Touronthai Forum สนทนาประสาเที่ยว
หมวดหมู่ทั่วไป => แชร์ประสบการณ์/โพสต์รูปประทับใจ => ข้อความที่เริ่มโดย: Tommy ที่ กรกฎาคม 20, 2010, 07:26:50 AM
-
:D สวัสดีเพื่อนบอร์ดทัวร์ออนไทย กระทู้นี้จะเขียนให้ได้ทุกวันถ้าเป็นไปได้เอาเรื่องราวในแต่ละจังหวัดที่ผมไปมาลงกระทู้ เพราะผมเดินทาง ทริปเดียว 2 สัปดาห์รวด เริ่มจากวันแรกเมื่อวานออกจากกรุงเทพฯ เกือบ 10 โมงเช้า มาลำปาง ประมาณ 5 โมงเย็น แวะเข้าวัดไหล่หินหลวง
(วัดเสลารัตนปัพพตาราม (วัดไหล่หินหลวงแก้วช้างยืน)) สำหรับจุดเด่นของวัดนี้อยู่ที่พระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีกธาตุ วิหารเก่าแก่ หน้าบรรณวิหารสลักลวดลายสวยงาม ซุ้มประตูโขงสลักรูปสัตว์ต่างๆ หน้าวิหาร สวยงามเหมือนซุ้มประตูโขงของวัดพระธาตุลำปางหลวง
สำหรับภาพเต็มๆ เข้าไปดูได้ที่ http://touronthai.com/gallery/placeview.php?place_id=13000012 นะครับ แต่กว่าจะลงได้คงช้าหน่อยเพราะเดินทางอยู่
-
จากนั้นกลับออกมาเดินทางเข้าเมืองลำปาง ผ่านวัดน้ำล้อมก็เลยลงเก็บภาพนิดหน่อย ถึงตัวเมืองหาข้าวกินริมน้ำวัง เจอร้านชื่อเก๋ๆ ร้านนึงเลยคิดว่าจะลองเข้าไปสั่งอาหารจานเดียวมากิน แต่เปลี่ยนใจลองเปลี่ยนมาชิมเมนูแนะนำของร้าน ปลาทอดสมุนไพร ดู หากว่าอร่อยและไม่แพงจะได้เอามาเป็นร้านทัวร์ออนคอนเฟิร์ม แนะนำต่อๆ กันไป รสชาดอร่อยมาก มีน้ำจิ้มให้ 3 แบบ น้ำจิ้มที่ถูกในที่สุดคือน้ำจิ้มมะขามครับ สีดำ แต่เข้ากับปลาทอดสมุนไพรมาก ร้านน้ำอยู่ริมน้ำด้วยวิวสวย ราคาไม่แพง ปลาทอดจานใหญ่มาก 129 บาทเอง ;D
ร้านเปิด 11.00-23.00 ปกติคนเยอะ แต่วันนี้ฝนตกหนักมากมีลูกค้าแค่ 2 โต๊ะเอง :-X
-
อิ่มหนำสำราญแล้วเข้าที่พักดีกว่า เปิดเว็บทัวร์ออนไทยดูรายชื่อที่พัก กับราคาประกอบการตัดสินใจ ที่หน้า http://touronthai.com/directory/providerslist.php?catid=4&filterprovince=lampang จากนั้นก็โทรไปที่ริเวอร์ไซด์เกสต์เฮาส์ ติดต่อจองโดยไม่คิดมากเพราะเจ้าหน้าที่บอกว่ามีห้องดิดแม่น้ำ เป็นห้องพัดลม ราคา 400 (ทีแรกคิดว่าจะเข้าพักไปก่อนเพราะเหนื่อยมากและก็ดึกแล้ว) แต่พอมาถึงปรากฎว่า เป็นที่พักที่น่าพักมาก ห้องพักตกแต่งสไตล์เก่าๆ ริมน้ำ เรียบง่าย สงบ เต็มไปด้วยชาวต่างชาติ ผู้ดูแลบ้านพักที่นี่พูดอังกฤษ เขียนอังกฤษ เก่งกว่าผมซะอีก ;D
ที่สำคัญ มี wi-fi ครับ แอร์การ์ดที่เอามาต่อเน็ตไม่ได้ โชคดีว่ามี wi-fi ของเกสต์เฮาส์มาถึงห้อง แรงดีด้วย (บางโรงแรมเสียตังค์เพิ่มนะเนี่ย) แจ่มๆๆ ที่พักแห่งนี้ทัวร์ออนคอนเฟิีร์มอีกแล้วครับท่าน :o
-
นอนห้องริมเลยได้พื้นที่มากเหมือนบ้านจัดสรรเลยครับ เดี๋ยงลงไปกินข้าวก่อน แล้วจะมาเล่าต่อครับ
;) :D ;D
-
สบายดี ลำปาง เช้าอีกวัน วันที่ 3 ในลำปางแล้วยังไม่ค่อยได้ไปไหน ขับวนๆ อยู่ในเมือง เห็นสถานที่ราชการสวย (เทศบาลนครลำปาง) กับท้องฟ้าใส สวย ใกล้ 5 แยกหอนาฬิกาลำปาง นั่งรอว่าเมื่อไหร่จะมีรถม้าผ่านมา รู้สึกว่าโชคไม่เข้าข้างเลยเอารถ 2 แถวลำปางไปแทนละกัน ส่วนรถม้าไปเจอตามท้องถนนซะงั้นอดได้ฉากสวยเลย ปัจจุบันนี้รถม้าไม่ค่อยมีคนนั่งครับ น่าเห็นใจ ใครมาลำปางก็นั่งซะหน่อยนะครับ รถม้าจะได้อยู่ไปนานๆ ;)
-
หลังจากเสร็จธุระในลำปาง ก็ออกเดินทางไปแม่สอด ทำงานๆๆๆ หลังจากนั้นก็แว่บไปหาอะไรกินแก้หิวเจอร้านโจ๊กแม่สอด คาดไม่ถีงเลยว่าจะมีโจ๊กขายตั้ง 5 โมงเย็นแล้วปกติโจ๊กจะขายกันช่วงเช้าไม่ใช่หรือ เลยลองชิมดูก็อร่อยดีครับแปลกที่ได้กินโจ๊กเวลานี้ พิเศษใส่ใข่ตั้ง 40 บาท แต่ไส้ไม่มีกลิ่น ข้าวนิ่มๆ กินง่าย หมี่กรอบกับโรยผักได้เองตามสบายจะได้ไม่ต้องคอยสั่งว่าใส่อะไรบ้าง
แล้วค่อยเดินไปรอบๆ หาสถานที่สวยๆ จนมาเจอวัดแม่ซอดน่าด่าน (วัดเงี้ยวหลวง) สวยตั้งแต่ซุ้มประตูเข้าไปเลย ในวัดมีเจดีย์ กับพระนอนองค์ใหญ่ เป็นสถานที่นัดพบของเด็กๆ ในหมู่บ้าน และนักตะกร้อ เตะกัน 2 สนามเเลย
-
เสร็จงานแล้วบึ่งกลับตัวเมืองตากหาที่พัก และอาหารเย็นสำหรับเรื่องอาหารไม่ต้องคิดมากเพราะเคยมาตากหลายครั้ง ริมแม่น้ำปิงเป็นดีที่สุด เลือกร้านไอยราวดี (ปีกไม้เคยมากินแล้ว อร่อยดี วิวริมปิงก็ดี วันนี้ลองไอยราวดีละกัน เพราะอยู่ติดกันเลย) อาหารที่สั่งเป็นยำกุ้ง กับต้มโคล้งปลากรอบ สำหรับอาหารของชาวตากมักจะรสเผ็ดอยู่นะครับระวังสั่ง 2 เมนูนี้แล้วจะกินไม่ไหวเพราะเผ็ดค่อนข้างมาก บรรยากาศในร้านปีกไม้ ส่วนใหญ่สร้างด้วยไม้ มาร้านไอยราวดี ดูเหมือนจะตกแต่งด้วยแสงสีค่อนข้างเยอะ รสอาหารพอๆ กัน ราคาพอๆ กันครับ
-
เอาละได้เวลาหาที่นอนกันแล้ว เมื่อครั้งที่มางานลอยกระทงสายเคยวนหาที่พักรอบนึงแล้ว มาอีกทีเลยรู้ทางดีขึ้นหน่อย เห็นป้ายโฆษณา แมกไม้โฮมสเตย์ ราคา 380 พร้อมอาหารเช้า เลยไม่ต้องลังเล (ชอบความประหยัด) แต่เห็นว่ามีอินเตอร์เน็ตให้ด้วย (อันนี้เน้น ;D)
พอเข้ามาปรากฎว่าห้องมันเต็มเหลือแต่แบบหลัง หลังนึง 450 บาท (เอาก็เอามันดึกแล้วนี่ เดี๋ยวค่อยไปประหยัดทางอื่นลง) ปรากฎว่ามี wi-fi จริง แต่สัญญาณลอยมาเป็นระยะๆ ต้องใจเย็น (แต่ไม่ไหวแล้วจะนอนแล้ว เอาแอร์การ์ดมาเสียบดีกว่า)
สำหรับแอร์เย็นดีไม่มีกลิ่นแปลกๆ ในห้อง สภาพโดยรวมนับว่าใช้ได้ ห่างจากตัวเมืองตาก 2 กิโลเมตรเอง พรุ่งนี้เช้าจะไปไหว้ศาลพระเจ้าตากสินมหาราชแล้วเดินทางต่อไปเชียงราย ไว้จะมาเล่าต่อครับ ;)
-
ตื่นเช้ากินข้าวที่ครัวแมกไม้เป็นร้านอาหารแต่อยู่ในส่วนของรีสอร์ท แบบไม่พักที่นี่ก็มาสั่งอาหารกินได้ด้วย บรรยากาศดี ล้อมรอบด้วยต้นไม้จำนวนมาก เสียงนกหลายชนิดดังอยู่ตลอดเวลา สำหรับอาหารเช้าของแขกที่พักที่นี่มีข้าวต้ม ไข่ดาว กาแฟ ไส้กรอก หลังจากนั้นก็เข้าเมืองตากดูขบวนแห่เทียนจำนำพรรษาของนักเรียน แล้วออกเดินทางไปเชียงราย ผ่านลำปางอีกแล้ววันนี้
-
มาถึงพะเยาแวะนิดหน่อย หาวิวสวยๆ ไม่ได้เลยเพราะท้องฟ้าครึ้มไปหมด มีฝนตกปรอยๆ ไม่ค่อยกล้าเอากล้องออกถ่ายรูปเท่าไหร่ มีศาลหลักเมืองพะเยา วัดราชคฤห์ กว๊านพะเยายามเมฆทะมึนเต็มท้องฟ้า
-
หลังจากเสร็จธุระที่พะเยาก็ออกเดินทางมาที่เชียงราย ที่ๆ กำลังนั่งเขียนกระทู้อยู่นี่แหละ ;D อากาศที่นี่ก็ไม่ต่างจาก ตาก ลำปาง พะเยา เท่าไหร่ ฟ้าครึ้ม ฝนตกปรอยๆ บ้าง หนักบ้าง เป็นช่วงๆ ตกๆ หยุดมาตลอดทาง มาถึงก็รีบทำงาน แล้วก็มาถ่ายรูปที่วงเวียนหอนาฬิกากาญจนาภิเษก เคยมาแล้วครั้งนึงเมื่อช่วงต้นปี แต่ตอนนี้สร้างเสาโคมไฟตั้งตรงเกาะกลางถนน สวยงาม
ตอนเย็นหาข้าวกินเจอร้านข้าวต้มพา อยู่ใกล้ๆ โรงแรมเรือนทิพย์ ไม่คิดว่าจะถ่ายรูปเพราะเป็นร้านเล็กๆ เงียบเหงาไม่ค่อยมีลูกค้า เมนูก็สั่งๆ ไปแบบง่ายๆ ข้าวต้ม ผักบุ้งไฟแดง ต้มโคล้งเอ็นไก่ ยำหมึกไข่เค็ม ปรากฎว่าอร่อยทุกอย่าง อร่อยจริงๆ ไม่รู้ว่าทำไมถึงมีลูกค้าน้อยจัง พอเช็คบิลยิ่งประหลาดใจเข้าไปใหญ่ ผักบุ้งไฟแดงจานละ 19 บาทเอง (สมเหตุสมผลมั้ยครับ ปกติเคยคิดว่าผักบุ้งกำละ 5 บาทผัดไม่ใส่อะไรทำไมขาย 30-40 บาท มาเจอจานละ 19 บาท งงไปเลย) อร่อยด้วยครับหาให้เจอนะครับ อยู่ถนนพหลโยธิน
หลังจากนั้นไปวัดร่องขุ่น หวังว่าจะได้ภาพตอนเปิดไฟสวยๆ ที่ไหนได้วันนี้มืดสนิท ไม่มีเปิดไฟสักดวงกลับมาถึงตัวเมืองเชียงรายตอน 2 ทุ่มตรงหอนาฬิกามีการเปิดไฟแสงสีหลายๆ สี สวยงาม แต่ตอนนั้นขับรถอยู่เลยอด มีคนที่ถ่ายทันเล่าให้ฟังว่าตรงกลางหอนาฬิกามีกลไกให้ดอกบัวค่อยๆ โผล่ขึ้นมาแล้วก็บานออกได้ด้วย สวยดี แต่เมื่อเรามาไม่ทันก็เอาเท่าที่เราทันแล้วกัน แค่นี้ก็สวยแล้วละ ไว้มีโอกาสต้องมารอจองพื้นที่
เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องไปวัดร่องขุ่นแต่เช้ามีเวลา 2 ชั่วโมง แล้วต้องไปแม่จัน แม่สาย เชียงแสน แล้วกลับมานอนที่เชียงใหม่ เฮ้อ สุดยอดแห่งทริปจริงๆ
-
เช้าแล้ว คิดว่าจะไปวัดร่องขุ่นตอนเช้าก่อนเริ่มงาน ที่ไหนได้ฝนตกครับผม ทำไรไม่ได้ :'( หาข้าวกินแล้วออกเดินทางต่อ โปรแกรมที่มีอยู่คือแม่จันกับเชียงแสน ที่แม่จันเห็นวัดหลายๆ วัดอยู่บนเขาข้างทาง เมฆหมอกปกคลุมตรงยอดเขาสวยมากไว้มีโอกาสจะมาอยู่ที่นี่หลายๆ วันจะได้ถ่ายรูปทั่วๆ อยากจอดรถถ่ายรูปแต่ฝนก็ตกตลอด ไม่สะดวกเลย พอเสร็จงานที่แม่จันเดินทางไปเชียงแสนถนนกำลังขยาย ดินแดงเต็มไปหมด ไปถึงเชียงแสนรถเปลี่ยนเป็นสีแดงไปครึ่งคัน ที่เชียงแสนมีขบวนแห่เทียนด้วยโชคดีจัง รีบๆ ถ่ายๆ เดี๋ยวต้องไปแม่สายต่อ
-
หลังจากนั้นเข้าไปไหว้พระในวัดเจดีย์หลวง มีเจดีย์องค์ใหญ่หลังวิหารตามแบบการสร้างวัดของชาวเหนือ ภายในประดิษฐานหลวงพ่อเชียงแสน สิงห์ ๑ และพระพุทธอุโมษ หลวงพ่อเชียงแสน สิงห์ ๑ เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ หลังจากนั้นก็ออกเดินทางไปแม่สาย ถึงแม่สายฝนก็ยังตกอยู่ตลอดไม่รู้ว่าจะถ่ายอะไรดี เลยเอาเกาะกลางถนนละกัน กับร้านกาแฟน่ารักๆ คัฟเฟริโน ที่ใช้เป็นที่ต่อ wi-fi มาเล่าเรื่องนี่แหละ
-
ภาพสวยดีค่ะ จะเข้ามาติดตามชมตลอดการเดินทางนะคะ ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะคะ อย่าลืมของฝากจ้า....อิอิ ;D ;D ;D
-
ภาพสวยจ้าาาาาา... ที่สำคัญอย่าลืมของฝาก....อิอิ ;D
-
8) อ่าน 2 ความเห็นข้างบนดูแล้วคิดว่าคงเน้นของฝากนะนี่นะ หุหุ :P ของฝากยังนึกไม่ออกเลยจังหวัดที่น่าจะเป็นจังหวัดท้ายๆก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ คงจะเป็นมุกดาหาร เอาไรดีละ ::)
เล่าต่อดีกว่า...จากแม่สายมาถึงเชียงใหม่ ตอนทุ่มครึ่ง มืดมากไม่รู้ว่าจะถ่ายรูปอะไรมาเล่าเห็นนักท่องเที่ยวเต็มไปหมดโรงแรมก็เต็มเกือบหมด เลยมานอนอพาร์ทเมนต์ที่ใช้บริการเป็นประจำชื่อเอ็มเพรส อยู่ในซอยตลาดสันติธรรม (หลังแกรนด์วิว) สำหรับนักเดินทางเน้นความประหยัดมาพักได้นะครับ 350 เองอิอิ ก็เรามาทำงานนี่นานอนอะไรดีนักหนา..
ระหว่างทางไปวัดร่องขุ่นมา มีการก่อสร้าง ต่อเติม ตกแต่ง ปรับปรุง ส่วนหลังคา ทำให้มีโครงเหล็กเต็มไปหมด รู้สึกว่าคนที่มาเที่ยวก็ลดจำนวนลง (อาจจะเป็นผลมาจากโครงเหล็กนี้ก็ได้) เลยต้องถ่ายรูปแบบเจาะๆ เป็นส่วนๆ มา
-
อีกภาพนึงก่อนนอน หลายๆ คนอาจจะไม่เคยเห็น ป้ายวัดร่องขุ่นหน้าโบสถ์ วัดร่องขุ่นจะปิดโบสถ์ตอน 5 โมงเย็นเหมือนเดิมนะครับ (เผื่อใครไม่เคยไปควรรู้ข้อมูลนี้เดี๋ยวไปช้าหลัง 5 โมงจะไม่เปิดนะครับ) สำหรับไฟส่องสวยๆ ตอนกลางคืนก็คงจะไม่เปิดเนื่องจากมีโครงเหล็กในงานก่อสร้างนี้ก็เป็นได้
-
วัดร่องขุ่น ขาวไปหมดเลยเนอะ ขนาดว่าปลาในน้ำยังขาวจั๊วเลย สุดยอด...
-
ว่างเว้นจากการเล่าเรื่องขาดตอนไปวันนึง เอาวันนี้รวบยอดเลยละกัน ออกเดินทางจากเชียงใหม่ เริ่มนับระยะจากวัดเจ็ดยอด (เยื้องโรงแรมเชียงใหม่แกรนด์วิว) มาที่พักในเมืองอุดรธานี เครื่องนำทางแจ้งว่าระยะทางทั้งหมด 699.9 กม. เลขไมล์รถตอนออกเดินทาง 180099 แหมเลขดีจัง ก่อนออกเดินทางแวะไหว้พระที่วัดเจ็ดยอดก่อน ทำให้รู้ที่มาว่าทำไมชื่อเจ็ดยอด เพราะมีเจดีย์เจ็ดยอดเป็นเอกลักษณ์ นอกจากนี้ยังมีเจดีย์อื่นๆ ที่มีอายุเก่าแก่มากหลายแห่ง เหมือนอุทยานประวัติศาสตร์ หรือวัดเก่าๆ ในอยุธยา
จากนั้นก็ขับตามเส้นทางผ่านลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ เข้าขอนแก่นทางอำเภอชุมแพ แล้วเข้าหนองบัวลำภู อุดรธานี (หากค้นหาเส้นทางในกูเกิล จะไม่เข้าเพชรบูรณ์ แต่เข้าเลยแทน เหตุผลที่ไม่ใช้เส้นทางเข้าจังหวัดเลยเพราะยังไม่คุ้น)
-
หลังจากขับรถมานานแสนนาน ในที่สุดก็มาถึงระยะที่พอเหมาะในการหาที่พักทั้งคนทั้งรถ เพราะเส้นทางที่ใช้วันนี้เป็นเขามีโค้งซับซ้อนมากมาย แถมมีการก่อสร้างขยายทางเบี่ยงไปเบี่ยงมา ทั้งเครียดทั้งเหนื่อยเลยมองหาที่เหมาะๆ จนมาถึงวัดแห่งหนึ่งด้านขวามือสะดุดตามากเลย แต่น่าเสียดายที่ฟ้าครึ่มมากๆ มีฝนปรอยๆ ด้วย เลยได้ภาพไม่สวยเท่าไหร่แต่ก็ดีกว่าไม่ได้อะไร ชื่อวัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรี จังหวัดแพร่ โบสถ์กับพระบรมธาตุ ๓๐ ทัศ สวยงามมาก แต่วันนี้ยังไม่สามารถถ่ายทอดความสวยงามทั้งหมดออกมาได้ เพราะแสงไม่อำนวยด้วย ฝนตกด้วย เลยเดินเก็บภาพรอบๆ แล้วเดินทางต่อ
-
วัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรียังมีการก่อสร้างพระวิหารอีกหลายแห่ง ที่เชื่อได้เลยว่าในอนาคตเมื่อสร้างเสร็จแล้วจะเป็นวัดที่สวยงามมากวัดหนึ่ง สำหรับท่านใดสนใจทำบุญร่วมสร้างก็เดินทางไปได้ตามทางหลวงหมายเลข 11 ครับ อยู่ติดถนนเลยพระนอนองค์ใหญ่มาก สะดุดตาผู้สัญจรไปมาแน่นอนครับ
-
เลยจากวัดออกมาหน่อยมีปั๊มน้ำมันบางจากซ้ายมือ มีของฝากเป็นดอกไม้ประดิษฐ์ ทำได้สวยงามมากเลย มีอาหารเป็นข้าวราดแกงขายรสชาดกลางๆ ดี ไม่เผ็ดมาก มีตู้กระจกดูสะอาดดีวันนี้ฝากท้องที่นี่แล้วกัน เข้าช่วงพรหมพิราม อุตรดิตถ์ ถึงได้เจอท้องฟ้าสดใสที่ไม่ได้เห็นมาหลายวัน ช่างสวยงามอย่างนี้นี่เอง
-
จากนั้นก็ขับยาวลงจากเขาช่วงแพร่-อุตรดิตถ์ มาไม่นานก็ข้ามเขา พิษณุโลก-เพชรบูรณ์ อีกแต่อาศัยว่ามาบ่อยมากเลยไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่ เส้นทางช่วงนี้ยังไม่มีการก่อสร้างซ่อมถนนขับเรื่อยๆ ก่อนขึ้นเขาทางยาวๆ เห็นชาวนาเอาจักรยานสีแดงมาจอด (มาใส่ปุ๋ยแต่ชาวนาเดินไปไกลมากแล้ว) เลยเก็บมาอีกภาพ
ผ่านดอยแม้วสิบเป็นจุดวิวสวย กม. 325 จากนั้นมามีร้านกาแฟสดเปิดใหม่ เช่น Route 12 และ ค้ออินเลิฟ (Kho in love) เหมือนปายเลย แต่ไม่แวะเพราะคิดว่ายังไงก็ผ่าน Coffee hill อยู่แล้ววิวสวยเหมือนกันมองเห็นผาซ่อนแก้วด้วย ที่ไหนได้พอมาถึง Coffee hill มันปิดไปแล้วเปลี่ยนเป็นมุมสร้างสรรค์ (หน่วยงานราชการ ไม่จำหน่ายกาแฟสดเหมือนเมื่อก่อน แต่มีห้องน้ำให้ใช้) แทน อดกินกาแฟแต่ก็แวะเอารูปมาบอกกล่าวกัน การปิดร้านไปของร้านทำให้ทัวร์ออนไทยก็ต้องเข้าไปเปลี่ยนข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวเพชรบูรณ์ไปด้วยจะได้ทันต่อเหตุการณ์ ทีนี้ก็ต้องไปหากาแฟที่หล่มสักกินละสิ :'(
-
ถึงหล่มสักฟ้าชักจะมืดแล้วละมีเมฆมากด้วยทำให้มืดเร็วผิดปกติ เติมน้ำมัน 500 (กะเอาแค่ถึงชุมแพก็พอ) แล้วข้ามเขาอีกลูก อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ก็มืดสนิทถึงชุมแพก็ต้องเลือกแล้วว่าจะเข้าขอนแก่นแล้วไปอุดร หรือจะเข้าหนองบัวลำภูผ่านศรีชมพูดี เนื่องจากเส้นทางที่ 2 ยังไม่เคยใช้ก็เลยลองดูหน่อย ในที่สุดก็ถึงอุดรธานี เวลา 4 ทุ่มหาที่พักราคาประหยัดมาได้ที่ เดอะปาแปง (เอา wi-fi เป็นหลักอีกแล้วครับท่าน) เข้านอน เลยไม่ได้อัพเดตทริปเลย
เช้าวันใหม่ในอุดรธานี สิ่งแรกที่ทำคือหาที่ล้างรถเพราะสภาพแดงทั้งคันมาตั้งแต่เชียงแสน มีเด็กนักเรียนในขบวนแห่เทียนจำนำพรรษามาเขียนรถเล่นลวดลายเต็มไปหมดหลังจากนั้นก็ไปภูฝอยลม (เคยได้ยินแต่ชื่อขอได้เห็นสักครั้งเถอะ)
บนภูฝอยลมหาจุดชมวิวสวยๆ ได้ยากแต่มีสวนป่าไม้เบญจพรรณ กับสวนดวกกระเจียวขนาดใหญ่ มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ระยะทาง 2 กม. (ชันนะครับ ทางเดินนี้ชื่อว่า เส้นทางผาเหยียบโลก เป็นไงครับชื่อก็ขนาดนี้แล้วไว้มีโอกาสจะจัดทริปพาสมาชิกมาลองเดินดู (ชาวบ้านที่นี่บอกว่าไม่ลำบากมากมาย) นอกจากนี้ยังมีวัดถ้ำสหาย และถ้ำที่น่าสนใจด้วย
-
จากตัวเมืองอุดรธานีไปยังภูฝอยลม ระยะทางประมาณ 44 กิโลเมตร ไปทางอำเภอหนองแสง ระหว่างทางผ่านวัดภูทองเทพนิมิต มีพระพุทธชัยมงคล (หลวงพ่อทันใจ) พระพุทธรูปประทับนั่งปางมารวิชัย ขนาดใหญ่มากบนฐานที่มีแบบการก่อสร้างพอมองออกว่าจะทำเป็นอาคาร มีบันไดขึ้นลง 2 ด้านคือด้านหน้าและด้านหลังขององค์พระ บนเขาไม่สูงมาก เส้นทางขึ้นเขาเป็นคอนกรีตระยะทาง 800 เมตร จากถนนหลัก
การก่อสร้างยังขาดปัจจัยอยู่มาก สำหรับท่านใดที่สนใจก็เดินทางมาร่วมทำบุญกันได้นะครับ การได้ร่วมสร้างพระพุทธรูปถือเป็นสิ่งดีครับ ย้อนกลับมาเรื่องรูป เนื่องจากท้องฟ้าครึ้มสนิท ก็ต้องไปตามสภาพครับ ตั้งแต่อยู่บนภูฝอยลมก็มีฝนตกมาตลอด หนักบ้างเบาบ้างนึกว่าจะไม่ได้ภาพอะำไรกลับมาด้วยซ้ำนะนี่ วันนี้ก็เข้านอนที่เดอะปาแปงเหมือนเดิมต่ออีกคืนนึง (เน็ตเร็วดี เร็วกว่าแอร์การ์ดเป็นใช้ได้) พรุ่งนี้ไปอุบลราชธานีแต่คงไม่ทันงานแห่เทียนแน่เลยเพราะตามแผนคงถึงเย็นมาก ไม่รู้ว่าจะเสร็จงานทันอะเปล่า ถ้าทันก็ดีไป
เสร็จสิ้นการรายงานสถานการณ์ใน 2 วันที่ผ่านมา ไว้พบกันใหม่ โปรดติดตามตอนต่อไปครับ
-
ภาพสวยมากมาย โดยเฉพาะวัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรี ที่จังหวัดแพร่ สวยงาม วิจิตร มากค่ะ อิสานชุ่มฉ่ำนะคะ
-
ออกจากอุดรธานี เกือบ 10 โมงเช้า ต้องไปอุบลราชธานี ดูจากระยะทางเพียง 458 กม ถึงที่หมาย ตั้งใจไปทันงานแห่เทียนนิดหน่อยก็ยังดีเดินทางมาขอนแก่นลอดอุโมงค์ ก่อนถึงเซนทรัลขอนแก่น แล้วไปมหาสารคาม กาฬสินธุ์ ถึงกาฬสินธุ์มีงานด่วนแทรกเข้ามา ฝนก็ตกหนักมาก ขับเรื่อยๆ ช้าๆ กว่าจะเข้าเขตสกลนคร มีบางช่วงฝนตกน้อยหน่อย เห็นชาวนาดำนาอยู่ฉากสวยดีเลยลงไปเก็บภาพ ชาวนาเห็นเข้าเลยยิ้มกันใหญ่มีฟ้อนโชว์ด้วย นี่แหละเมืองไทยเมืองยิ้ม ;D
ถึงมุกดาหารเข้าไปซื้อของคนไม่เยอะแต่ก็ไม่น้อยจนเกินไป เห็นเดินกันทั่วในตลาดอินโดจีน บ้างก็ถ่ายรูปตามจุดต่างๆ
-
หลังจากเสร็จการช้อปปิ้งที่ตลาดอินโดจีนก็ออกเดินทางกันต่อไปนครพนม (คิดว่าไหนๆ ก็ไม่ทันแห่เทียนอุบลราชธานีแล้วไปทำงานต่อเลยดีกว่า) มาไหว้พระธาตุเรณูนคร ตอนเย็นๆ มีการเวียนเทียนด้วยแต่มีฝนตก แล้วก็ยังต้องทำงานในเมืองนครพนมเลยไหว้พระธาตุแล้วเดินทางต่อไม่ได้ร่วมพิธีเวียนเทียนใหญ่กับเค้าเลย เข้าไหว้พระหลวงพ่อองค์แสนในวิหารข้างพระธาตุ
ทิ้งท้ายไว้ที่ภาพสุดท้าย มีคนเคยถามว่าผมเคยถ่ายรูปฟ้าแลบหรือเปล่า เลยบอกว่าเคยถ่ายได้ครั้งนึงแต่ไม่สวย เพราะฟ้าแลบเมืองไทยแบบเป็นสายยาวๆ มันไม่ค่อยมี แต่แลบเป็นบริเวณกว้างๆ อย่างภาพหลังพระธาตุเรณูนครจะเกิดบ่อยกว่า
ถึงตัวเมืองนครพนม เข้าพักในโรงแรมราคาประหยัด หรือที่เรียกกันว่า Budget Hotel นั่นเอง ชื่อแกรนด์ ครับ อยู่กลางเมืองหาง่าย ราคา 350 แอร์ ทีวี น้ำอุ่น ไม่มีตู้เย็น ไม่มีปล๊กให้เสียบ เลยถอดปลั๊กทีวีออกต่อเน็ตไม่มี wi-fi เอาแอร์การ์ดเสียบ พอเช็คเอาท์จะขอใบเสร็จพนักงานบอกให้รอเจ้าของกินข้าวเสร็จก่อนจึงจะมาออกใบเสร็จให้ได้ โอ้ ชีวิต เผ่นดีกว่าไม่เอาก็ได้ใบเสร็จ.. มีงานต้องทำอีกมากอะ
-
เช้าวันใหม่มาเก็บภาพริมโขงที่โรงแรมวิวโขง ภาพสวยเชียว เป็นโรงแรมที่น่าพักมากห้องด้านหนึ่งที่หันไปทางแม่น้ำมองเห็นวิวได้ยาวมากพระอาทิตย์ขึ้นคงสวยมากแต่ไม่ใช่วันนี้ เพราะเมฆมากไม่เห็นพระอาทิตย์เลย ราคาห้องพักเฉียด 1000 บาท เฟอร์นิเจอร์เก่าตามอายุ แต่อย่างอื่นโอเคหมด ห้องสะอาด ใช้ได้ครับ ;)
ออกจากนครพนมมุ่งหน้าอุบลฯ ผ่านพระธาตุพนมก็แวะไหว้พระธาตุเพื่อความเป็นสิริมงคล วันนี้ยังมีคนมาเวียนเทียนกันเยอะไม่ขาดสายมีช่างภาพรับจ้างถ่ายรูปให้นักท่องเที่ยวเพราะขนาดของพระธาตุกล้องคอมแพคคงยากที่จะเก็บภาพได้เต็มๆ
หลังจากนั้นอีกประมาณชั่วโมงกว่ามาถึงแล้วอุบลราชธานี หลังจากการเดินทางหลายวันผ่านไปในที่สุดก็ถึงอุบลฯ วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะได้เห็นงานแกะสลักเทียนที่สวยงามยิ่งใหญ่ของชาวอุบลฯ หลังจากที่ได้ผ่านพิธีแห่เทียนผ่านไปแล้ว เทียนทั้งหมดจะยังคงแสดงอยู่รอบๆ เทศบาลเมืองอุบลราชธานี ส่วนบริเวณรอบๆ ศาลากลางจังหวัดมีเทศกาลอาหารอินโดจีน ทำให้วันนี้มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก หาที่จอดรถยากมาก แต่โชคดีที่มีคันนึงออกพอดี ได้ที่จอดก็รีบคว้ากล้องเดินรอบงานชมขบวนเทียนที่ยิ่งใหญ่ให้เต็มที่ :o
-
ในขบวนแห่เทียนมีหลายคันหลายแบบ และสวยๆ ทั้งนั้นเลย แต่เนื่องจากจอดโชว์กลางแจ้งตั้งแต่เช้า (เช้าวันนี้ก็แห่นะครับไม่ใช่แห่วันเดียว) เทียนบนรถก็เริ่มละลายด้วยความร้อน ถ่ายไปถ่ายมาแบตหมดก็เลยลงรูปในเรื่องเล่าเอาแบบย่อๆ หน่อยละกันเดี๋ยวยังต้องเล่าอีกยาวเพราะเวลาของทริปนี้ยังไม่หมด วันนี้ไปทำงานที่อำเภอเดชอุดม หลังจากนั้นก็ออกเดินทางหวังว่าจะไปนอนที่ปากช่อง 400 กว่ากิโลเมตร แต่ขับมาถึงทางแยกไปอำเภอปักธงชัยก็เกือบเที่ยงคืนแล้วขอแว่บนอนเมืองโคราชละกัน
คืนนี้ใช้โรงแรมราคาประหยัดเหมือนเดิม 250 ห้องพัดลม (ฝนตกอากาศดีไม่ต้องพึ่งแอร์) โรงแรมโตเกียว มี wi-fi เร็วใช้ได้เลย เขียนเรื่องเล่าเสร็จก็จะนอนแล้ว พรุ่งนี้ไป ราชบุรี ครับผม 8)
-
ถึงราชบุรีเมื่อวานนี้ ไม่มีอะไรมากทำงานสั้นๆ 20 นาทีกลับ (ถึงซะเย็นเลย) ขากลับแวะกินไอศกรีมที่ร้านไอซ์เบิร์ก นครปฐม(แถวๆ สรรพากร) เล่าให้ฟังก่อนว่าไม่รู้จักมาก่อน (เสียชื่อขาเที่ยวมั้ยเนี่ย) พอเข้าไปเห็นป้ายข้อมูลต่างๆ เรื่องราวของร้านไอศกรีมโฮมเมด ชื่อดังมากร้านนี้ เคยลงเว็บเมเนเจอร์ออนไลน์ เมื่อปี 2550 ออกรายการทีวีหลายรายการเมื่อปี 2552 แถมยังได้ลงเว็บทัวร์ออนไทยดอทคอมในปี 2553 อีกต่างหาก(อิอิ แจม) จำนวนลูกค้าเยอะมากจนต้องมีบัตรคิว แสดงเลขคิวด้วยไฟอักษรสีแดง (ทันสมัย) หากถึงคิวแล้วเจ้าของไม่อยู่จะผ่านไปลำดับต่อไป แต่ตอนขานลำดับคิวเค้าขานเร็วมาก หลายคนที่นั่งอยู่ถึงคิวตัวเองต้องรีบยกมือยืนขึ้นแล้วไปรอที่เคาน์เตอร์ เพื่อรับไอศกรีมเองค่อนข้างตื่นเต้นกลัวว่าจะผ่านตัวเองไป (ร้านนี้บริการตัวเองเต็มขั้น น้ำก็หาเอง) ไอศกรีมโฮมเมดไอซ์เบิร์ก ส่วนมากเป็นเชอร์เบทผลไม้ มีเนื้อผลไม้อยู่ในเนื้อไอศกรีม เวลาตักจะรู้สึกเหนียวๆ ผลไม้ที่ใช้เป็นผลไม้ในฤดูเท่านั้นเวลาจะเขียนใบสั่งไอศกรีมต้องดูด้วยว่าเดือนนี้มีอะไรบ้าง คำแรกที่ตักใส่ปากรู้สึกเหมือนได้กินผลไม้นั้นจริงๆ เลยแต่เย็นกว่าเท่านั้น คงเป็นเพราะส่วนผสมที่มาจากผลไม้จริงๆ หลายเปอร์เซนต์ สนนราคาลูกละ 12 บาท 5 ลูก 5 รส 50 บาท หรือสั่งเป็นกิโลกรัมก็ได้ หากสั่งกลับบ้านโดยเอาภาชนะมาเองจะแถม 1 ลูก (ลดโลกร้อน)
อิ่มอร่อยกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ เป็นอันว่าจบทริปก่อนกำหนด จาก 14 วัน เหลือ 10 วันพอดี จบทริปโดยสวัสดิภาพ พรุ่งนี้มีไปภูเก็ตละ อย่าลืมเข้ามาติดตามเรื่องราวการเดินทางของผมได้ใหม่ครับ
-
ขอคาราวะ