Touronthai Forum สนทนาประสาเที่ยว
หมวดหมู่ทั่วไป => แชร์ประสบการณ์/โพสต์รูปประทับใจ => ข้อความที่เริ่มโดย: Tommy ที่ ตุลาคม 11, 2010, 12:49:20 AM
-
ผมยังไม่เริ่มเล่าเรื่องหรอกครับ เพิ่งมาถึงไม่นานขอนอนก่อนนะ แต่จะฝากรูปนี้ไว้ 3 รูปเพราะคนถามกันมาเยอะ ว่าถ้ำฝาโถมีอะไรบ้าง ก็ดูกันเลยละกันครับ
-
ยังไม่มีใครฟื้นกันเหรอ มาเขียนผลงานบ้างเน้อ อิอิ ;D
สำหรับภาพและข้อมูลตลาดน้ำท่าคาได้ประมวลลงเว็บเสร็จไปแล้ว ท่านใดจะเสริมส่วนไหนก็ส่งภาพที่อยากให้ลงเว็บมาได้นะครับ ตลาดน้ำท่าคาคลิกที่ http://touronthai.com/gallery/placeview.php?place_id=33000009
-
ฟื้นแล้วครับพี่ทอม เปิดเว็ปมาเห็นรูปก็ตกใจเลย ว่าทำไมลงรูปเร็วจัง
เริ่มเรื่องเลยแล้วกัน ก็หลังจากที่ลังเลอยู่นานครับทริปนี้กว่าจะบังเกิดผลสำเร็จขึ้นได้
หลังจากรวบร่วมสมาชิกกันตั้งแต่เช้าตรู่ จนครบก็ออกเดินทางกันเลย จุดหมายแรกของการเดินทางทริปนี้ตลาดน้ำท่าคา จ.สมุทรสงคราม บริเวณที่ติดตลาดมีทางเดินปูนริมน้ำ และสะพานข้ามคลอง ทำให้ นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมตลาดน้ำได้อย่างทั่วถึง สินค้ายอดนิยม ของตลาดน้ำท่าคาจะเป็นสินค้าที่ผลิต มาจาก มะพร้าว ได้แก่
น้ำมะพร้าวสด, น้ำตาลสด, น้ำตาลมะพร้าว หรือน้ำตาลปี๊บ (ใครมีรูปของดีในตลาดก็เอามาลงด้วยนะครับ ส่วนกล้องผมไม่มีครับ 555 ที่กล่าวๆ มา
-
ชมภาพกันต่อ
-
หลังจากที่เดินชมตลาดน้ำท่าคาได้สักพัก อิ่มท้อง อิ่มใจกับตลาดกันแล้ว เราก็ออกเดินทางกันต่อไปยังจุดหมายต่อไป ณ ถ้ำเขางู
ก่อนเดินทางไปยังถ้าเขางูก็แวะถ่ายวิวข้างทางกันสักนิด วัดวังมะนาว แล้วเราก็ออกเดินทางไปยัง
ถ้ำเขางูกันต่อ
เขางู ปัจจุบันทางจังหวัดราชบุรีได้จัดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ชื่อว่า อุทยานหินเขางู (ใครรู้ประวัติก็เพิ่มเติมได้นะครับ)
ประจวบเหมาะ ในวันที่เราเดินทางเข้าไปเยี่ยมชมทางวัดเขางุ สโมสรโรตารีราชบุรีได้จัดให้มีงานเขางูในวันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ เป็นประจำทุกปี
-
ชมภาพกันต่อ
เทือกเขางู เป็นที่ตั้งปูชนีย์สถานศักดิ์สิทธิ์ที่เก่าแก่ที่สุดของจังหวัดราชบุรี
เสียดายครับอุสาห์ขึ้นไปถึงจุดชมวิว แต่ไม่ได้ถ่ายรูปพระพุทธบาท (ใครมีเอามาลงด้วยนะครับ)
-
ภาพของ Puripatt ทริปนี้ สวยเด็ดขาดจริงๆ
ขอแทรกหน่อย สำหรับภาพวัดวังมะนาว เมื่อหลายปีก่อนตั้งแต่พาแม่ไปเที่ยวคลิกที่นี่เลยครับ
http://touronthai.com/gallery/placeview.php?place_id=29003001
(แต่ตอนนั้นการถ่ายรูปยังไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่นะ ;D)
-
เริ่มไว้ก่อนเดี่ยวมาต่อถ้ำเขาบิน
-
หนูป่าวทะลึ่งนะ
-
ภาพของ Puripatt ทริปนี้ สวยเด็ดขาดจริงๆ
ขอแทรกหน่อย สำหรับภาพวัดวังมะนาว เมื่อหลายปีก่อนตั้งแต่พาแม่ไปเที่ยวคลิกที่นี่เลยครับ
http://touronthai.com/gallery/placeview.php?place_id=29003001
(แต่ตอนนั้นการถ่ายรูปยังไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่นะ ;D)
ขอบคุณครับพี่ สำหรับคำชม
-
ขอเสริมหน่อย ที่วัดถ้ำฤๅษีเขางู มีถ้ำ 2 แห่ง แห่งแรกคือถ้ำฤๅษีเขางูซึ่งมีพระพุทธฉาย สำหรับข้อมูลอย่างละเอียดอยู่ในกล้องคุณใจ สำหรับถ้ำนี้เดินไม่นานก็ถึง ง่ายๆ สบายๆ
อีกแห่งหนึ่งคือถ้ำฝาโถ อยู่ห่างจากถ้ำฤๅษีเขางู ประมาณ 300 เมตร มีทางเดินขึ้นเป็นบันไดยาวต่อเนื่องสูงพอสมควร แต่ไม่รู้จะเปรียบเทียบกับที่ไหนดี น่าจะประมาณ ภูทอกชั้น 4
ถัดไปจะมีรอยพระพุทธบาทจำลองอยู่บนยอดเขาเทือกเขางู ความสูงของขั้นบันไดประมาณ 2 เท่าของถ้ำฝาโถ เพราะผมเดินขึ้นครบทั้ง 3 แห่ง เลยหมดแรงอยู่แถวๆ ศาลาที่พักกลางทางทางขึ้นรอยพระพุทธบาท อันนี้คอนเฟิร์มว่าหมดแรงจริงๆ ครับ บันไดล้วนๆ ยาวมาก แล้วขึ้น 3 ที่ต่อเนื่องกัน มันเหนื่อยสุดๆ จริงๆ
-
หนูป่าวทะลึ่งนะ
ไอเดียและมุมมองดีนะเจี๊ยบ
-
มาต่อกันเลยครับ
ขอยืมข้อมูลหน้าเว็ปแล้วกันนะ สำหรับ ถ้ำเขาบิน
ตั้งอยู่ที่ตำบลหินกอง ในเทือกเขาบิน มีเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่เศษอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ มีความลึกจากปากถ้ำถึงบริเวณลึกสุดประมาณ 300 เมตร แบ่งออกเป็นคูหาตามลักษณะหินงอกหินย้อยวิจิตรตระการตา ภายในถ้ำแบ่งออกเป็น 8 คูหา คือ ศิวสถาน โถงอาคันตุกะ ธารอโนดาต สกุณชาติคูหา เทวสภาสโมสร กินนรทัศนา พฤกษาหิมพานต์ และอุทยานทวยเทพ ภายในถ้ำมีการจัดระเบียบทางเดินอย่างดีและจัดแสงไฟตามกลุ่มหินย้อยต่าง ๆ เพื่อเสริมจินตนาการให้แก่ผู้มาเที่ยวชม จัดเป็นถ้ำแรกที่มีการจัดแสงสีภายในถ้ำเป็นแห่งแรกในประเทศไทย ชื่อ ถ้ำเขาบิน เชื่อว่ามาจากหินงอกหินย้อยรูปพญาอินทรีย์กางปีกดูสง่างาม และภายในถ้ำยังมีบ่อน้ำแร่เล็ก ๆ ที่ชาวบ้านเชื่อว่า เป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์
แต่น่าเสียดายอีกเช่นกัน เก็บภาพไม่ครบทุกคูหา เนื่องจากอาการเสียน้ำในร่างกายไปมาก และไม่มีอากาศหายใจ (พูดง่ายๆ เหนื่อย 555)
-
บริเวณ ห้องที่ 2
-
ห้อง 2 และ 3
-
ห้อง 4 และ 5
-
ส่วนห้องที่ 6-8 ไม่ค่อยได้ถ่ายแล้วครับ เหนื่อยเลยเดินออก แล้วครับได้มาบ้างเล็กน้อย
(ใครได้มาครบทุกห้อง หรือได้ห้องที่ไม่มีภาพก็ช่วยมาเติมให้ครบๆได้นะครับ)
-
หลังจากที่สามชิกทุกท่านออกมาจากถ้ำเขาบินเรียบร้อยแล้วเราก็มุ่งหน้าเดินทางไปสู่ เขากระโจมเพื่อชมพระอาทิตย์ตกดิน บนเขากระโจมกัน
และเมื่อเราเดินทางไปถึงบริเวณทางขึ้นเขากระโจม เราก็จัดการเปลี่ยนจากรถตู้มาเป็น ขับเคลื่อน 4 ล้อ ของพี่บุญส่ง แห่งกลุ่มรักเขากระโจม และแล้วความมันก็กำลังจะเกิดขึ้นกับเส้นทางที่ลำบากพอตัว (ใครมีรูปเส้นทางก็เอามาลงได้นะครับ กล้องผมไม่ได้ถ่ายภาพระหว่างทาง)
การขึ้นเขากระโจม ต้องนั่งรถขับเคลื่อน 4 ล้อขึ้น ก็เนื่องจากว่าเส้นทางขึ้นเขากระโจมนั้นสูงชันและสมบุกสมบันเอาเรื่อง แต่ทิวทัศน์สวยงามมาก โดยเฉพาะช่วงที่เป็นถนนลูกรังนี่ เดี๋ยวขึ้น เดี๋ยวลง แถมบางช่วงยังต้องลุยน้ำที่สูงถึงครึ่งคันรถ ก่อนจะไปลุ้นกันกับเนินสูงยาวที่พลขับของเรานั้นกว่าจะผ่านพ้นเนินแห่งนี้ไป ได้ก็เหนื่อยพอตัว
แต่ไฉนได้ เมื่อเราขึ้นไปถึงยอดเขากระโจมกับเจอทะเลหมอก บนเขากระโจม อยากรวดเร็วมาก ไม่ทันหยิบกล้องออกมาถ่ายกันเลยทีเดียว
ตกค่ำอาหารมื้อเย็น และข้าวที่ได้จากกระบอกไม้ไผ่ (ของพราน จำชื่อไม่ได้ใครจำได้ช่วยบอกหน่อย)
แสนจะอร่อย (กินไปนิดหน่อย พอรู้รสชาติ)
เล่าที่มาที่ไปของเขากระโจม หรือที่ตั้งของหน่วย ตชด. 137 สักนิด
เขากระโจม ตั้งอยู่ชายแดนไทย – พม่า ด้านอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี มีเทือกเขาตระนาวศรี กั้นพรมแดนระหว่างทั้งสองประเทศ ในอดีต พื้นที่นี้มีความเสี่ยง เนื่องจากมีชนกลุ่มน้อยหลายกลุ่ม ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยว สามารถท่องเที่ยวได้ อุณหภูมิหนาวเย็นทั้งปี
เขากระโจม ในแนวสุดเขตประเทศไทย ภาคตะวันตก ที่มีบางคนเรียกว่า เขาช่องกระโจม นั้น คนพื้นที่เล่าให้ฟังว่า ชาวกะเหรี่ยงที่อยู่อาศัยในผืนแผ่นดินบริเวณนี้มาก่อนเรียกชื่อว่า เขาลันดา ซึ่งหมายถึง ภูเขาที่มีที่ราบ คนไทยรุ่นที่ไปทำเหมืองแร่ดีบุกที่นั่นย้อนหลังไปเมื่อประมาณ 50 ปีก่อน เห็นรูปลักษณะของเขาว่าคล้ายกระโจมอินเดียนแดง ก็เลยเปลี่ยนชื่อให้เป็น เขากระโจม
มาชมภาพกันเลย
-
ดูสองสาวนี้จะไม่ตื่นเต้นกับการที่ลุยน้ำซักเท่าไหร่ เลย 555
-
บรรยากาศยามเช้า...บนเขากระโจมและสิ่งเล็กที่อยู่ระหว่างทางเมื่อลงมาจากเขากระโจม
-
ขาลง เราไม่พลาดที่จะแวะชม“น้ำตกผาแดง” ระหว่างทาง ที่ต้องเดินเท้าเข้าไปประมาณ 200 เมตร ก่อนจะพบกับสายน้ำตกขนาดกลางไหลผ่านหน้าผา หินสีแดง อันเป็นที่มาของชื่อ“น้ำตกผาแดง” แต่ว่าการเดินเท้าเข้าไปก็ต้องระวังเจ้าทาก สัตว์จอมดูดเลือดให้ดีๆเหมือนกัน เพราะที่นี่ทากเยอะไม่เบา เล่นเอามีเสียงกรี๊ด เป็นระยะ ๆ555
จากนั้นก็โดนหลอกกันไปตามๆ กันอีกรอบ เมื่อจะไปยังจุดชมวิวเขากระโจมเพื่อชมความสวยงามของดอกกล้วยไม้ กับระยะทาง 400 เมตร (จริงป่ะ) หรือมากกว่านั้น เล่นเอาเหนื่อย (ใครได้รูปดอกกล้วยไม้หรือดอกไม้ก็เอามาอวดได้นะครับส่วนผมได้แต่วิว มาครับ)
-
ปล่อยให้คนอื่นเล่าบ้าง แล้วกันนะ ขอเฝ้าบอดร์ เฉยๆ บ้างนะ
555
-
ปล่อยให้คนอื่นเล่าบ้าง แล้วกันนะ ขอเฝ้าบอดร์ เฉยๆ บ้างนะ
555
แล้วเราจะเล่าอะไรล่ะ เล่าไปหมดแล้วนี่ (มุกคุ้นๆ มะ)
ไว้เดี๋ยวหารูปมาโพสต์ด้วยละกัน
55
-
ดูรูปถ้ำเขาบินช่วงแรกทำเอาเซอร์ไพรส์เลย ทำไม Puripatt ของเราถ่ายภาพถ้ำแปลกๆ เปิดแฟลชหรือเปล่า แต่มาครึ่งหลัง สวยเฉียบเด็ดขาดขึ้นมาได้ ทำไมไม่ถ่ายให้เหมือนกันทุกห้องน๊า แต่ไม่เป็นไร ช่วงหลังสวยมากจริงๆ เกือบเห็นอินทรีเต็มตัวเลยนะเนี่ย พอกลับมาอ่านข้อมูลของถ้ำเขาบินจึงได้รู้ว่าจุดเด่นของถ้ำนี้อยู่ที่อินทรีกางปีก แต่เราก็พลาดไปไม่ได้ภาพนั้นมาเพราะมองไม่ออก ที่สำคัญวันนั้นนักท่องเที่ยวไปเยอะมาก จนไม่มีไกด์ว่างให้เรา เราก็ถ่ายไปเรื่อยๆ เพราะไม่รู้ว่าต้องโฟกัสที่ไหน ไว้คราวหน้าจะไปใหม่ เอาให้ตรงประเด็นไปเลย
สำหรับถ้ำจอมพลที่ถูกตัดออกจากโปรแกรมเพราะเวลาไม่พอนั้น จะมีเทศกาลงานปีนเขาถ้ำจอมพลขึ้นด้วยนะครับ รายละเอียดจะแจ้งให้ทราบโดยทั่วกันอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับภาพห้องที่ 6-8 คาดว่าคงไม่มีใครมี เพราะอยู่ในนั้นกันได้ไม่นานจริงๆ ผมว่าผมออกเป็นกลุ่มสุดท้ายยังไม่ได้ภาพมาเลย
(http://touronthai.com/forum/index.php?action=dlattach;topic=100.0;attach=1079;image)
-
ตอนนี้อยู่ที่สุพรรณบุรีครับ เมื่อวานนครปฐม ทั้งสองจังหวัดในห้องที่ผมพักมีสัญญาณเน็ตน้อยมาก แทบทำงานไม่ได้เลย ตอบกระทู้ก็ยาก อาจจะกลับวันศุกร์ (ยังไม่แน่นอน) ไม่ค่อยได้ไปไหน เพราะมีฝนเล็กน้อยแถมงานเต็มตลอดวันเลยแว่บยากมาก ฝาก บอร์ดแอดมินดูแลกระดานไปก่อน 1 สัปดาห์ครับ แล้วไปภูกระดึงเมื่อไหร่กลับมาเล่าด้วยละ ;)
-
มาทำหน้าที่ต่อครับ หลังได้รับบหมอบหมายให้เฝ้าบอร์ดต่ออีก มาต่อกันเลยครับ
ที่สถานที่ต่อไป น้ำตกเก้าโจน หรือน้ำตกเก้าชั้น
ยืมข้อมูลหน้าเว็ป แล้วกันนะครับ น้ำตกเก้าชั้น หรือ เก้าโจน (เก้ากระโจน) ตั้งอยู่ที่บ้านห้วยผาก หมู่ 7 ตำบลผาผึ้ง เลยจากธารน้ำร้อนบ่อคลึงไปประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดกลาง มีความสูง 9 ชั้น ตกจากหน้าผาสูงกลางหุบเขา มีน้ำตลอดปี ปริมาณน้ำจะมากในชั้นบนๆ หินบริเวณน้ำตกเป็นหินแกรนิต แต่เดิมน้ำตกนี้รู้จักกันเฉพาะในกลุ่มชาวกะเหรี่ยง ต่อมาบริษัทต่างชาติเข้ามารับสัมปทานเหมืองแร่เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2484 ต่อมาเมื่อหมดสัมปทาน ทางอำเภอและกลุ่มองค์กรท้องถิ่นจึงได้เข้ามาดูแลพื้นที่
การเดินไปชมน้ำตก จากลานจอดรถเดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 500 เมตร จะถึงบริเวณน้ำตกชั้นล่าง ซึ่งสามารถเดินเท้าขึ้นไปถึงชั้นสุดท้ายได้ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง ค่าเข้าชม รถยนต์ รถตู้ รถปิกอั๊พ คันละ 20 บาท รถบัส 100 บาท
กำเนิดน้ำตกเก้าโจน
เก้าโจน หมายถึง โจน (กระโจน กระโดด โพน หรือ เต้น) ของน้ำ ในน้ำตกลดหลั่นลงมาตามชั้นต่างๆ ของหินผาเก้าชั้นด้วยกัน
ส่วนผมไม่ค่อยได้เก็บภาพน้ำตกมานะครับ เพราะมีทีมงานที่เก็บภาพอยู่แล้วครับ 9 ชั้นเลย
ส่วนผมถ่ายแต่ผีเสื้อซะเป็นส่วนใหญ่
รอชมภาพของพี่ทอมแล้วกันนะครับ เห็นถ่ายทุกชั้น
-
เมื่อเราเดินชมความสวยงามของน้ำตกเก้าโจนครบทั้ง 9 ชั้นแล้ว (ไม่แน่ใจนะว่าครบหรือเปล่าแต่น่าจะครบนะ)
เราก็ถ่ายรูปนั่งเล่น พักผ่อนเพื่อคลายความเหนื่อยกันครู่ใหญ่
จากนั้นก็เดินๆๆๆๆ เพื่อลงมาจากน้ำตกเก้าโจนกันครับ เพื่อไปยังสถานที่ต่อไป คือบ้านหอมเทียน
(ส่วนนี้ขอไม่เอาภาพภายในบ้านหอมเทียนลงนะครับ เพราะ ของเค้าดังอยู่แล้ว)
บ้านหอมเทียนเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งของอำเภอสวนผึ้ง ตั้งอยู่หลักกิโลเมตรที่ 33 บ้านหอมเทียน เป็นทั้ง ร้านอาหารและที่พัก แต่ที่น่าสนใจเป็นพิเศษก็คือ ที่นี่ขายเทียนหอมหลากสีหลายแบบ ซึ่งทำกันเอง มีโรงงาน ขนาดย่อม ๆ อยู่ด้านหลัง และที่มีแบบและสีสันหลากหลายต่างจากที่อื่นก็เพราะว่าออกแบบเอง ทำเอง ไม่ได้ เลียนแบบใคร เจ้าของคือคุณรัชนิกร เมื่อก่อนเป็นดีไซเนอร์ออกแบบเซรามิคมาก่อน จุดเด่นของเทียนสีสวยกลิ่น หอมในบ้าน เทียนแห่งนี้อยู่ที่ลวดลายในเนื้อ เทียน ที่ไม่ได้เกิดจากการวาดสี หรือการใช้กระดาษติดลงไป แต่เป็นเทคนิกพิเศษที่เมื่อสิบกว่าปีก่อนยังไม่มีใครทำได้ แม้แต่ในปัจจุบันเองก็ทำได้ไม่ถึง 5 เจ้าในประเทศ
ขอลงภาพเดียวนะครับ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อบ้านหอมเทียน
และจบทริป ด้วยการเดินอัมพวาเวลายามค่ำคืน (ไม่มีรูปนะครับเพราะทุกคนเดินๆๆกินๆๆๆอย่างเดียว)
จบบริบูรณ์
สวัสดี
โดย นายเล็ก ผู้ไม่มีค่า แต่กล้องมีค่า รายงาน 5555
-
ไขข้อข้องใจครับ ของบ้านหอมเทียน สำหรับสมาชิกที่ไปด้วยกันมา
สำหรับงาน little candle 2010 เป็นงาน ที่เปลี่ยนชื่อมาจากงาน Candle in the winter ซึ่งเป็นงานประเพณีของ ชาวสวนผึ้งที่จัดขึ้นทุกปี ที่ซีนเนอรี่ รีสอร์ท แต่ในปีนี้ ทางซีนเนอรี่ไม่รับเป็นเจ้าภาพในการจัดงาน ทาง บ้านหอมเทียน ซึ่งเป็นผู้จัดเทียนในงานให้กับซีนเนอรี่เป็นประจำทุกปี อยากสืบสานงานประจำปีอันมีชื่อเสียงของ ชาวสวนผึ้งให้คงอยู่ จึงรับเป็นเจ้าภาพในการจัดงานนี้แทน โดยเปลี่ยนชื่องานเป็น little candle 2010 Romantic Arts Festival at Suan Phueng ซึ่งจะจัดในวันเสาร์ ที่ 4 ,11,18 ,25 ธ.ค. 53 และ 1ม.ค. 54
บัตรราคา 400 บาท
concept
ยังคงเน้นโชว์งานศิลปะ จัดบนเนินเขาบนหอมเทียน บนพื้นที่กว่า 10 ไร่เห็นวิวเนินเขาของเทือกเขาตะนาวศรีเน้น จะเน้นแบบเรียบง่าย และเป็นกันเอง เปิดเพลงเบาๆเป็นกันเอง ใช้ไฟให้น้อยที่สุด โดยจะเน้นใช้เทียนเป็นหลัก และจุดเทียนมากกว่าปีที่ผ่านมาในปีนี้ยังมีการจัดซุ้มของรีสอร์ทต่างๆ เช่นเคย มีการแสดงงานศิลปะ ปติมากรรม เทียน ตลอดเส้นทางเดิน อาหารเน้นเรียบง่าย เครื่องดื่มต่่างๆ ราคาไม่แพง เพราะคุณเอ๋เจ้าของงานต้องการ ให้ผู้มาร่วมงาน ดื่มด่ำกับบรรยากาศมากกว่า
ไม่ต้องเถี่ยงกันนะครับ คงหายข้องใจกับเงิน 400 บาท นะครับ
-
อัพเดท Touronthai Forum
มีใครบ้างที่ออนไลน์
มีใครบ้างที่ออนไลน์
ผู้ใช้งาน เวลา ดำเนินการ
Puripatt 11:09:48 am กำลังดูดัชนีบอร์ดของ Touronthai Forum
บุคคลทั่วไป 11:09:21 am กำลังตอบกระทู้ใน มาแล้ว เรื่องเล่าจากทริปเขากระโจม
บุคคลทั่วไป 11:08:58 am กำลังดูหัวข้อ สวนผึ้งรีสอร์ท (บ้านฟริ้นสโตน)
บุคคลทั่วไป 11:08:40 am กำลังดูหัวข้อ มาแล้ว เรื่องเล่าจากทริปเขากระโจม
บุคคลทั่วไป 11:07:56 am กำลังตอบกระทู้ใน มาแล้ว เรื่องเล่าจากทริปเขากระโจม
บุคคลทั่วไป 11:04:18 am กำลังตอบกระทู้ใน มาแล้ว เรื่องเล่าจากทริปเขากระโจม
บุคคลทั่วไป 11:03:17 am กำลังตอบกระทู้ใน มาแล้ว เรื่องเล่าจากทริปเขากระโจม
บุคคลทั่วไป 11:02:59 am กำลังดูหัวข้อ มาแล้ว เรื่องเล่าจากทริปเขากระโจม
บุคคลทั่วไป 11:02:14 am กำลังตอบกระทู้ใน มาแล้ว เรื่องเล่าจากทริปเขากระโจม
บุคคลทั่วไป 10:58:17 am กำลังดูหัวข้อ สวนผึ้งรีสอร์ท (บ้านฟริ้นสโตน)
บุคคลทั่วไป 10:58:04 am กำลังดูข้อมูลส่วนตัวของ pattayaway
มีคนอ่านเยอะนะเนี๊ยะเรื่องเล่า
เชิญสมัตรสามชิกได้นะครับไม่เสียค่าใช้จ่าย มารวมแชร์ ประสพการณ์ท่องเที่ยวด้วยกัน นะครับ
หรืออกทริปด้วยกันได้นะครับ เชิญครับเชิญ
-
แปลกจังมีบุคคลทั่วไปตั้งมากมายที่พยายามตอบกระทู้ แต่ปกติแล้วการตอบต้องสมัครสมาชิกเท่านั้นนะครับถึงจะตอบได้ หรือว่าลืมลอกอิน หรือว่าระบบมีปัญหา ???
วันนี้ไปเกาะลอยมาได้ภาพมานิดหน่อย พระอาทิตย์ไม่ยอมให้ผมถ่ายรูปอีกแล้ว เฮ้อ
ฝากข้อความถึงสมาชิกทุกท่านด้วยนะครับว่าเรามีการสร้างระบบกระจายข่าวสารการท่องเที่ยวไว้ที่เฟสบุคของทัวร์ออนไทย
http://www.facebook.com/apps/application.php?id=124686564252081
คลิก like จะได้รับข่าวสารกันได้ง่ายขึ้น พอจะออกทริปค่อยมาว่ากันในกระทู้ต่อ ดีมั้ย :D
-
อ้าวโพสต์ผิดเรื่องขออภัยบอร์ดแอดมินด้วยครับ ;D
-
ว้าวๆๆฟ้าสวยมาเลย
-
ใช่ๆ
ฟ้าสวยดีพี่ทอม
-
ขอใช้สิทธิ์พาดพิงครับ
เนื่องจากนาย Puripatt โยนเรื่องภาพน้ำตกเก้าชั้นมายังผม ผมก็ต้องสานต่อ
เอาเป็นว่า เราเดินขึ้นน้ำตกไปยังชั้นเก้าโดยมีการเก็บภาพบ้างเล็กน้อยเพราะสภาพแสงในตอนนั้นยังไม่เหมาะในการถ่ายภาพน้ำตก ในใจก็ภาวนาว่าเมื่อเดินถึงชั้นเก้าแล้วจะเป็นเวลาเย็นมากพอในการถ่ายภาพน้ำตก แล้วค่อยเก็บภาพเดินลงมาเป็น 9 8 7 6 5 4 3 2 1 แต่ถึงที่สุดเราก็ไม่ได้ภาพน้ำตกชั้นที่ 4 เนื่องจากมีคนเล่นน้ำอยู่จำนวนมาก หามุมถ่ายภาพได้ลำบากและเป็นการรบกวนนักท่องเที่ยวมากเกินไป เอวังด้วยประการฉะนี้
ในขณะที่เดินขึ้นๆๆ นั้นได้พบพระภิกษุรูปหนึ่งเดินจงกรมเหนือน้ำตกชั้นที่ 6 เลยเก็บภาพมาด้วย
สรุปว่า มีชั้น 6 1 ภาพ กับ ชั้น 9 อีก 4 ภาพครับ
ชั้นที่ 9 จะพิเศษหน่อยตรงที่มีแอ่งน้ำน่าลงเล่น มีชั้นน้ำตกตรงกลางตกลงมาจากผาเดินไปชมได้ข้างๆ ใกล้ๆ ส่วนที่เป็นสายไหลยาวลงมานั้นอยู่สูงขึ้นไปอีก ต้องปีนผาหินซึ่งลื่นมากขึ้นไป
-
อยู่ศรีราชาเน็ตช้ามาก กว่าจะเห็นแดดก็ 11 โมงกว่าแล้ว ครึ้มตลอด
เล่าต่อกันดีกว่า
น้ำตกเก้าโจนชั้นเก้าตรงแอ่งน้ำ จากนั้นก็น้ำตกเก้าโจนชั้น 8 7 6 3 ตามลำดับ
-
ต่อมาน้ำตกเก้าโจนชั้น 2 และลำธารน้ำก่อนที่จะตกลงไปเป็นชั้น 1 น้ำตกชั้น 1 นั้นมีต้นไม้อยู่มากไปเลยไม่ได้เก็บภาพมา ส่วนล่างของน้ำตกยังมีชั้นที่เรียกว่าชั้นอนุบาลด้วยครับ ซึ่งเป็นที่พักผ่อนของครอบครัวพาเด็กๆ มาลงเล่นน้ำได้ สำหรับทริปนี้ผมข้ามชั้นอนุบาลไปไม่ได้เก็บภาพมาเช่นกัน
-
หลังจากที่สามชิกทุกท่านออกมาจากถ้ำเขาบินเรียบร้อยแล้วเราก็มุ่งหน้าเดินทางไปสู่ เขากระโจมเพื่อชมพระอาทิตย์ตกดิน บนเขากระโจมกัน
และเมื่อเราเดินทางไปถึงบริเวณทางขึ้นเขากระโจม เราก็จัดการเปลี่ยนจากรถตู้มาเป็น ขับเคลื่อน 4 ล้อ ของพี่บุญส่ง แห่งกลุ่มรักเขากระโจม และแล้วความมันก็กำลังจะเกิดขึ้นกับเส้นทางที่ลำบากพอตัว (ใครมีรูปเส้นทางก็เอามาลงได้นะครับ กล้องผมไม่ได้ถ่ายภาพระหว่างทาง)
การขึ้นเขากระโจม ต้องนั่งรถขับเคลื่อน 4 ล้อขึ้น ก็เนื่องจากว่าเส้นทางขึ้นเขากระโจมนั้นสูงชันและสมบุกสมบันเอาเรื่อง แต่ทิวทัศน์สวยงามมาก โดยเฉพาะช่วงที่เป็นถนนลูกรังนี่ เดี๋ยวขึ้น เดี๋ยวลง แถมบางช่วงยังต้องลุยน้ำที่สูงถึงครึ่งคันรถ ก่อนจะไปลุ้นกันกับเนินสูงยาวที่พลขับของเรานั้นกว่าจะผ่านพ้นเนินแห่งนี้ไป ได้ก็เหนื่อยพอตัว
แต่ไฉนได้ เมื่อเราขึ้นไปถึงยอดเขากระโจมกับเจอทะเลหมอก บนเขากระโจม อยากรวดเร็วมาก ไม่ทันหยิบกล้องออกมาถ่ายกันเลยทีเดียว
ตกค่ำอาหารมื้อเย็น และข้าวที่ได้จากกระบอกไม้ไผ่ (ของพราน จำชื่อไม่ได้ใครจำได้ช่วยบอกหน่อย)
แสนจะอร่อย (กินไปนิดหน่อย พอรู้รสชาติ)
เล่าที่มาที่ไปของเขากระโจม หรือที่ตั้งของหน่วย ตชด. 137 สักนิด
เขากระโจม ตั้งอยู่ชายแดนไทย – พม่า ด้านอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี มีเทือกเขาตระนาวศรี กั้นพรมแดนระหว่างทั้งสองประเทศ ในอดีต พื้นที่นี้มีความเสี่ยง เนื่องจากมีชนกลุ่มน้อยหลายกลุ่ม ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยว สามารถท่องเที่ยวได้ อุณหภูมิหนาวเย็นทั้งปี
เขากระโจม ในแนวสุดเขตประเทศไทย ภาคตะวันตก ที่มีบางคนเรียกว่า เขาช่องกระโจม นั้น คนพื้นที่เล่าให้ฟังว่า ชาวกะเหรี่ยงที่อยู่อาศัยในผืนแผ่นดินบริเวณนี้มาก่อนเรียกชื่อว่า เขาลันดา ซึ่งหมายถึง ภูเขาที่มีที่ราบ คนไทยรุ่นที่ไปทำเหมืองแร่ดีบุกที่นั่นย้อนหลังไปเมื่อประมาณ 50 ปีก่อน เห็นรูปลักษณะของเขาว่าคล้ายกระโจมอินเดียนแดง ก็เลยเปลี่ยนชื่อให้เป็น เขากระโจม
มาชมภาพกันเลย
สำหรับผู้ที่เชี่ยวชาญการเดินป่าและทำหน้าที่นำทางเรายังจุดหมายต่างๆ ของทริปนี้ชื่อลุงวรณ์ครับ
-
ขาลง เราไม่พลาดที่จะแวะชม“น้ำตกผาแดง” ระหว่างทาง ที่ต้องเดินเท้าเข้าไปประมาณ 200 เมตร ก่อนจะพบกับสายน้ำตกขนาดกลางไหลผ่านหน้าผา หินสีแดง อันเป็นที่มาของชื่อ“น้ำตกผาแดง” แต่ว่าการเดินเท้าเข้าไปก็ต้องระวังเจ้าทาก สัตว์จอมดูดเลือดให้ดีๆเหมือนกัน เพราะที่นี่ทากเยอะไม่เบา เล่นเอามีเสียงกรี๊ด เป็นระยะ ๆ555
จากนั้นก็โดนหลอกกันไปตามๆ กันอีกรอบ เมื่อจะไปยังจุดชมวิวเขากระโจมเพื่อชมความสวยงามของดอกกล้วยไม้ กับระยะทาง 400 เมตร (จริงป่ะ) หรือมากกว่านั้น เล่นเอาเหนื่อย (ใครได้รูปดอกกล้วยไม้หรือดอกไม้ก็เอามาอวดได้นะครับส่วนผมได้แต่วิว มาครับ)
เอาละดอกไม้มาแล้วครับ ดอกไม้ชนิดนี้มีขึ้นอยู่ตรงนี้เป็นบริเวณกว้าง อยู่ตามซอกหิน ลำต้นมันอ่อนลู่ลม ดอกสีเหลืองสวยสดใส การถ่ายภาพนี้ต้องใช้ ISO สูงมาก ใช้แมนวลโฟกัส หมุนหาระยะชัดแล้วจากนั้นก็กดไปเรื่อยๆ ทั้งหมด 34 ภาพ ทีแรกคิดว่าถ่ายได้ภาพชัด 7 ภาพ พอมาเปิดในคอมมีชัดจริงๆ อยู่ 3 ภาพเท่านั้น ;D
สิ่งแรกที่เดินไปถึงจุดชมวิวที่ทุกคนทำคล้ายๆ กันคือการก้มมองขาตัวเอง ระแวงทาก
-
หลังจากเก็บภาพเป็นที่พอใจแล้วก็เดินลงกันครับ
-
นานาสาระ กับการหุงข้าวสวยด้วยกระบอกไม้ไผ่
สำหรับทริปภูสอยดาวเราได้สูตรการหุงข้าวสนามให้ออกมาเหมือนหม้อหุงข้าวไฟฟ้า เอามาเล่าสูกันฟัง สำหรับทริปนี้ได้ลุงวรณ์ โชว์การหุงข้าวสวยด้วยกระบอกไม้ไผ่
วิธีการก็คือ นำกระบอกไม้ไผ่ ตัดมาให้ได้ 1 ปล้อง เปิดด้านข้างของกระบอกรูปสี่เหลี่ยมโดยให้มันยังสามารถปิดลงไปได้ ใส่ข้าวสารลงไป 1 ส่วน ของกระบอก ใส่น้ำลงไป 3 ส่วน จากนั้นนำไปวางในกองไฟ มันจะสุกเอง เมื่อเสร็จแล้วจะได้ข้าวกระบอก เหมือนข้าวสวยทั่วไป มีกลิ่นไผ่เล็กน้อย
-
เฮฮาปาจิงโกะโซน เรื่องฮาๆ ของทริปนี้จ้า
;D
-
เฮฮาต่ออีกหน่อย ;D
-
ขอเป็นกำลังใจให้คนล่าฝันครับ
ระหว่างการเดินทางด้วยรถขับเคลื่อน 4 ล้อ เราได้สวนทางกับรถมอเตอร์ไซค์ Fino คันหนึ่งที่ขึ้นมาเกือบถึง เนิน 800 ครับ นับถือความตั้งใจ แม้วันนี้จะขึ้นไม่ได้ขอให้ประสบความสำเร็จในสักวันนะครับ
-
ขาลง เราไม่พลาดที่จะแวะชม“น้ำตกผาแดง” ระหว่างทาง ที่ต้องเดินเท้าเข้าไปประมาณ 200 เมตร ก่อนจะพบกับสายน้ำตกขนาดกลางไหลผ่านหน้าผา หินสีแดง อันเป็นที่มาของชื่อ“น้ำตกผาแดง” แต่ว่าการเดินเท้าเข้าไปก็ต้องระวังเจ้าทาก สัตว์จอมดูดเลือดให้ดีๆเหมือนกัน เพราะที่นี่ทากเยอะไม่เบา เล่นเอามีเสียงกรี๊ด เป็นระยะ ๆ555
จากนั้นก็โดนหลอกกันไปตามๆ กันอีกรอบ เมื่อจะไปยังจุดชมวิวเขากระโจมเพื่อชมความสวยงามของดอกกล้วยไม้ กับระยะทาง 400 เมตร (จริงป่ะ) หรือมากกว่านั้น เล่นเอาเหนื่อย (ใครได้รูปดอกกล้วยไม้หรือดอกไม้ก็เอามาอวดได้นะครับส่วนผมได้แต่วิว มาครับ)
เอาละดอกไม้มาแล้วครับ ดอกไม้ชนิดนี้มีขึ้นอยู่ตรงนี้เป็นบริเวณกว้าง อยู่ตามซอกหิน ลำต้นมันอ่อนลู่ลม ดอกสีเหลืองสวยสดใส การถ่ายภาพนี้ต้องใช้ ISO สูงมาก ใช้แมนวลโฟกัส หมุนหาระยะชัดแล้วจากนั้นก็กดไปเรื่อยๆ ทั้งหมด 34 ภาพ ทีแรกคิดว่าถ่ายได้ภาพชัด 7 ภาพ พอมาเปิดในคอมมีชัดจริงๆ อยู่ 3 ภาพเท่านั้น ;D
สิ่งแรกที่เดินไปถึงจุดชมวิวที่ทุกคนทำคล้ายๆ กันคือการก้มมองขาตัวเอง ระแวงทาก
คุ้มค่าครับพี่ 34 ภาพ ได้มา 3 ก็ยังดี
-
นานาสาระ กับการหุงข้าวสวยด้วยกระบอกไม้ไผ่
สำหรับทริปภูสอยดาวเราได้สูตรการหุงข้าวสนามให้ออกมาเหมือนหม้อหุงข้าวไฟฟ้า เอามาเล่าสูกันฟัง สำหรับทริปนี้ได้ลุงวรณ์ โชว์การหุงข้าวสวยด้วยกระบอกไม้ไผ่
วิธีการก็คือ นำกระบอกไม้ไผ่ ตัดมาให้ได้ 1 ปล้อง เปิดด้านข้างของกระบอกรูปสี่เหลี่ยมโดยให้มันยังสามารถปิดลงไปได้ ใส่ข้าวสารลงไป 1 ส่วน ของกระบอก ใส่น้ำลงไป 3 ส่วน จากนั้นนำไปวางในกองไฟ มันจะสุกเอง เมื่อเสร็จแล้วจะได้ข้าวกระบอก เหมือนข้าวสวยทั่วไป มีกลิ่นไผ่เล็กน้อย
เมื่อสุกแล้วเป็นอย่างนี้ครับ
-
สำหรับท่านใดที่มีรูปป้ายข้อมูลหน้าทางขึ้นถ้ำฤๅษีเขางู ช่วยส่งให้ด้วยครับ เอาทางเมล์นะครับ ;)
-
สำหรับท่านใดที่มีรูปป้ายข้อมูลหน้าทางขึ้นถ้ำฤๅษีเขางู ช่วยส่งให้ด้วยครับ เอาทางเมล์นะครับ ;)
เจี๊ยบถ่ายมาให้พี่ทอม
แต่เหมือนเห็นใครซักคน เล็กหรือเปล่า เอารูปมาลงแล้ว คิดว่าไม่ต้องการแล้ว
เลยไม่ได้ส่งให้
เมล์พี่ทอมคืออะไรน่ะ เดี๋ยวส่งให้
-
สำหรับท่านใดที่มีรูปป้ายข้อมูลหน้าทางขึ้นถ้ำฤๅษีเขางู ช่วยส่งให้ด้วยครับ เอาทางเมล์นะครับ ;)
เจี๊ยบถ่ายมาให้พี่ทอม
แต่เหมือนเห็นใครซักคน เล็กหรือเปล่า เอารูปมาลงแล้ว คิดว่าไม่ต้องการแล้ว
เลยไม่ได้ส่งให้
เมล์พี่ทอมคืออะไรน่ะ เดี๋ยวส่งให้
ที่เราไม่มีเจี๊ยบ ประวัติถ้าเขางู วันนั้นอื่นอ่านลืมถ่ายมา ตรงที่พระนั่ง นั้นแหล่ะ ป้ายยนั้น ที่ว่าด้วยระยทาง 128 เมตร
-
สำหรับท่านใดที่มีรูปป้ายข้อมูลหน้าทางขึ้นถ้ำฤๅษีเขางู ช่วยส่งให้ด้วยครับ เอาทางเมล์นะครับ ;)
เจี๊ยบถ่ายมาให้พี่ทอม
แต่เหมือนเห็นใครซักคน เล็กหรือเปล่า เอารูปมาลงแล้ว คิดว่าไม่ต้องการแล้ว
เลยไม่ได้ส่งให้
เมล์พี่ทอมคืออะไรน่ะ เดี๋ยวส่งให้
เมล์ของข้าพเจ้านั้นหรือ ง่ายมาก webmaster@touronthai.com ไง ^^ ขอบคุณล่วงหน้าจ้า
-
สำหรับท่านใดที่มีรูปป้ายข้อมูลหน้าทางขึ้นถ้ำฤๅษีเขางู ช่วยส่งให้ด้วยครับ เอาทางเมล์นะครับ ;)
เจี๊ยบถ่ายมาให้พี่ทอม
แต่เหมือนเห็นใครซักคน เล็กหรือเปล่า เอารูปมาลงแล้ว คิดว่าไม่ต้องการแล้ว
เลยไม่ได้ส่งให้
เมล์พี่ทอมคืออะไรน่ะ เดี๋ยวส่งให้
เมล์ของข้าพเจ้านั้นหรือ ง่ายมาก webmaster@touronthai.com ไง ^^ ขอบคุณล่วงหน้าจ้า
จัดไปเจี๊ยบ (เอ้ยสุนทรี 5555)