Touronthai Forum สนทนาประสาเที่ยว
หมวดหมู่ทั่วไป => แชร์ประสบการณ์/โพสต์รูปประทับใจ => ข้อความที่เริ่มโดย: jeab ที่ เมษายน 18, 2013, 02:33:57 PM
-
มาปักหมุดหมายไว้ก่อน
เห็นท่าว่าทริปนี้คงจะต้องใช้เวลาเล่าหลายวันอยู่
เพราะเดินทางหลายวันเหลือเกิน
ตั้งแต่เย็นวันที่ 9 เมษา เค้ายังไม่เริ่มสงกรานต์กันเลย เราก็ออกเดินทางกันแล้ว
กลับเข้าเมืองกรุงอีกทีก็วันที่ 16 เมษา พร้อมกับชาวมนุษย์เงินเดือนคนอื่นๆ เค้า
ทริปนี้มันเริ่มจากว่า เราเสร็จงานใหญ่วันที่ 8 เมษาแล้วจะหยุดยาวยันสงกรานตฺ์
ก็กะว่าจะเก็บกระเป๋าลงใต้ ไป wetlandcamp ที่พัทลุง
ซึ่งเราเห็นแค่รูป (เป็นเหยื่อโฆษณาจริงๆ) ว่าที่พักสวย ติดทะเลสาปสงขลา ใกล้ทะเลน้อย (รู้แค่นี้จริงๆ นะ)
จะแบกหนังสือไปนอนอ่านเล่นซักสี่ห้าวัน ไม่คิดว่าจะแวะที่อื่นมากมายขนาดนี้
เพราะคิดว่าไปคนเดียว เราอาจจะบินไปลงตรังหรือหาดใหญ่ แล้วหารถต่อไปปากประ ที่อยู่ควนขนุน พัทลุง
เี่ราไม่เคยรู้เลยนะว่าไปพัทลุงเค้าไปเที่ยวไหนกัน
เวลาเราจะลงใต้ เราก็คิดแค่กระบี่ ตรัง ภูเก็ต พังงา
พัทลุงเป็นจังหวัดตกสำรวจสำหรับเรา แต่พอมาแล้ว สวยสุดยอดไปเลย
หลังจากบอกใครๆ ว่าจะไปไหน ปรากฏมีคนสนใจร่วมชะตากรรมด้วย
คุณเจ้าของเวบนี้ก็เลยอาสาเป็นสารถีให้ และมีอีกสองสามชีวิตร่วมขบวนไปด้วย
เป็นทริปที่เรื่อยเปื่อยออกทะเลมาก อยากแวะไหนก็แวะ เห็นป่ายางสองข้างทางสวยก็แวะ
และเป็นทริปที่กินอย่างราชาแทบทุกมื้อ (ในราคาประหยัด)
เป็นทริปที่โดยรวมแล้วทุกอย่างโอเคมากๆ (แม้ว่าในหลายๆ เรื่องที่เราเจอจะไม่โอเค)
ที่เที่ยวที่แวะส่วนมากสวย อาหารอร่อย แต่ช่างเป็นการเดินทางที่ยาวนาน
กว่าจะไปสุดติ่งที่สตูล และกลับมากรุงเทพ ระยะทางที่เราใช้เวลาในทริปนี้ทั้งหมดก็เกือบสามพันกิโลเมตร
ในระยะเวลาเจ็ดแปดวัน
-
เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ช่วงหัวค่ำของวันที่ 9
และไปถึงสุราษฎร์ธานีตอนเช้ามืด
ซึ่งแน่นอนว่า เราสามารถเห็นพระอาทิตย์ขึ้นทันแน่นอน (ถ้ามันจะมีให้เห็นน่ะนะ)
ว่าแล้วสารถีก็ขับพาเราไปวัดที่อยู่บนเขาติดชายทะเล (ชื่อวัดอะไรคุณพี่มาเติมหน่อยนะ)
-
แต่มองไม่เห็นอะไรหรอก
ก็เมฆเยอะฟ้าหม่นซะขนาดนั้น
แต่จากบนเขา เราเห็นสะพานอยู่ไกลๆ ข้ามไปเกาะอะไรซักเกาะหนึ่ง
ว่าแล้วเราก็ลงจากวัดบนเขา ขับรถหาสะพานที่ว่า
ซึ่งมันคือสะพานข้ามไปเกาะแรต
ข้ามสะพานมาอีกฝั่งเราก็จะเจอวิวนี้
-
เริ่มสายหน่อย สารถีก็เริ่มหิว
เพราะขับรถมาไม่ได้นอนทั้งคืน
ขณะถ่ายรูปอยู่หัวสะพานเกาะแรต ก็มีรถขายข้าวเหนียวไก่ทอด ขนมหวานบ้านๆ ผ่านมา
เราเลยจัดมื้อเช้ากันซะที่นี่
-
แล้วเราก็ออกจากสุราษฎร์ มุ่งสู่ wetlandcamp ต.พนางตุง อ.ควนขนุน พัทลุง
หมุดหมายแรกของทริปนี้
มาแล้ว
-
wetlandcamp มีห้องแค่ 4 ห้อง
ราคา 1,800 บาท
นอนได้ 3 คน หรือหากมากัน 5 คนอย่างเรา ก็นอนรวมกันได้หมด เพราะมีถุงนอนแผ่นรองนอนทิ้งไว้ให้ในตู้
โดยจ่ายเพิ่มหัวละ 200 บาท รวมอาหารเช้า
บรรยากาศภายในห้องพัก ระเบียงหลังห้องพักประจันหน้ากับทะเลสาปสงขลา
ซึ่งมีมวลหมู่ยอเต็มไปหมด
-
เช้าๆ ถ้าไม่ลงเรือซึ่งต้องเช่าเหมาลำลงไปในทะเลสาป เพื่อถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางมวลหมู่ยอ
(ราคา 800 บาท/ลำ ซึ่งรวมการเดินทางไปทะเลน้อยซึ่งอยู่ห่างออกไปด้วย)
หากเรามานั่งที่ระเบียงหลังห้อง เราก็เจอวิวนี้แล้ววววว
(รูปนี้เราถ่ายจากระเบียงหลังห้องจริงๆ นะ)
-
แต่เจ้าของบ้านเค้าแนะนำให้เราลงลุยน้ำในทะเลสาป ซึ่งจะประมาณอก ใช้ขาตั้งกล้อง
แล้วจะได้ภาพอีกมุมหนึ่ง
ซึ่งพวกเราไม่มีใครลงเลย
ทุกคนสมัครใจลงเรือ 55
ซึ่งมันก็จะทำให้เราได้วิวหมู่ยอโน้น นี้ นั้น ต่างๆ กันไป
(เกิดอาการเลือกภาพไม่ถูก รู้สึกว่ากดมายังไงก็สวยไปหมด ต่อให้ถ่ายรูปไม่เก่งก็เหอะ)
-
ทัวร์หมู่ยอเสร็จ พระอาิทิตย์พ้นไป (ความจริงเรานอนที่นี่สองวัน เราไม่เห็นพระอาทิตย์ซักวันหรอก เห็นแต่แสงมลังเมลืองอย่างในรูปเท่านั้นแหละ)
เจ้าของบอกว่า ฝนไม่ตกมาสองเดือนแล้ว เพิ่งจะมาตกครั้งแรกในรอบสองเืดือนเมื่อวันเรามาถึงนี่แหละ
เมฆเยอะ ครึ้มทะมึนไปหมด แต่มันพอจะมีแสงส้มๆ แดงๆ ให้เราเห็นมั่ง
ดูพระอาิทิตย์จนพอใจ คนขับเรือก็พาเรามุ่งสู่ทะเลน้อย ชมทุ่งดอกบัว นก ควายน้ำ
ระหว่างทาง
-
ระหว่างทางเราก็ส่องกันไปเรื่อยๆ
-
เราว่าคนชอบดูนก คงจะเพลิดเพลินกับทริปนี้มิใช่น้อย
-
เราก็จะผ่านวิวโน้น นี้ นั้น
รวมถึงควายน้ำพวกนี้
-
เรือจะพาเราลอดสะพานเฉลิมพระเกียรติ
ซึ่งตัดผ่านตำบลบ้านขาว อำเภอระโนด จังหวัดสงขลากับตำบลพนางตุง อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุงเข้าด้วยกัน
ช่วยย่นระยะทางจาก 160 กม. เหลือเพียง 17.5 กม. บางคนเรียกสะพานหัวป่า-ไสกลิ้ง
ฝั่งนึงของสะพานเป็นทะเลน้อย อีกฝั่งเป็นทะเลสาปสงขลา รถน้อย
เค้าว่ากันว่าวิวพระอาทิตย์ตกสวยมาก นี่เป็นสะพานที่ยาวที่สุดในประเทศไทย
และเราจะมาดูพระอาิทิตย์ตกกันที่นี่แหละ (ถ้ามันจะเห็นน่ะนะ)
-
ไว้ต่อวันหลังนะค้าาาา
วันนี้มีงานต้องทำต่อแล้ว
พี่ทอม พี่ใจ เสริมได้เลยเน้ออออ
อ้อ...
ข้าพเจ้าขออำภัย ที่ย่อขนาดรูปผิดไซส์ไปหน่อย
ขี้เกียจแก้ไขอ่าาาาา
ขอโทษๆ
-
สวยแล้วจ้า ขนาดรูปก็ OK จ้า
เดี๋ยวมาเสริม อิอิ
-
เสียดายไม่ได้ร่วมทริป เห็นรูปแล้ว :o :o :o
รู้อย่างนี้ควบ 2 ล้อตามลงใต้ อย่างที่ตั้งใจทีแรกซะก็ดี
-
เชอะ เล็กขี้โม้ มาพูดทีหลังทุกทีเลย พี่ใจยังตามไปวันที่ 14 เลย
-
เชอะ เล็กขี้โม้ มาพูดทีหลังทุกทีเลย พี่ใจยังตามไปวันที่ 14 เลย
ผมจะไปตรัง กระบี่ สุราด ภูเก็ตโน้นๆๆๆๆๆๆๆ :P :P :P :P
-
เชอะ เล็กขี้โม้ มาพูดทีหลังทุกทีเลย พี่ใจยังตามไปวันที่ 14 เลย
ผมจะไปตรัง กระบี่ สุราด ภูเก็ตโน้นๆๆๆๆๆๆๆ :P :P :P :P
โอ๊ย เล็ก เชยว่ะ
-
เล็กโม้อ่ะ เป็นไงพลาดความงามที่หาชมได้ยาก
-
ปากประ
ห่างออกมาจากบริเวณที่คลองลงมาบรรจบกับทะเลน้อยที่เรียกกันว่าปากประนี้ เราเลือกยอหลังหนึ่งที่อยู่ไกลสุดเป็นเป้าสำหรับการเก็บภาพยอยักษ์กับแสงอาทิตย์ในรุ่งอรุณ เห็นได้ชัดว่าเราโชคดีกว่าเมื่อวานแต่ก็ยังดูเหมือนว่าจะยังไม่ดีพอ อย่างน้อยก็ยังมีแสงสว่างส่องลงมาจากท้องฟ้าเบื้องบน ท่ามกลางเมฆครึ้มที่ดูน่ากลัวว่าฝนจะตกได้ตลอดเวลา แต่นี่ก็เป็นเสน่ห์ของการเที่ยวภาคใต้ ฝนจะมาได้ทุกเมื่อ การเตรียมตัวในการล่องเรือเที่ยวจะดีมากถ้าเราเอาถุงไปสักใบสำหรับป้องกันอุปกรณ์กล้อง เช่นเอาถุงใส่กล้อง หรือไม่ก็เอาใบใหญ่ๆ หุ้มกระเป๋ากล้องทั้งใบ
-
กรุ๊ป ทัวร์ออนไทยหรือเปล่า น่าจะใช่นะครับ :P :P :P
-
กรุ๊ป ทัวร์ออนไทยหรือเปล่า น่าจะใช่นะครับ :P :P :P
ใช่ๆ พี่ทอมเสื้อสีฟ้า 555 ไปได้มาไงเนี่ย
-
บัวแดงทะเลน้อย ในคลองลาโพ มีลักษณะเป็นคลองจริงๆ แต่ถ้าเรามองภาพจากมุมสูงคลองสายนี้ก็เหมือนคลองที่พาดผ่านทะเลสาบ สองฝั่งคลองจะว่าเป็นดินก็ไม่เชิง บางช่วงก็มีลักษณะเป็นที่ลุ่มชุ่มน้ำ และป่าชายเลน คลองลาโพเป็นเส้นทางเดินเรือที่สำคัญภายในพื้นที่ทะเลน้อยและทะเลสาบสงขลา นอกเหนือจากนั้นบริเวณนี้ยังเป็นที่ทำรังของนกน้ำหลายชนิดอย่างที่เล่าไปแล้ว สุดยอดกว่านั้นอีกก็คือบัวแดงจำนวนมหาศาลในคลองลาโพ มีพื้นที่ว่างตรงกลางของคลองเป็นที่ที่เรือแล่นผ่านไปได้ ที่เหลือมีบัวแดงขึ้นแน่นขนัดไปหมด ตอนที่เราเห็นบัวเหล่านี้แรกๆ ก็พากันพยายามถ่ายรูปบัวตอนที่เรือยังแล่นอยู่ เพราะกลัวว่าพี่คนขับเรื่อจะไม่จอด จนพี่เค้าบอกว่าใจเย็นๆ อย่าเพิ่งถ่ายรูปเดี๋ยวจะหาที่จอดให้ถ่ายสวยๆ เลย ก็ได้ออกมาเป็นมุมนี้ละครับ บัวแดงขึ้นหนาเป็นแนวตามแนวคลอง ยาวสุดสายตายากที่จะบรรยายหรือถ่ายทอดด้วยภาพได้ อยากจะให้ได้มาเห็นด้วยตัวเองจริงๆ มันแตกต่างจากทะเลบัวแดงที่เราเห็นแผ่ไปทั่วบริเวณ บัวที่นี่ขึ้นเรียงเป็นแนวริมคลอง ยาวๆๆๆ มากจริงๆ
-
บัว ทะเลน้อย
-
ควายน้ำ
ภาพฝูงควายน้ำที่หากินอยู่กลางน้ำ เป็นแถวเป็นแนวครึ่งตัวอยู่ในน้ำจนมองเห็นแต่ส่วนครึ่งบนและเขาแหลมๆบนหัว พอเรือมาใกล้ควายพวกนี้ก็ตกใจและพยายามเดินออกให้ห่าง
-
Wetlandcamp
-
หลังจากทัวร์หมู่ยอยามเช้าและไปดูบัวแดงที่ทะเลน้อย
เราก็กลับบ้านพักมากินอาหารเช้า อาหารเช้าที่ที่นี่เตรียมไว้ให้ก็จะเป็นพวกข้าวต้ม
และขนมจีน ชากาแฟ ขนมปังมีพร้อม
อิ่มหมีพีมัน เอ้อระเหยกันเล็กน้อย เราก็ออกท่องจังหวัดพัทลุงกัน
(เริ่มจัดลำดับไม่ถูกแระ ว่าเราแวะอันไหนก่อนหรือหลัง เอาเป็นว่าเราแวะตามนี้แล้วกันนะ หุ หุ)
ออกจาก wetlandcamp เราก็ไล่แวะไปเรื่อย
หาดลำปำ
เป็นสวนสาธารณะมีทิวสนร่มรื่นริมทะเลสาปสงขลา
แต่เนื่องจากว่สเราไปเกือยเที่ยง ความร่มรื่นที่ว่าเราเลยหาไม่ค่อยเจอ
แต่ท่าทางว่า ช่วงเย็นจะบรรยากาศดีมิใช่น้อย มีสะพานข้ามไปเกาะลอยด้วย
(เราบ่ได้ถ่ายอะไรที่นี่มาเลย ไปตอนแดดร้อนเปรี้ยง มัวแต่หาที่หลบร้อน พี่ทอมเอามาเสริมเด้ออออ)
-
ต่อด้วยวังเจ้าเมืองพัทลุง (วังเก่า วังใหม่)
-
กรุ๊ป ทัวร์ออนไทยหรือเปล่า น่าจะใช่นะครับ :P :P :P
ก็ใช่นะสิครับ
-
ต่อด้วยวังเจ้าเมืองพัทลุง (วังเก่า วังใหม่)
ไปสองวังเลยเหรอ รอชมๆ ;D
-
กรุ๊ป ทัวร์ออนไทยหรือเปล่า น่าจะใช่นะครับ :P :P :P
ใช่ๆ พี่ทอมเสื้อสีฟ้า 555 ไปได้มาไงเนี่ย
ก็นั่งเรือตามหลังไปไง 55555 (ไปขโมยมาจากเว็ปท่องเที่ยวอ่ะ) :P :P :P :P :P :P
-
ต่อด้วยวัดที่อยู่ถัดจากวังหน่อย เป็นวัดเก่าโบราณ ประจำตระกูล ณ พัทลุง (พี่ทอมมาเสริมด้วยว่าวัดอะไร ปล่อยทิ้งไว้นานลืมหมดแล้ววววว)
-
หลังจากเที่ยวัดเสร็จเราก็ไปต่อที่ก๋วยเตี๋ยวหางหมูข้างสถานีรถไฟควนขนุน
คนเยอะ รสชาติอร่อย
-
หลังจากกิืนเสร็จ ขึ้นรถ โดนแอร์เย็นๆ
ข้าพเจ้าก็หลับยาวววว
ตื่นขึ้นมาอีกที เค้าพามาน้ำตกไพรวัลย์
ซึ่งน่าจะอยู่ห่างจาก wetlandcamp ของเราหลายสิบโลอยู่
เพราะเราหลับได้เต็มตื่นมากกกก
หุ หุ
-
ฮ่วย
การปล่อยทิ้งไว้นานๆ รีวิวไม่เสร็จ
จนกระทั่งมีทริปอื่นมาทับถมอีกสามสี่ทริปนี่
มันทำให้เราลืมและขี้เกียจจริงๆ เล้ย
อารมณ์ร่วมลืมไปหมดแล้ว มัวแต่ตื่นเต้นกับทริปใหม่
เดี๋ยวมาต่อเด้ออออ
-
ฮ่วย
การปล่อยทิ้งไว้นานๆ รีวิวไม่เสร็จ
จนกระทั่งมีทริปอื่นมาทับถมอีกสามสี่ทริปนี่
มันทำให้เราลืมและขี้เกียจจริงๆ เล้ย
อารมณ์ร่วมลืมไปหมดแล้ว มัวแต่ตื่นเต้นกับทริปใหม่
เดี๋ยวมาต่อเด้ออออ
555 นั่นสิ แล้วจะไปต่อได้มั้ยนี่ ;D
-
จบแล้วเย้ๆๆๆๆๆๆๆ
-
น้ำตกที่นี่สวยดีนะ
คนท้องถิ่นเที่ยวเยอะมากๆ ด้วย
หรือจริงๆ อาจจะเป็นเพราะเราไปช่วงสงกรานต์คนเลยเยอะก็ไม่รู้
สวย แต่สกปรกมาก
ขยะมีเกลื่อนอยู่ทั่วน้ำตก
ห้องน้ำไม่โอเคเลย
เห็นแล้วเสียดาย ที่มันสวยแต่สกปรกขนาดนี้
ออกจากน้ำตก เราก็ไปต่อที่วัดคูหาสวรรค์
(แต่เราไม่ได้ได้รูปมา เดี๋ยวข้อมูลวัดและรูปดูจากท่านเจ้าของเวบนะคะ)
ที่นี่ออกไปในแนวศูนย์ปฏิบัติธรรม วันที่เราแวะเข้าไป มีคนมาปฏิบัติธรรมเยอะมาก
มีห้องนอนห้องน้ำแยกเรือนชายหญิง มีรถมาเป็นหมู่คณะ
ออกจากวัดมุ่งกลับ wetlandcamp
เราก็ยังได้แวะข้างทางในตัวอำเภอควนขนุนถ่ายรูปเขาทะลุกับเขาอกแตกก่อนเข้าบ้าน
แวะไปสะพานเฉลิมพระเกียรติด้วยหวังว่าจะเจอพระอาทิตย์... แต่ก็ไม่
เมฆเยอะ มองไม่เห็นอะไรเลย
เราเลยกลับเข้าบ้านกินข้าวเย็น
หน้าตาอาหารเย็นของเรา
-
อาหารที่นี่อร่อยมาก
เรากินอาหารเย็นที่นี่ทุกวัน
กุ้งตัวโต หวาน สด อร่อย
ราคาไม่แพงเลย
ยกมาจานเบ้อเริ่ม บอกว่าว่า 1 กก. (เคยกินที่อยุธยา มีตัวเล็กๆ ไม่กี่ตัวยังบอกเราว่าโลนึง)
แถมราคาโลนึงแค่ 800 บาท
-
เช้าอีกวัน เราตื่นลงเรือ ดูพระอาทิตย์ถ่ายรูปยอยักษ์กันเหมือนเดิม
พระอาทิตย์ก็ยังขี้อายเหมือนเดิม
ไม่ยักโผล่หน้ามาให้เราชื่นชม
แต่ว่าก็ส้มสวยได้ใจอยู่
บอกแล้วว่ามันมีสวยอยู่ทุกมุมแหละ ถ้าเราใส่ใจจะมอง
;)
-
หลังจากชมพระอาทิตย์ขึ้น
เราก็กลับเข้าฝั่งมาทานอาหารเช้า
คุณเจ้าของแว่บไปชมเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนที่อยู่ในสวนพฤกษศาสตร์ที่อยู่ใกล้ๆ
ส่วนพวกเราก็ทะยอยอาบน้ำอาบท่า เตรียมออกเดินทางสู่เขาชันรีสอร์ท ที่อยู่ในอำเภอปากพยูน ในจังหวัดพัทลุงนี่เอง
เพื่อนร่วมทริปจากกรุงเทพของเราจะแยกออกไปเจอเพื่อนอีกคนที่มาจากภูเก็ต
และจะมุ่งไปขนอมกัน
เราเลยร่ำลากันที่นี่ในเวลาเกือบเที่ยง
ไม่น่าเชื่อ หลังเราแยกจากกันแล้ว เส้นทางที่เราไปฟ้าใสมากกกกก
หลังจากที่เราลงใต้มาสองวันเราเจอแต่ฟ้าครึ้ม เมฆฝน
พอเจอฟ้าใสแบบนี้เราเลยดีใจกันใหญ่
ระหว่างทางมุ่งสู่ปากพยูน ต.เกาะหมาก เพื่อไปเขาชันรีสอร์ทที่เราจองที่พักไว้
เราก็แวะระหว่างทางไปเรื่อยๆ
แวะบ่อน้ำพุร้อนเขาชัยสน
แวะชมเรือเก่าที่วัดยางงาม
-
ระหว่างทาง
-
ชื่อหมู่บ้าน
ระหว่างทางไปเขาชัน
-
ระหว่างทางฟ้าก็ใสปานฉะนี้
-
มันใสจนเราคิดชั่วกันว่า
เดี๋ยวจะส่งรูปฟ้าใสๆ ไปเย้ยเพื่อนที่แยกไปขนอม
เพราะเพื่อนไลน์มาบอกว่า นครฝนตกหนักมาก
เราก็วางแผนกันใหญ่ว่า เดี๋ยวเราจะส่งรูปพระอาทิตย์ตกงามๆ ไปเย้ย ในฐานที่ไม่มากับเรา
คอยดูๆ
ฟ้ามันใสตลอดทางจนเราถึงเขาชันจริงๆ นะ
-
เราเช็คอินเข้าที่พัก
บ้านพักของเราหันหน้าออกสู่ทะเลสาปสงขลา (ที่เขาชันรีสอร์ทเค้าบอกว่าที่นี่ถือเป็นเซ็นเตอร์ของทะเลสาปสงขลาเลยนะ)
เราก็พากันกระหยิ่มใจว่า อีกครึ่งชั่วโมงพระอาทิตย์ตก
เราไม่ต้องวิ่งไปดูที่ไหนไกลเลย
แค่นั่งยกกล้องอยู่บนระเบียงบ้าน
พระอาทิตย์ก็จะตกตรงหน้าเรานี่แหละ
แต่ปรากฏว่า ในอีกไม่กี่นาทีที่พระอาทิตย์จะตก
เมฆฝนไม่รู้มาจากไหน พัดมามืดฟ้ามัวดิน
จากฟ้าทีใสๆ มืดมิดไปในพริบตา
สงสัยฟ้าคงลงโทษคนคิดไม่ดีอย่างพวกเรา
เราได้แต่นอนมองดูฟ้าตาละห้อย
:'(
-
หลังจากฟ้ากลั่นแกล้งเราไป
ก็ยังอุตส่าส่งสีส้มๆ มาให้เราเห็นในช่วงระหว่างอาหารเย็น
-
แต่อาหารเย็นที่นี่อลังการมากนะ
ความรู้สึกที่เสียไป ชดเชยได้ด้วยอาหาร
55
-
กิน กิน กิน
-
อนุญาิตปั่นจักรยานไปช็อคโกแลต วิลล์ซักรอบก่อนนะ
เดี๋ยวกลับมาจัดการต่อ
:P
-
กลับมาแระ ออกไปเรียกเหงื่อยามดึก
ต่อๆ
หลังจากอาหารเย็น ก็มีการช่วยกันทำขนมไหว้เสด็จพ่อ ร.5
เพราะ ร.5 เคยเสด็จมาประทับที่นี่ คราวเสด็จประพาสต้นแหลมมลายู
-
เสร็จแล้วก็แยกย้ายกันไปนอน
ความจริง ที่พักที่นี่บรรยากาศดีมาก ติดน้ำ
เสียอย่างคือห้องพักเก่า ห้องน้ำไม่ค่อยดีเท่าไหร่
แถมแขกที่มาพักที่นี่ส่วนมากมาเป็นหมู่คณะ
เป็นพวกหน่วยงานราชการมาสัมมนา กลางคืนสงสัยกลัวแขกจะไม่มีอะไรทำ
เลยมีคาราโอเกะให้ร้องซึ่งเสียงดังไปทั่วคุ้งน้ำ
ทำลายบรรยากาศสุดๆ
เรานอนฟังเพลง ตับ ตับ ตับ ตับ กับ กังนัมไปหลายรอบ
แปลกดีเนาะ
ไหว้ ร.5 เสร็จ มาตับ ตับ ตับ ตับ
เช้ามาเราก็ซื้อทัวร์ไปทัวร์เกาะสี่เกาะห้า
เราไม่ต้องไปถามเค้านะว่าเกาะหนึ่งเกาะสองเกาะสามอยู่ที่ไหน
ที่เรียกเกาะสี่เกาะห้าเพราะว่ามองออกมาจากฝั่งเห็นเป็นสี่ห้าเกาะ เลยเรียกแบบนั้น ไม่ได้หมายความว่ามันจริง
เกาะสี่เกาะห้า เป็นเกาะที่ขายสัมปทานรังนกให้บริษัทเอกชนดำเนินการไปแล้ว
เพราะฉะนั้นบนเกาะก็จะมีออฟฟิศ มีบ้านพักของคนงานเพื่อเฝ้ารังนก
-
หลังจากออกจากเกาะรังนก
เราก็นั่งเรือไปทัวร์เกาะนี้
บนเกาะนี้ก็จะมีเจ้าแม่กวนอิม มีพระแบบจีนๆ ให้ไหว้
เห็นไกด์บอกว่าเป็นชาวสิงคโปร์มาสร้างไว้
-
บนเกาะก็อารมณ์ประมาณนี้
ซึ่งเกาะนี้เราสามารถเดินได้รอบเกาะเลย
ใช้เวลาแป๊บเดียว
-
อ้อ
เราทัวร์เกาะแบบหม่นๆ มัวๆ
เพราะเมื่อคืนฝนตกหนักมา
ตื่นเช้ามาอีกวันฟ้าขาว เน่า
บรรยากาศอึมครึมสุดๆ
-
หลังทัวร์เกาะเสร็จ
เราก็กลับมาเก็บของเพื่อเดินทางต่อไปเจ็ดคต จ.สตูล
เราจะไปเข้าถ้ำ ล่องแก่ง
เก็บของเสร็จ ก็ใกล้เที่ยง เราว่าจะออกเดินทางเลย ไปหากินข้าวเที่ยงข้างหน้า
แต่เจ้าของรีสอร์ทบอกว่าเตรียมอาหารไว้ให้
พวกเราเลยไม่ขัดศรัทธา
จัดการไปซะเรียบร้อย
หน้าตาอาหารมื้อเที่ยงของเรา
** อาหารที่นี่ราคาไม่แพงค่ะ
รสชาติดีด้วย
-
ยังไม่หมดๆ
;D
-
โพสต์อาหารมื้อเที่ยงไปแล้ว
เราลืมมื้อเช้าล่ะ
มื้อเช้าของที่นี่จะเป็นแบบให้ชาวบ้านมานั่งทำให้เรากินสดๆ ใหม่
มีขนมครก ไก่ปิ้ง แล้วอะไรอีกหว่า
หน้าตาประมาณนี้ค่ะ
-
หลังทานข้าวเที่ยงเสร็จเรียบร้อย
เราก็ออกเดินจากสู่เจ็ดคต จังหวัดสตูล
เราเคยมาเที่ียวสตูลเฉพาะหลีเป๊ะ
ครั้งนี้เป็นการเที่ยวบนฝั่งครั้งแรก
สารภาพว่าจริงๆ แล้วเป็นคนไม่ชอบเที่ยวถ้ำ ล่องแก่งเท่าไหร่
เลยรู้สึกเฉยๆ กับการไปเจ็ดคต
เรายังไม่เข้าที่พัก
มุ่งเข้าหาที่ล่องแก่งเข้าถ้ำเจ็ดคตเลยทันที
เพราะมั่นใจว่าจองที่พักไว้เต็มจะนวนแล้ว เลยไม่ค่อยเดือดร้อนอะไรเท่าไหร่
แถมที่พักที่จองไว้ ถามคนเจ้าหน้าที่ที่มาบริการล่องแก่งก็บอกว่า เดี๋ยวเราจะล่องแก่งไปจบตรงนั้นพอดี หาไม่ยาก
เราก็เลยนิ่งนอนใจ
ไปล่องแก่งก่อนดีกว่า
-
รูปในถ้ำเจ็ดคตดูจากเจ้าของเวบนะคะ
เราไม่มีอุปกรณ์การถ่ายภาพในถ้ำ เลยไม่ได้รูปติดมา
ดูรูปนอกถ้ำไปก่อนแล้วกัน
บรรยากาศสองข้างลำน้ำร่มรื่น เขียว
แล้วเราล่องตอนเย็นด้วย แดดกำลังร่ม ลมกำลังตก
ส่องแสงลอดผ่านต้นไม้สวยมาก
คนไม่ชอบน้ำ ไม่ชอบล่องแก่งอย่างเรายังชอบ
-
รูปในถ้ำเจ็ดคตดูจากเจ้าของเวบนะคะ
เราไม่มีอุปกรณ์การถ่ายภาพในถ้ำ เลยไม่ได้รูปติดมา
ดูรูปนอกถ้ำไปก่อนแล้วกัน
บรรยากาศสองข้างลำน้ำร่มรื่น เขียว
แล้วเราล่องตอนเย็นด้วย แดดกำลังร่ม ลมกำลังตก
ส่องแสงลอดผ่านต้นไม้สวยมาก
คนไม่ชอบน้ำ ไม่ชอบล่องแก่งอย่างเรายังชอบ
โยนมาก็ตอบไปครับ
รูปในถ้ำ 7 คต ปกติก็น่าจะมี 7 รูป คตละ 1 รูป แต่ความจำกัดทางด้านเวลา ไกด์จะพาเราเที่ยวแบบเร็วๆ ไม่งั้นเรือลำหลังๆ จะแล่นมาทันเราแล้วจะมาออกันอยู่ตรงที่เราอยู่หรือบางทีอาจจะหยุดเรือไม่ทันชนเราเข้าให้ก็ได้ ไกด์จะจอดเรือให้เราลงถ่ายรูปแค่ 2 จุดก็คือบัวคว่ำคตแรก แล้วก็ดงกุหลาบ คตที่ 4 แล้วผมก็ขอให้เขาจอดเป็นพิเศษอีก 1 จุดตรงคตที่ 6 หินงอกหินย้อยสวยมากแต่อยู่สูงมากจนถ่ายรูปไม่ค่อยชัดเท่าไหร่
ภาพในถ้ำเจ็ดคตก็ตามนี้ครับ
(http://www.touronthai.com/gallery/photo/75000011/jedkot_cave06.jpg)
(http://www.touronthai.com/gallery/photo/75000011/jedkot_cave08.jpg)
(http://www.touronthai.com/gallery/photo/75000011/jedkot_cave09.jpg)
ดูรูปเพิ่ม
http://www.touronthai.com/ถ้ำเจ็ดคต-75000011.html
-
ล่องแก่งเข้าถ้ำเจ็ดคตเสร็จก็เย็นย่ำ
เรารีบมุ่งหน้าเข้าที่พัก เพราะว่าตัวเปียกกันมาแล้ว
อยากอาบน้ำ
"เรือนเคียงตะวัน รีสอร์ท" เราจองห้องพักไว้ที่นี่
เนื่องจากโอนเงินมาเต็มจำนวนแล้ว หลังโอนโทรมาคุยกับเจ้าของ
เราเลยไม่ได้โทรมาอีกก่อนออกเดินทาง
ปรากฏว่า พอถึงที่พัก เราเดินเข้าไปบอกว่าเช็คอิน คุณเ้จ้าของทำหน้างงๆ
บอกเราว่าที่พักที่นี่วันนี้เต็มหมดแล้ว คราวนี้กลับเป็นเราที่งงแทน
แถมคุณผู้หญิงซึ่งคาดว่าเป็นภรรยา ถามเราว่าเรามาผิดที่หรือเปล่า ห้องพักเราไม่มีราคานี้หรอก
ซึ่งเราก็บอกว่าไม่ผิดแน่นอน เพราะตอนหาที่พัก เราติดต่อที่นี่ที่เดียว เบอร์บัญชีที่โอนเงินเราก็เอามาจากหน้าเวบ
เบอร์โทรติดต่อ ก็เป็นเบอร์จากหน้าเวบ แถมโทรมาถามห้องบอกว่ามีว่าง โอนเงินมาโทรมาแจ้งอีกครั้งคุณผู้ชายยังบอกเลยว่าบุ๊กห้องให้เราแล้ว
พอถึงตอนนี้ เจ้าของฝ่ายชาย ซึ่งกำลังโทรศัพท์อยู่ข้างถนนเดินเข้ามาถามเราว่า เราได้โอนเงินมาด้วยเหรอ
ว่าบอกว่าโอนสิ พร้อมเอาหลักฐานการโอนให้เค้าดู
เริ่มมีปัญหา เพราะว่าห้องพักเข้าปล่อยไปหมดแล้ว มีคณะทัวร์คณะใหญ่จากไหนซักที่พักอยู่เต็มไปหมดแล้ว
เค้าบอกว่าเดี๋ยวจะโทรไปถามที่ besthouse resort ซึ่งเป็นของเค้าเหมือนกัน ว่ามีห้องว่างไหม
ซึ่งก็ปรากฏว่าไม่ว่าง เพราะวันนี้เป็นวันสงกรานต์ เทศกาล ที่ไหนก็เต็มหมด
เราเริ่มออกอาการหงุดหงิด ยืนตัวเปียกรอห้องพักแล้วไม่มีห้อง ทั้งที่โอนเงินมาแล้ว
คุณเจ้าของยังมีหน้ามาบอกให้เราใจเย็นๆ
สรุปว่า เค้าพาเราไปห้องพักห้องหนึ่ง นอนรวมกันทั้งหมด 4 คน (เราจองมา 2 ห้อง สำหรับนอน 5 คน)
แถมมีหน้าบอกเราว่าเป็นห้องที่ดีที่สุด ไม่ค่อยเปิดให้ใครพัก
แต่ขอโทษเหอะ ห้องที่บอกเราว่าดีที่สุด ติดป่ายาง ไม่มีแอร์ (ซึ่งไม่เป็นไร เพราะเราจองมาในราคาห้องไม่มีแอร์อยู่แล้ว)
มีพัดลมที่ไม่สามารถส่ายได้ ห้องมีหน้าต่าง แต่ไม่มีมุ้งลวด ประตูไม่แข็งแรง ห้องน้ำที่น้ำไม่ค่อยระบาย
แถมเราเดินไปขอพัดลมอีกตัว บอกว่าพัดลมที่มีอยู่มันส่ายไม่ได้ มันโดนลมไม่ครบทุกคน
ก็ไม่หาให้เรา รับปาก แต่ทำเฉย จนเราต้องไปขอลูกจ้างในครัว ได้พัดลมในครัวเขลอะๆ มา 1 ตัว
แต่ทั้งหมดทั้งปวงที่เกิดขึ้นนี้ เจ้าของพูดดีมาก
ปากหวาน แต่พูดดีไปก็เท่านั้น เพราะการกระทำแต่ละอย่าง ไม่เห็นเค้าแสดงออกว่ารู้สึกผิดอะไรกับเราเลย
เหมือนกับเราไปขออาศัยเค้าอย่างนั้น
แถมระหว่างกินข้าวที่ต้มยำกุ้งมีแต่น้ำกับกุ้งตัวกระจิ๋วหลิว พี่แกยังมีหน้ามาขายทัวร์ล่องแก่งวังสายทองกับเราอีก
-
เช้าอีกวัน
เรารีบออกจากที่พักกันแต่เช้า
กะว่าไปหาข้าวกินกันข้างหน้า
ไม่อยากอยู่มองหน้าเจ้าของรีสอร์ทที่ทำตัวแบบนี้
เรามุ่งหน้าสู่น้ำตกวังสายทอง ซึ่งอยู่ใกล้ๆ
หาข้าวหาปลากินแถวนั้น แล้วเตรียมตัวล่องแก่งกันอีกรอบ
-
แก่งวังสายทองก็อารมณ์ประมาณเดียวกันกับเจ็ดคต
แต่ระยะทางที่เราล่องดูยาวกว่า (ถ้าเรามากับทัวร์ที่พาเราไปจนสุดทางนะ เพราะมีบางทัวร์พาไปแค่ระยะสั้นๆ)
บรรยากาศสองข้างทางเขียว สบายตา
มีคนเล่นน้ำสงกรานต์อยู่ริมตลิ่ง
หรือแม้กระทั่งในน้ำที่เราล่องเรือผ่านไป
ที่นี่เราไม่ให้เจ้าหน้าที่พายให้แล้ว
ขอพายเอง
ซึ่งก็ชนโน่นชนนี่ (แม้กระทั่งชนคน) ให้ฮากันท้องคัดท้องแข็ง
-
ล่องแก่งเสร็จเทีี่ยงๆ
เราต้องไปรับเพื่อนเราที่นั่งรถตามมาจากกรุงเทพอีกคน
วันนี้เรากะว่าจะเข้าไปนอนในตัวเมืองสตูล
หลังจากรับเพื่อนแล้ว เราโทรถามทางไปที่พัก
ขณะที่ขับรถมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองสตูล
ปรากฏว่า เส้นทางที่เค้าบอกให้เราไป มันมุ่งหน้าออกนอกเมืองสตูล
เฮ้ย เราเข้าใจมาตลอดเลยนะ ว่าเราจองที่พักในเมือง
เพราะที่อยู่ในเวบมันก็เป็น อ.เมือง
แต่เค้าบอกว่าในเมืองมันเป็นแค่ร้านอาหาร
ส่วนที่พักออกนอกตัวเมืองไปนิดนึง
เอาล่ะ เราเริ่มมองหน้ากัน ปรึกษา ว่าจะเอาไงกันดี
จะบอกเค้าว่าไม่เอาแล้ว เพราะไม่ได้โอนเงิน
หรือจะยังมุ่งหน้าไปต่อ
แต่...ถึงอะไรๆ มันจะวืด มันจะพลาด
แต่คนรับโทรศัพท์คุยกับเราเค้าคุยดีมาก
บอกเราว่าจะไม่มาก็ได้ แต่เค้าเตรียมอาหารไว้ให้เรานะ
เราวางหู ปรึกษากันอีกครั้ง ว่าจะไปไม่ไปดี
ลองโทรไปถามซิว่า มีกุ้งตัวโตไหม ปลาหมึกสดรึป่าว
เมื่อได้รับคำตอบที่เราพอใจ เราก็มุ่งหน้าไปทันที
55555
(ไม่ค่อยจะเห็นแก่กินเลยเรา)
เรามุ่งหน้าออกนอกเมืองสตูลไปไกลมาก อยู่นอกอำเภอเมืองทุ่งหว้าไปอีกไกล
แถมบางช่วงไม่มีบ้านคน มีแต่สวนยาง
เราเริ่มถามตัวเองว่าคิดถูกคิดผิดที่มา (วะ)
พระอาทิตย์ก็จะลับขอบฟ้า
แต่เราก็ยังเดินทางไม่ถึงซักที
พอเลี้ยวเข้าสู่ถนนเลียบหาด เรามองเห็นทิวสน เห็นชายหาด
เรารีบพุ่งรถเข้าไปจอด ทำเสียงฮือฮาจนแพะแถวนั้นตกใจ
กับพวกเราที่รีบลงจากรถมาถ่ายรูปแสงสุดท้ายของวัน
-
ถ่ายรูปเสร็จ ค่ำ
ขึ้นรถ ขับหาที่พักกันต่อ
เข้าบ้านก็ค่ำแล้ว
สั่งอาหารมาไว้แล้วแยกกันอาบน้ำอาบท่า
หน้าตาที่พักของเรา
-
หน้าตาอาหาร
ที่ขับรถมากินกันซะไกล
-
ยังมีอีก
-
เช้าอีกวัน
ตามธรรมเนียมของการออกทริป
เราก็ต้องไปถ่ายพระอาทิตย์ขึ้น
ขับรถออกจากรีสอร์ทหามุมแถวๆ นั้นแหละ
-
วนๆ เวียนๆ
-
ขออีกหน่อยๆ
:P
-
เสร็จเรียบร้อย
เรารีบกลับมาอาบน้ำ กินข้าว
เพราะตามโปรแกรมวันนี้มีว่า เราจะขับรถขึ้นไปนอนชุมพร
เพื่อที่วันสุดท้ายเราจะได้ไม่ต้องขับรถยาวๆ เข้ากรุง
แต่ปรากฏว่า โฮมสเตย์ที่เราจองไว้ที่เกาะพิทักษ์ชุมพร โทรมาแจ้งว่า
มีพายุเข้า ลูกค้ายกเลิกไปเยอะ เราไม่ต้องไปก็ได้ เพราะถึงไปก็ออกไปดูอะไรไม่ได้อยู่ดี ไว้โอกาสหน้า
เราหันหน้ามาปรึกษากันอีกทีว่าวันนี้เราจะเอายังไง
ตกลงกันว่า ยังไงเราก็ต้องมุ่งหน้าเข้าสู่ชุมพรอยู่ดี แต่ว่า คงไม่ข้ามไปเกาะพิทักษ์ หาที่นอนบนฝั่ง
แต่ระหว่างเดินทางไปชุมพร เราก็่จะแวะ แวะ แวะ ไปเรื่อยเปื่อย
เริ่มจากออกจากที่นี่เลย เราย้อนกลับเข้าตัวเมือง แวะเที่ยวหาดในเืมืองสตูล
พร้อมๆ กับกินข้าวเที่ยงซะที่นี่
-
ฟ้าโคตรจะใส
ในวันที่เราเดินทางกลับ
ฮ่วย!
-
อันนี้ป่ายางข้างทาง
สวยดี
จอดรถถ่ายรูป
55
-
อาหารเที่ยงในเมืองสตูล
-
กว่าจะถึงกระบี่
เย็น
ได้เวลาพระอาทิตย์ตกอีกรอบ
เอ้า...แวะ
-
แล้วเค้าทำอะไรกันเนี่ย
55
-
พระอาทิตย์ตกไปแล้ว
ได้เวลาอาหารเย็นในเมืองกระบี่อีกรอบ
(สามทุ่มแล้ว เรายังไม่ได้ออกจากเมืองกระบี่ไปไหน เอากับเค้าิส)
-
กว่าจะถึงชุมพรก็ดึุกแล้ว
เราหยุดที่อำเภอละแม
หาห้องพักนอน
กะว่าเช้าจะไปถ่ายพระิอาทิตย์ขึ้นชายหาด
ยามเช้าที่ละแม
-
เช้าๆ ที่ละแม
-
เรียบร้อยแล้วก็ตามมาด้วยอาหารเช้า
น่ากินฝุดๆ
-
ก่อนจะกลับเข้าห้องไปอาบน้ำ เก็บกระเป๋า ออกเดินทางเข้ากรุง
แต่เอ๊ะ
ต้องแวะสวนนายดำก่อนตามธรรมเนียม
(ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปที่นี่ ถ่ายมาแค่สองรูปนี้ พอเป็นธรรมเนียมว่าได้แวะ)
-
เนื่องจากเรามีคนชุมพรมาด้วย เราเลยแวะกินอาหารเที่ยงที่นี่
เพื่อนแนะนำก๋วยเตี๋ยวข้างทางซึ่งอร่อยมาก
กระดูกหมูตุ๋นนี่ตุ๋นจนกระดูอ่อนเปื่อยยุ่ย
-
จัดไปกันคนละ 2 ชาม
-
อิ่มหนำสำราญเราก็เริ่มออกเดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองกรุง
แต่...
เดี๋ยว ...
เรามีแวะอีก
ประจวบ ...
อย่าคิดว่าจะถึงง่ายๆ
บอกแล้วว่ามันเป็นทริปเรื่อยเปื่อยออกทะเล
อยากแวะ ...อ้าว แวะ
-
เสร็จจากประจวบก็เร็มบ่ายคล้อย
รถเริ่มเยอะ เพราะคนที่หยุดสงกรานต์เริ่มเดินทางกลับเข้าเมือง
ใกล้เข้าเมือง ใกล้ถึงบ้าน
เราเริ่มปรึกษากันว่า สงกรานต์ปีหน้าถ้าหยุดได้อีกเจ็ดแปดวันเราจะไปไหนกันดี
หวนคิดถึงปัญหาที่เราเจอเรื่องที่พักระหว่างเจ็ดแปดวันนี้
เรามีปัญหาเรื่องที่พักทุกวัน
ตั้งแต่วันแรก wetlandcamp ซึ่งเราจองล่วงหน้าและโอนเงินไปแล้ว
แต่ก่อนไปโทรไปถามเค้ากลับปล่อยห้องเราให้คนอื่น
แต่วิธีการแก้ปัญหา่ของเจ้าของบ้าน ดีกว่าเรือนเคียงตะวันเยอะ
อย่างน้อย เค้าก็รู้สึกผิด รู้สึกเสียใจที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น และพยายามจะแก้ไขมัน
เสนอห้องพักที่อื่นให้โดยไม่ต้องจ่ายตังค์ บอกเราว่าให้เราบอกมาเลยว่าจะให้เค้าทำยังไง เค้ายินดีรับผิดชอบทุกอย่าง
แต่สุดท้าย แขกที่ได้ห้องเราก็ไปเกิดมีธุระต้องออกก่อนกำหนด เราเลยได้ห้องมาคืน โดยไม่ต้องหงุดหงิดหัวใจกัน
ส่วนเรือนเคียงตะวัน เหตุการณ์เดียวกัน วิธีแก้ปัญหาของเค้ากลับกลายเป็นคนละเรื่อง
ได้เงินเราไปแล้วนี่ เลยไม่ต้องสนใจ ไม่ต้องรักษาน้ำใจกัน
บ้านลลิตา รีสอร์ท ที่สตูล
ที่อยู่ในเวบกับบ้านพักอยู่คนละที่
เล่นเอาเรางงไปหลายตลบ แต่ด้วยอัธยาศัย การพูดจา
เค้าก็ได้ใจเราไปหลายกระบุง
เรื่องที่เราหงุดหงิดตั้งแต่วันแรกๆ เรื่องที่ดูใหญ่โต
อย่างที่เรือนเคียงตะวัน ที่เรารู้สึกว่าเราโกรธมาก
แต่พอวันท้ายๆ เรากลับรู้สึกว่า มันก็นิดเดียว
มันก็อย่างนี้แหละ รสชาติการเดินทาง
แต่ก็รู้สึกว่าต้องพูด เพื่อที่ว่าคนอื่นๆ จะได้ระวังกันไว้ด้วย
มันก็ถือว่าเป็นทริปที่ดี สนุก อิ่มหนำสำราญ กินอย่างราชาในราคาประหวัด
ออกเดินทางตั้งแต่วันที่ 9 เมษา กลับ 16 เราเก็บเงินกองกลางไปคนละแค่ 6,500 ซึ่งเราถือว่าโอเคมาก
ปีหน้าฟ้าใหม่ หวังว่าจะได้มีโอกาสร่วมทริปกันอีกนะคะ
:D
-
เสร็จสิ้นภารกิจนะคะ
เฮ้อ คิดว่าจะไม่จบซะแล้ววววว
มาช้าดีกว่าไม่มาเนอะ
อิ อิ