได้แก่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 (พ.ศ.2433) พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 (พ.ศ.2452) และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 (พ.ศ.2471) พระราชวังทำจากไม้สักและไม้ตะเคียนทอง ผมเข้ามาเห็นแล้วรู้สึกชอบมากเลย ดูสวยสง่ามาก ถ้าเป็นช่วงทไวไลท์และมีไฟส่องอาคารคงจะสวยไม่น้อย รุ่งขึ้นผมเลยเดินมาถ่ายใหม่อีกรอบก็ได้รูปอย่างที่ตั้งใจไป
ที่พักของเราคืนแรกคือ ฟาร์มเฮ้าส์ โฮเต็ล ห้องพักโอ่โถงกว้างขวางดีทีเดียว ที่สำคัญที่ชอบคือ wifi แรงมาก
^=="วันที่เรามาเที่ยวนี้เป็นวันที่มีการจัดงานถนนคนเดินพอดี แหม!!จังหวะดีจริงเชียว เราเลยได้มีโอกาสเดินเที่ยวชมวีถีชาวระนอง อาหารและสินค้าท้องถิ่นมีให้เลือกชิมเลือกซื้อกันอยู่มากมายเดินเที่ยวกันจนพอได้เมื่อยแล้วกลับเข้าที่พักดีกว่า พรุ่งนี้ยังมีที่เที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายจุด
มาระนองทั้งทีถ้าไม่ได้มากิน โรตีนิสา ก็เหมือนมาไม่ถึงอะซิ ว่าแล้วเราก็เดินทางมาที่นี่กันแต่เช้าๆ เลยทีเดียว เราขอเข้าไปถ่ายรูปวิธีการทอดโรตีมาให้ชมกันด้วยและก็ไม่ลืมที่จะถ่ายรูปแม่ค้าคนสวย จากนั้น โรตี มะตะบะ ไก่ย่าง ข้าวเหนียว ถูกสั่งมาอย่างรวดเร็ว แต่ยัง เราจะยังไม่ทานที่นี่ เพราะเราจะนำไปทานที่หาดแหลมสน อารมณ์ปิ๊กนิคริมทะเลกันเลยแหล่ะ
ก่อนเข้าหาดแหลมสนเราได้แวะท่าเทียบเรือบางเบน ซึ่งสามารถใช้เดินทางไปยังหมู่เกาะสิมิลัน เกาะค้างคาว หมู่เกาะกำ เกาะพยาม แต่ครั้งนี้เราตั้งใจที่จะมาระนองในส่วนของที่เที่ยวบนฝั่งกันก่อน ทริปหน้าเราจะไปนำความสวยงามของเกาะต่างในระนองมาให้ชมกันต่อไป
และแล้วเราก็มาถึงหาดแหลมสน บริเวณทางเดินก่อนถึงชายหาดมีต้นสนเยอะจริงๆ บรรยากาศร่มเย็นเลย ว่าแล้วเราก็จับจองที่ร่มๆใต้ต้นสนแล้วรับประทานอาหารที่ซื้อมาจากร้านโรตีนิสา อาหารอร่อยๆ ใต้ร่มเงาไม้ลมพัดเย็นๆ กินไปฟังเสียงคลื่นไป สุดยอด อิ่มหนำกันแล้วเราก็เดินชมทะเลกันหาดทรายขาวๆทอดยาว คลื่นไม่แรงนัก น่าลงเล่นน้ำจริงเชียว...
สถานที่ต่อมาที่เรามาเที่ยวชมคือ ระนองแคนย่อน พอเราจอดรถเด็ก 5-6คนก็วิ่งมาขายอาหารปลา พูดพร้อมเพรียงกันเป็นท่องอาขยานเลย.555 เราได้ซื้ออาหารปลาแล้วเดินตรงไปที่ศาลาสำหรับให้อาหารปลา ที่นี่มีปลาเยอะมากหลากหลายชนิดเช่น ปลาพลวง ปลาตะเพียนแดง ปลาดุก และอื่นๆ อากาศในนี้เย็นสบายลมพัดเอื่อยๆ ชวนให้หลับยิ่งนัก.555 ระนองแคนย่อนอยู่บ้านทุ่งคา ต.หาดส้มแป้น อ.เมือง ห่างจากตัวเมืองประมาณ 15 กม.เอง อย่าลืมแวะมาเที่ยวมาให้อาหารปลากัน
มาถึงระนองแล้วเราก็ไม่ลืมที่จะมาสักการะสุสานเจ้าเมืองระนอง ขณะที่เราไปถึงก็ได้สวนกับคนกลุ่มหนึ่งซึ่งสักการะสุสานนี้เสร็จและกำลังจะเดินทางต่อ พอเข้าไปถึงตัวสุสานก็เห็นมีเครื่องสักการะวางอยู่พอควร ที่สุสานนี้ชาวระนองก็มากราบไหว้กันอยู่สม่ำเสมอเพื่อระลึกถีง พระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอซู้เจียง) ผู้ที่มีบทบาทในการพัฒนาเมืองระนองให้เจริญก้าวหน้าอย่างมาก มาเที่ยวระนองอย่าลืมแวะมากราบสักการะกันนะ สุสานนี้อยู่ติดถนนหมายเลข 4004 (ระนอง-ปากน้ำ) สามารถมองเห็นได้จากริมถนนกันเลย
แวะไหว้พระกันซะหน่อย วัดสุวรรณคีรีวิหาร วัดนี้มีประวัติที่น่าสนใจที่เดียว ชื่อเดิมวัดสุวรรณคีรีธาราม ส่วนชาวบ้านเรียกกันว่า วัดหน้าเมือง เป็นพระอารามหลวง ชั้นตรี ในอดีตได้ประสบภัยธรรมชาติจนกลายเป็นวัดร้าง ต่อมาในปี พศ. 2433 เมื่อรัชกาลที่5 เสด็จประพาสระนอง ได้โปรดเกล้า ฯ ให้พระยารัตนเศรษฐี ผู้ว่าราชการเมืองระนองดำเนินการสร้างวัดนี้ขึ้นมาแทน เจดีย์เป็นศิลปะพม่า ชื่อ "พระเจดีย์ดาธุ" สูง 10 เมตร มีอายุกว่า 70 ปี สร้างโดยชาวพม่า มีพระประธานพระพุทธรูปหินอ่อนงดงามยิ่งนัก พื้นศาลาการเปรียญเป็นลายกระเบื้องเขียนด้วยมือสร้างตั้งแต่สมัย ร.5 ยังคงสภาพให้เราดูอยู่ นอกจากนี้ยัง ธรรมมาสน์ที่รัชกาลที่ 5 ทรงพระราชทานไว้ให้ด้วย
ที่พักคืนที่2 เราคือ เดอะบีระนองเทรนด์โฮเต็ล ตกแต่ได้เทรนด์สมชื่อกันเลยทีเดียว เก๋ไก๋มาก มีมุมเก๋ๆ ให้ถ่ายรูปเล่นกันเยอะทีเดียว
ก่อนกลับเราก็แวะชิมของอร่อยขึ้นชื่อของจังหวัดระนอง “ซาลาเปาทับหลี” มาระนองแล้วถ้าไม่ได้กินซาลาเปาทับหลีก็เหมือนไม่ครบถ้วนการเที่ยวระนองอะซิ.555 วันนี้เราเลือกชิมร้านสุนันทา อร่อยสมคำรำลือจริงๆ ก็ครบถ้วนกันพอสมควรสำหรับการมาเที่ยวระนองโอกาสหน้าเราจะไปนำภาพเกาะแก่งของระนองมาให้ชมกันต่อไป สวัสดีครับบบ....
ร้านสุนันทา ซาลาเปาทับหลี โทร : 082-2703428
ขอขอบคุณ : ททท.กองตลาดภาคใต้
จำนวนผู้ชม 13955