Touronthai Forum สนทนาประสาเที่ยว
หมวดหมู่ทั่วไป => แชร์ประสบการณ์/โพสต์รูปประทับใจ => ข้อความที่เริ่มโดย: Charoen Pattarapitak ที่ เมษายน 19, 2016, 02:46:31 PM
-
ภาพของเทศกาลสงกรานต์ในปัจจุบันส่วนใหญ่เราจะได้เห็นการสาดน้ำกันอย่างสนุกสนานของวัยรุ่นตามสถานที่ยอดนิยมเช่น สีลม ถนนข้าวสาร ฯลฯ แต่ภาพของวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมอันสวยงามกลับถูกหลงลืม ฉะนั้นเราจึงได้ไปเยือนถิ่นอีสานเพื่อถ่ายทอดความสวยงามของงานบุญสงกรานต์แบบดังเดิมซึ่งสืบทอดกันอย่างยาวนานมาให้ท่านทั้งหลายได้ชมกัน
จุดหมายแรกของเราจะมาชมกันคือ พิธีเสียเคราะห์วัดไชยศรี บ้านสาวะถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น
วัดไชยศรีเป็นวัดเก่าแก่สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พศ.2403 มีโบสถ์ ซึ่งชาวอีสานเรียกกันว่าสิม สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พศ.2443 รูปทรงเป็นแบบสิมอีสานโบราณสวยงามมาก ฝาผนังด้านในด้านนอกมีฮูปแต้มคือภาพเขียนสีนั่นเอง การเดินทางจากตัวเมืองขอนแก่นไปตาม ถ.มะลิวัลย์หรือทางหลวงหมายเลข12(ขอนแก่น-บ้านฝาง-ชุมแพ) ระยะทางประมาณ12กม. ถึงสี่แยกบ้านทุ่มเลี้ยวขวาไปตามเส้นทาง ขก.2009 ประมาณ 3กม. ถึงบ้านม่วงเลี้ยวขวาไปอีก 5กม. รวมระยะทางตัวเมืองขอนแก่นประมาณ 20กม.
-
12เม.ย.59 เราเดินทางมาถึงวัดไชยศรี ในช่วงบ่ายๆ เพื่อชมการเตรียมสถานที่สำหรับการจัดงานเสียเคราะห์ การเสียเคราะห์หรือคือการสะเดาะเคราะห์เป็นพิธีกรรมตามความเชื่อความศรัทธาทางศาสนาของชาวชุมชนสาระถีที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ จะทำกันในวันที่ 13เม.ษ. ของทุกปีในช่วงเทศกาลสงกรานต์
ทันทีที่ลงจากรถเราได้เห็นเณรตัวเล็กตัวน้อยขะมักเขม้นขนทรายที่ชาวบ้านนำมาให้ไปก่อเจดีย์ทรายหน้าสิม ส่วนด้านในพระหลายรูปกำลังโยงสายสิญจน์จากพระประธานภายในสิมออกมาให้ชาวบ้านที่จะมาร่วมพีธีเสียเคราะห์นี้
-
อีกด้านหนึ่งที่ศาลามีชาวบ้านมาช่วยจัดอุปกรณ์สำหรับตกแต่งประดับประดาสถานที่กันอยู่
-
13เม.ย.59 รุ่งขึ้นเรามาที่วัดไชยศรีกันแต่เช้า เห็นผู้เฒ่าผู้แก่และสาวๆกำลังตกแต่งประดับประดาเจดีย์ทรายกันอยู่ก่อนแล้ว ดูสวยงามเรียบง่ายตามวีถีอีสาน
-
จากนั้นก็มีการสวดมนต์และตักบาตรร่วมกัน
-
ช่วงบ่ายชาวบ้านเริ่มทยอยกันมานั่งรอบสิมโดยมีโทง 4 แจติดตัวกันมาด้วย ที่เรียกว่าโทง 4แจ คือมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยม ขนาดประมาณ 1 ศอก ทำมาจากต้นกล้วย กาบกล้วย แบ่งเป็น 9 ช่อง ภายในใส่เครื่องสักการะเพื่อบูชาพระเคราะห์ ประกอบด้วย ข้าวดำ ข้าวแดง ข้าวเหลือง ข้าวตอก ดอกไม้ น้ำส้มป่อย ทุ่งช่อ ทุ่งชัย ฝ้ายแดง ฝ้ายดำ ฝ้ายขาว ฝ้ายเหลือง ยาเส้น หมากพลู และที่ขาดไม่ได้คือเทียนตามแบบโบราณกำหนด โดยแต่ละบ้านจะทำกันมา 1 โทง
-
พิธีการเริ่มขึ้นเมื่อเจ้าอาวาสนำพระภิกษุและสามเณรเข้าในสิม กราบพระประธานแล้วกล่าวคำอาราธนาพระพุทธรูปภายในสิม จากนั้นทุกคนต้องจุดเทียนประจำโทง 4แจ ระหว่างที่พระได้กล่าวคำเสียเคราะห์ที่เป็นภาษาอีสานตามตำราโบราณ หลังจบกล่าวคำเสียเคราะห์ทุกคนก็จะนำโทง 4แจไปทิ้งในที่ทางวัดจัดไว้โดยจะไม่หันหลังกลับไปดูโทงนั้น นัยว่าเมื่อทิ้งสิ่งไม่ดีแล้วก็จะไม่กลับไปข้องแวะอีก จากนั้นก็มีการนำพระพุทธรูปในสิมลงมาทำการสรงน้ำ เป็นลำดับสุดท้ายของพิธีการ
-
จุดหมายต่อไปของเราคือประเพณีแห่ต้นดอกไม้บ้านแสงภา อ.นาแห้ว จ.เลย
วัดศรีโพธิ์ชัยซึ่งเป็นที่จัดงานแห่ต้นดอกไม้ เป็นวัดเก่าแก่อายุมากกว่า 400 ปี เกิดขึ้นพร้อมๆกับการตั้งชุมชนบ้านแสงภา พระอุโบสถคล้ายวัดเชียงของเมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว ภายในประดิษฐานหลวงพ่อเพชร ซึ่งเป็นพระพุทธรูปโบราณเก่าแก่ การเดินทาง จากอำเภอด่านซ้ายมาตามถนนหมายเลข 2113 ตรงมาเรื่อยๆ จนถึงบ้านเหมืองแพร่ เบี่ยงซ้ายเล็กน้อยตามถนนหมายเลข 1268 ประมาณ 10 กม. ก็จะถึงวัดศรีโพธิ์ชัย
-
14เม.ย.59 เรามาถึงบ้านแสงภา ในช่วงบ่ายๆ เพื่อชมขั้นตอนการทำต้นดอกไม้ จริงๆแล้วการทำต้นดอกไม้เริ่มต้นตั้งแต่เช้าตรู่โดยผู้ชายจะตัดไม้ไผ่เพื่อทำโครง ส่วนผู้หญิงก็จะไปเก็บดอกไม้เพื่อนำมาประดับต้นดอกไม้ ของหมู่บ้านของตน โดยทั้งหมดต้องทำให้เสร็จภายในวันนั้นเพื่อให้แห่ในตอนค่ำ ขณะที่เราไปถึงโครงต้นดอกไม้ใกล้เสร็จแล้ว แต่ยังพอได้เห็นว่าการทำนั้นใช้วัสดุที่ได้จากไม้ไผ่อย่างเพียงเดียวแม้แต่การยึดติดยังใช้เชือกที่ทำจากไผ่ด้วยเช่นกัน
-
หลังจากขึ้นโครงเสร็จก็เป็นหน้าที่ของผู้หญิงและเด็กๆจะช่วยกันประดับประดาต้นดอกไม้ ซึ่งดอกไม้ที่ใช้นำมาประดับคือ ดอกคูณ ดอกเฟื่องฟ้า และดอกหางนกยูง ประเพณีแห่ต้นดอกไม้ของชาวบ้านแสงภา นี้ได้สืบทอดกันมาเป็นเวลากว่า 400 ปี โดยชาวบ้านมีความเชื่อว่า การนำดอกไม้มาบูชาพระรัตนตรัย ในวันสงกรานต์หรือวันปีใหม่นั้น จะทำให้อยู่ดีมีสุขฝนตกต้องตามฤดูกาล และเป็นศิริมงคลแก่ชิวิต
-
หลังจากทำต้นดอกไม้เสร็จเป็นที่เรียบร้อยก็ถึงเวลายกไปสู่วัดศรีโพธิ์ชัย ระหว่างทางก็จะมีชาวบ้านคอยสาดน้ำกันอย่างสนุกสนานกันทีเดียว
-
ถึงวัดแล้วยังคงสาดน้ำสนุกสนานกันต่อไป
-
เมื่อต้นดอกไม้มาพร้อมกันที่วัดแล้วมีการจุดเทียนบูชาพระรัตนตรัย
-
จากนั้นการแห่ต้นดอกไม้ก็เริ่มต้นขึ้น คนแห่จะโยกให้ต้นไม้หมุนซ้าย ขวา ตามจังหวะเสียงกลอง ฆ้อง แคน พิณ ที่บรรเลงกันอย่างสนุกสนาน โดยแห่รอบพระอุโบสถสามรอบ รอบที่ 1 บูชาพระพุทธ รอบที่ 2 บูชาพระธรรม และรอบที่ 3 บูชาพระสงฆ์ ใช้เวลากันพอสมควรกว่าจะครบ 3รอบ แต่ก็จบลงอย่างสนุกสนานและอิ่มบุญกันไป
-
จุดหมายสุดท้ายของทริปนี้คือประเพณีแห่ต้นดอกไม้บ้านอาฮี อ.ท่าลี่ จ.เลย
วัดเมืองตูมธรรมมาราม จุดตั้งต้นของการแห่ต้นดอกไม้บ้านอาฮี การเดินทาง จาก อ.เมืองเลย ใช้เส้นทางหลวงหมายเลย 201 เลี้ยวซ้าย เข้าสู่ ถนนหมายเลข 2115 จากนั้นขับต่อไปยัง ถนนหมายเลข 2099 เลี้ยวซ้าย เข้าสู่ ถนนหมายเลข 2195 รวมระยะทางจาก อ.เมืองเลยถึงวัดเมืองตูมธรรมมาราม ประมาณ 60กม. วัดศิริมงคล จุดสุดท้ายของการแห่ต้นดอกไม้อยู่ห่างจากวัดเมืองตูมประมาณ 2กม.
-
16เม.ย.59 เรามาถึงวัดเมืองตูมบ่ายๆ ต้นดอกไม้ตั้งขบวนพร้อมที่จะแห่แล้ว ต้นดอกไม้บ้านอาฮี นั้นมีขนาดเล็กกว่าของบ้านแสงภา แต่ก็มีจุดเด่นตรงการประดับดอกไม้เป็นพุ่มอย่างสวยงามทีเดียว
-
จากนั้น นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ได้ตีฆ้องให้สัญญาณเริ่มต้นการแห่ต้นดอกไม้พร้อมทั้งร่วมขบวนแห่ด้วย
-
ประเพณีแห่ต้นดอกไม้บ้านอาฮี นั้นจะเริ่มต้นจากวัดเมืองตูมธรรมมารามไปยังวัดศิริมงคล ระยะทางประมาณ 2กม. ระหว่างการแห่ผู้ร่วมขบวนและผู้ทำหน้าที่แบกต้นดอกไม้ก็จะพากันร้องรำและโยกตัวไปจังหวะเครื่องดนตรีพื้นบ้านกันอย่างสนุกสนานตลอดเส้นทางกันเลย
-
ตามเส้นทางที่ขบวนแห่ผ่านไปจะมีชาวบ้านออกมาเล่นสาดน้ำกันอย่างสนุกสนาน เป็นการเพิ่มความชุ่มฉ่ำ ดับร้อนให้กับผู้ร่วมขบวนแห่
-
เมื่อมาถึงวัดศิริมงคลก็จะแห่เวียนไปรอบพระอุโบสถสามรอบเพื่อบูชาพระรัตนตรัย เป็นลำดับสุดท้ายของงานแห่ต้นดอกไม้ที่นี่
-
นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของประเพณีสงกรานต์ที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานของไทยเรา ความสวยงามเช่นนี้จะคงอยู่สืบไปถ้าเราคนไทยทุกคนช่วยกันดูแลรักษา
ขอบคุณ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานขอนแก่น โทร 043 227 714-5
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเลย โทร 042 812 812 /042 831 405
www.เที่ยวอีสาน.com
เรื่องและภาพโดย เจริญ ภัทรพิทักษ์