Touronthai Forum สนทนาประสาเที่ยว
หมวดหมู่ทั่วไป => แชร์ประสบการณ์/โพสต์รูปประทับใจ => ข้อความที่เริ่มโดย: Puripatt ที่ มกราคม 21, 2013, 04:10:15 PM
-
ทริปนี้เริ่มจากการนั่งรถไปเชียงใหม่ เพื่อนพบสาวอีก 1 ท่านที่นั่งเครื่อง ไปรออยู่ที่เชียงใหม่แล้ว โดยเริ่มต้นเดินทางกันที่ เชียงใหม่-ท่าตอน /ท่าตอน-เชียงราย /เชียงราย-ท่าตอน/ ท่าตอน- เชียงใหม่ งง กันละซิ 5555 :P
ทริปนี้ต้องขอบคุณเพื่อนสาวที่ได้ร่วมเดินทางไปด้วยกัน อย่างสนุกสนาน เป็นอันดับแรก จากคำชักชวนที่เกริ่นกันไว้อย่างยาวนาน ทริปนี้ก็แค่เดินทางแบบไม่มีแพลนไม่กำหนดการณ์ เวลา แค่อยากไปเที่ยวบ้านท่าตอน ตำบลเล็กๆ ใน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่แล้วล่องเรือง ไปจังหวัดเชียงราย แล้วกลับมายังบ้านท่าตอน เท่านั้น หนีความวุ่นวายจากเมืองใหญ่ไปหาที่สงบๆอากาศ เย็นๆ ให้จับหัวใจเล่นๆ ดูวิถีชีวิตเรียบง่ายริมสายน้ำกก อันทอดยาวถึงเมืองเชียงราย ของชาวบ้านริมชายแดนไทย-พม่า โดยทริปนี้อาศัยไปถึงจุดหมายด้วย ชีวิตติดล้อ อย่างเคยๆ จาก 250 ซีซี ค่ายตั๊กแตน เปลี่ยนมา ควบ เจ้าน้ำเงินค่ายซูซูกิ กับขนาด 125 ซีซีกันบ้างดีกว่า เพื่อนสาวก็จับจอง เจ้าอาชาสีดำ มีตะกร้าหน้า คนละ 1 คัน ก็ดีเหมือนกันปรับเปลี่ยนชีวิต จากกระแสลมที่ปะทะตัวเร็วๆ เปลี่ยนมาปะทะตัวช้าๆ เย็นๆ ปลดคราบชุดป้องกันเต็มองค์ทรงเครื่อง เหลือเพียงหมวกครี่งใบสีหวาน ปลอกแขนกันแดด เท่านี้ก็เพียงพอ แล้ว เรื่อยๆแวะชมวิวตามข้างทาง ซูดโอนโซนซึมซับลมเย็น ไอหมอก อากาศ อุ่นๆ เข้าปอด ให้เต็มที่ให้หายเหนื่อย แล้วปล่อยอารมณ์ไปให้ถึงจุดหมายโดยพลัน ชิวๆไปเรื่อยๆ บิดคันเร่งตามแรงมือไปให้ถึงแก่นการณ์ ผ่านสายถนนที่สัมผัสผิวล้อฉลุยไปตามกระแสใจจะพาไปให้ถึง ณ ที่หมาย ผ่าน แม่แตง เชียงดาว ไชยปราการแวะจิบกาแฟ แก้กระหาย ชิมก๋วยเตี๋ยวต้ำยำลูกชิ้นปลาให้ลงท้องแก้หิว พริ้วไปตามถนนหลวงสาย 107 จนผ่าน อ.ฝาง เอี้ยวตัวเลี้ยวซ้าย เข้า อำเภอแม่อาย
-
::) :o
-
จนย่ำใจกายถึงท่าตอน บ่ายสายๆ ก็เข้าสัมผัสบ้านท่าตอน แล้ว มองหาทางเลี้ยวล้อรถเครื่อง เข้าที่ซุกกายหนีไอแดดโยนสัมภาระเข้าที่ จองล่วงหน้าได้เพียงเพลาข้ามคืน 2 ห้อง สะอาด น่าพัก ติดแอร์
ถึงแล้ว
-
8) :o แล้วก็ออกมาชมเมือง แวะท่าเรือก่อน ถามไถ่เวลาการล่องเรือ ที่หมายการล่องเรือไปเชียงราย ราคาค่านั่งตามกระแสนน้ำ ได้ข้อมูลมาว่า เรือออกทุกวันๆละ 1 เที่ยว สงวนราคา 350 ต่อ 1 ท่าน การเดินทาง ไปถึงท่าเรือ ซี.อาร์ ใกล้สะพานแม่ฟ้าหลวง ติดศาลากลางหลังใหญ่โต ของ อำเภอเมืองเชียงราย จับจบอตัวที่นั่งเรือก็ ขึ้นชมวัดบ้านท่าตอน พระอรามหลวง ที่มีถึง 9 ชั้น ไฮท์ไลท์ของวัดท่าตอนนี้น่าจะอยู่ที่ชั้นที่ 8 ที่มีหอแก้วประดิษฐ์สถานอยู่บนยอดเขาสูง มองจากด้านล่างของบ้านท่าตอนสวยงามทีเดียว วิวเบื้องล่างของบ้านท่าตอน สามารถมองได้จากหลายๆมุม ของวัด บ้านท่าตอนเป็นชุมชนเล็กที่ความเจริญทางตะวันตกยังไม่ครอบงำซะหมดจนทีเดียว ส่วนมากก็จะมีแต่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาพัก หรือมาท่องเที่ยวซะเป็นส่วนใหญ่ ส่วนนักท่องเที่ยวไทย ก็แค่ผ่านมาสักการะพระบรมสารีริกขธาตุ แล้วก็วกเวียนเข้าเมืองหาความเจริญ การทำมาหากินของชาวบ้านที่นั้น ส่วนใหญ่เป็นการทำเกษตรกรรม ปลูกผักพื้นเมือง เป็นเมืองที่อากาศดีทีเดียวเหมาะกับการแวะไปพักผ่อนสมอง สำหรับท่านที่ไม่ค่อยชอบความเจริญที่เข้าถึง หลังจากชมววิวเบื้องสูงของบ้านท่าตอนจากยอดเขา ได้เวลาแวะเวียนวน มาชมเมืองด้านล่างกันบ้างแล้ว ไล่เลาะตามทางซอกซอย ถนนไปเรื่อย ผ่านไร่ข้าวโพด ไร่พริก ไร่กะเทียม
-
::) :P
-
:P
-
:-*
-
;D
-
:o :P
-
:o :o จนแววตาเฉลียวไปเห็นแสงอาทิตย์จะลับขอบฟ้า หยุดทันใด ไม่พลาดที่จะเก็บลงตัวบันทึกภาพ เก็บความงามของแสงเอาไว้อีกครั้ง จนแสงจากไปอย่างประทับใจ ได้เวลากองทัพเดินด้วยท้องแล้ว วนไปวกมา หาร้านข้าว แต่ไม่ค่อยจะมี เลย เข้าที่พักที่แสนจะกลมกลืนกับธรมชาติ แทรกตัวอยู่กลางสวนลิ้นจี่ ไม่รุกร้านเลาะกิ่งให้เสียทรงไม้ผล กินอาหารร้านในที่พักแล้วกัน รสชาติโอเคร ราคาไม่แพง อิ่มแล้วก็เดิน ชมเมืองยามค่ำคืนกันหน่อย สงบเงียบ ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆ แล้วก็กลับเข้าไปซุกกายใต้ผ้าห่ม กับอากาศที่เย็น ไม่ต้องเปิดแอร์
-
;D
-
:o :o
-
:o
-
:P :o
-
:P :D
-
;D ;D
-
เช้าวันรุ้ง ลุกจากที่นอน ตั้งใจจะถ่ายพระอาทิตย์ขึ้น แล้วก็พลาด กับหมอกที่ลงจัด มองไม่เห็นแสงอรุณยามเช้า จนต้องตัดใจ แล้วเพื่อนสาวมุ่งหน้าไปหาทุ่งที่เก็บแสงอาทิตย์ เมื่อวาน ไปเลาะเรียง ตามไร่ แปลงผัก เก็บภาพอันแสนเย็นฉ่ำ วิถียามเช้าของชาวไร่บ้านท่าตอนจนหน่ำใจ ก็ได้เวลาหาของร้อนๆเข้าร่างกายสร้างไออุ่น ให้อบอุ่นดีกว่าจนผ่านไปสักครู่ตัดสินใจขึ้นวัดบ้านท่าตอน เพื่อเก็บภาพวิวด้านบนยามเช้าของท่าตอนเพื่อจะมองเห็นอะไรบ้าง ทั้งที่หมอกยังไม่จางหายไปเท่าไหร่ แต่ก็ไม่เห็นอะไรจริงๆ ระยะ ทางข้างหน้าไม่กี่เมตร มองไม่เห็นอะไรเลย ไปครบทั้ง 9 ชั้น รอเวลา ผ่านไปเรื่อยๆ หมอกก็ไม่จางหายไป สิ้นสุด การรอคอย ลงไปเบื้องล่างดีกว่าเติมพลังให้กายก่อนเดินทางไปเชียงราย กินอิ่มเปรมใจ แต่ก็ยังคาใจกับวิวยามเช้า ขอขึ้นไปยลโฉมยามเช้าอีกรอบ โดยเพื่อนขอตัวกลับไปอุ่นกายใต้ผ้าห่ม ชมทีวี ในสวนลิ้นจี่ แต่ขึ้นไปครานี้ก็เจอกับอากาศเดิมๆ หมอกจัด มองไม่เห็นวิว มองไม่เห็นหอแก้ว ผ่านไป 1 ชม. เต็ม หมดเวลารอคอย กลับที่พักดีกว่า แต่ก่อนเข้าที่พัก ได้แวะเก็บภาพบรรยากาศ เมืองท่าตอน ชมวัดด้านล่าง ที่พัก ที่เรียงรายตามสายน้ำกก
-
;D :D
-
;D
-
:o
-
;D
-
:o
-
:P
-
:P
-
แต่ที่น่าประทับใจสุด คือ การมองขึ้นจากด้านล่างไปบนยอดเขาที่ตั้งหอแก้ว ท้องฟ้าช่างสวยงามมากมาย ผิดกลับตอนที่ไปรอให้หมอกจางหายไปเพื่อเก็บภาพ แล้วก็กลับเข้าที่พักเก็บของ เช็คเอาท์ ออกจากที่พัก โดยขอฝากสองล้อไว้กับที่พัก 1 คืน ก่อนที่จะล่องเรือไปเชียงราย
-
:P
-
สวยสุดยอด เสียดายที่ไป 2 ครั้งไม่เคยเที่ยวท่าตอนจนทั่วขนาดนี้มาก่อนเลยอะ ไปทีหลังดังกว่าจริงๆ :D
-
สวยสุดยอด เสียดายที่ไป 2 ครั้งไม่เคยเที่ยวท่าตอนจนทั่วขนาดนี้มาก่อนเลยอะ ไปทีหลังดังกว่าจริงๆ :D
จัดไปอย่าให้เสีย เมืองไทยมีเสนห์ ทุกที่
เดี๋ยยมาเล่าต่อครับ
-
:P :P
-
:P
-
;) :)
-
:D ;D
-
สองเท้าก้าวเดิน เพื่อไปนั่งรอลงเรือออก 12.30 น. ระยะทางการล่องเรือ ก็แค่ 100 กิโลเมตร ท่าตอน-เชียงราย ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ไปถึงเชียงรายก็น่าจะ 4 โมงเย็น ชิว สบายๆ ทริปนี้ ชอบๆ เห็นมุมที่ต่างกลางสายน้ำกก วิวสองริมฝั่ง กับวิถีกลางสายน้ำของชาวบ้านแถบนั้น ผ่านหมู่บ้าน ตามแผนที่ท่องเที่ยวทางน้ำ จนไปถึงบ้านรวมมิตร เรือได้จอดพัก เพื่อพักให้หายเมื่อยจาการนั่งเรือ ที่บ้านรวมมิตรนี้มีทั้งปางช้าง งูยักษ์ให้นักท่องเที่ยวที่สนใจได้เข้าชม
-
:P :o
-
:P
-
::) :P
-
:P
-
::)
-
;D
-
:D ;D
-
จนสุดท้ายล่องเรือไปถึง สะพานแม่ฟ้าหลวง ที่ท่าเรือซีอาร์ เวลาบ่าย 3 กว่า โทรหาที่พักที่จองเอาไว้ ให้มารับที่ท่าเรือ ทีจองเอาไวได้เพียงเวลาไม่กี่ชั่วโมงก่อนเดินทางออกมาจากเชียงใหม่ เป็นบ้านดิน แนวโฮมเสตย์ ที่เหลือเพียงเรือนไม้ไผ่หลังเดียว ในวันที่จอง แต่ทางเจ้าของที่ยอมเปิดบ้านหลังใหญ่ ทรงเรือนไทย ให้ทางเราอีกหลัง เลยให้เพื่อนสาวได้เข้าพักเป็นคนแรก เพราะทางเจ้าของ เอาไว้ต้อนรับแขกผู้ใหญ่ไม่เคยเปิดให้ใครพักมาก่อน ช่างเป็นนิมิตรหมายที่ดีจริงๆ ของเพื่อนสาว ส่วนตัวกระผมนอนเรือนไม้ไผ่ ที่เก๋ไม่เบา เข้ากับธรรมชาติได้เป็นอย่างดี ถึงที่พักแล้ว จัดการเก็บกระเป๋า ล้างหน้าตา ปรับเปลี่ยนแนวท่องเที่ยวอีกครั้งด้วยการปั่นจักรยาน(แนวแม่บ้าน)เข้าชมเมืองเชียงราย และประจวบหมาะกับมีการจัดงานดอกไม้ของเมืองเชียงราย เดินชมความงามของดอกไม้ในงาน พร้อมเสียงดนตรีบรรเลงท่ามกลางอากาศที่เย็นพอให้หนาวกายเล็กน้อย แวะชมถนนคนเดินหาของกินเล่น แต่เล่มเอาอิ่มนะ จนปั่นจักรยานออกมาชม แสงสีของหอนาฬิกา กลางเมือง คนเยอะ รถเยอะมาก กับเทศกาลหยุดยาวไม่กี่วัน แล้วก็ปั่นจักรยานกลับที่พัก แยกย้ายเข้าที่พักอาบน้ำ สามทุ่ม ได้ยินเสียงเพลงร้องสดจากร้านอาหารหน้าที่พักดังเข้ามา เพื่อนสาวมาถามว่าหลับยัง บอกไปว่านั่งคุยกับน้องที่เฝ้าที่พักอยู่ ถ้าแกยังไม่หลับถ้ายังไปดริงค์ดีกว่า ไม่รอช้า รับปากตกลงทันที นั่งดืมสัมผัสลมหนาวไปแค่ 2 ขวด กลับเข้าที่พัก เตรียมตะลอนเช้าวันรุ่ง
-
:o
-
:P
-
:P
-
:P
-
:D ยังคงความสวยเช่นเดิม
-
สามทุ่ม ได้ยินเสียงเพลงร้องสดจากร้านอาหารหน้าที่พักดังเข้ามา เพื่อนสาวมาถามว่าหลับยัง บอกไปว่านั่งคุยกับน้องที่เฝ้าที่พักอยู่ ถ้าแกยังไม่หลับถ้ายังไปดริงค์ดีกว่า ไม่รอช้า รับปากตกลงทันที นั่งดืมสัมผัสลมหนาวไปแค่ 2 ขวด จัดไป
-
เช้าวันรุ่งขึ้นจะไปไหนดี ไม่มีแผน สอบถามทางคุณลุงเจ้าของที่พักว่าที่พักวันนี้ว่างหรือเปล่า ถ้าว่างจะขออยู่เที่ยวเชียงรายต่ออีกสักวัน คุณลุงเลยเช็คห้องว่างให้ ตอบกลับมาว่าว่าง 1 ห้อง เป็นบ้านดินชั้นเดียว เอาหรือเปล่า เอาครับให้เพื่นอสาวนอนในบ้านซิครับ ไม่เป็นไรชายๆอย่างเราเสียสละนอนเต็นท์ก็ได้ สบายอยู่แล้ว วันนี้เลยบอกคุณลุงว่าจะไปชมอุทยานฯลำน้ำกก ที่ผ่านมาเมื่อวานนี้ คุณลุงบอกว่าไม่ไกล แค่ 20 กม. ลืมแนะนำคุณลุงเจ้าของที่พัก คุณลุงท่านนี้ชื่อ”จุมพล” เป็นคุณครูอยู่ที่เชียงราย คุณลุงก็เลยจัดแจงหามอเตอร์ไซค์ให้เราได้ 1 คันของลุงเอง ที่ใช้งานมาตั้งแต่สมัยสอนหนังสือตามหมู่บ้านชาวเขา ไม่ต้องบอกอายุอานามนะครับว่ากี่ปี และก็พาเราไปหาเช่ารถอีกคันให้เพื่อนสาว ช่างเป็นคุณลุงที่น่ารักจริงๆ บริการดีเยี่ยมจริงๆ แล้วเราก็ออกเดินทาง สู่อุทยานฯลำน้ำกกด้วยเส้นทางเลียบแม่น้ำกก ระหว่างทางเราเห็นป้ายบอกว่ามีต้นงุ้นยักษ์ งง ครับ ไม่เคยรู้จักมาก่อนว่าหน้าตาต้นงุ้นเป็นยังไง ต้องแวะไปชมสักหน่อย ป้ายบอกทาง ยังบอกว่ามีน้ำตกห้วยแก้ว อีก แวะเที่ยวให้หมด ไม่ได้มากันบ่อยสถานที่แบบนี้ แวะเข้าไปชมต้นงุ้นยักษ์ เป็นต้นใหม่ที่ใหญ่มาก จนหามุมถ่ายรูปไม่ได้เลย ถูกปกคุมไปด้วยต้นไม้เล็กๆ รอบๆ แล้วก็ย้อนออกมาจากเส้นทางเดิม มีทางแยกบอกว่าไปน้ำตกห้วยแก้ว เลี้ยวซ้ายตามป้ายบอก เส้นทางที่พาเราไปนี้มีทั้งเนินขึ้นที่แสนจะชัน และทางลงที่แสนจะหวาดเสียว น่ากลัวมากและไกล ไม่มีทีท่าว่าจะเจอน้ำตกสักที จนเพื่อนสาวเริ่มหงุดงิด แต่ขี่ไปได้ไม่น่านเจอหมู่บ้านแถวนั้น เห็นไร่ชา เป็นแนวขั้นบันได้ เลยจอดรถแวะพักเครื่องสักนิด เดินเก็บภาพไร่ชา สีเขียวตัดกับฟ้าสีครามสักหน่อย ได้การเลยสอบถามเส้นทางไปน้ำตกห้วยแก้ว กับชาวไร่ชาที่กำลังก้มหน้าทำงานกันอยู่ ชาวไร่บอกว่าไม่ไกลอีกนิดเดียว เดินอีกหน่อยก็ถึงแล้ว กับสำเนียงที่ฟังไม่ค่อยชัด แต่ก็พยายามจะบอกกับเรา เป็นมิตรภาพที่น่ารักดี (แอ๊ะ อีกหน่อยของชาวเขา เท่าไหร่หว่า 5555)
-
:o
-
;D :o
-
:o
-
:P :P
-
เอาๆๆ สู้ๆ มาตั้งไกลขนาดนี้แล้ว จะให้เสียเที่ยวมิได้ ต้องไปให้ถึงน้ำตกห้วยแก้ว ซิ ขี่รถกันต่อครับ ยังไม่ถึงน้ำตกห้วยแก้ว ไปได้สักระยะเห็นลาดจอดรถ มีป้ายชี้ทางไปน้ำตกห้วยแก้ว แต่ต้องเดินเท้าเข้าไปนะครับ เอาละซิครับ เดินไกลแค่ไหนอ่ะ จะเดินไหวป่าวอ่ะ 55+ เอาเดินก็เดิน เดินไปเรื่อยๆ ก็เจอน้ำตัวน้ำตก ชั้นแรก เก็บภาพบรรยากาศน้ำตก เสร็จเตรียมจะกลับลงไปที่ลานจอดรถ เจอน้องที่เชียงรายที่มาเที่ยวน้ำตกนี้เช่นกัน (ขอยกคำเพื่อนสาวที่เล่ามาบอกต่อนะครับ) “ปีนขึ้นเขาผ่านป่าไผ่พอเหนื่อย เราก็ถึงน้ำตก เราเจอนักศึกษาในเชียงรายกลุ่มนึง นั่งกินเบียร์กินเหล้าอยู่บนนั้น นึกถึงถนนหนทางที่เข้ามา แถมต้องปีนเขาขึ้นมาอีก เห็นถังน้ำแข็ง เห็นจำนวนเบียร์ที่พวกน้องๆ มันแบกขึ้นมาเราก็ได้แต่นึกในใจว่า เมิงพยายามกันจังงงงงง” 5555555 น้องๆกลุ่มนี้ยังบอกว่าพี่มีอีกชั้นนะครับ ตัวน้ำตกนี้ ไม่พลาดครับมาถึงขนาดนี้แล้ว จะเดินต่ออีกชั้นก็ต้องไป คงไม่มากันบ่อยๆ พลาดแล้วจะเสียดาย แต่เพื่อนสาวจะรออยู่ที่ชั้นนี้ บอกไม่ไหวแล้ว เราก็ช่างดีเหลือเกิน ทิ้งเพื่อนสาวให้รออยู่ที่ชั้นแรก เดินไปชมน้ำตกชั้นต่อไปอย่างไม่รีรอ แต่แล้วเพื่อนสาวก็เดินตามมา 555 ในใจนึกอยู่แล้วว่าจะต้องตามมา
-
:P
-
:D ; D เดินไปถึงตัวน้ำตกชั้นบน เจอพี่ที่เป็นไกด์ พาฝรั่งมาเที่ยว เราเลยสอบถามเส้นทางที่จะไปอุทยานฯลำน้ำกก ว่าไปทางไหนได้บ้าง พี่ไกด์เลยชี้เส้นทางนี้ใกล้ แต่ชันนิดหน่อย แต่ถึงเร็วแน่นอน เลยมุ่งหน้าออกจากตัวน้ำตก แวะหาอาหารปะทังชีวิต ด้วยก๋วยเตี๋ยวชาวบ้ายแถวนั้น สอบถามน้องๆ ชาวบ้านแถวนั้นที่นี้เรียกว่าหมู่บ้านอะไร เพราะป้ายบนน้ำตกบอกว่าดอยฮาง น้องคนขายบอกว่าชื่อหมู่บ้าน”อาข่า” ป่ะเดินทางกันต่อครับ อิ่มท้อง มีแรงแล้ว มุ่งหน้าไปอุทยานฯลำน้ำกกกันต่อ ขี่รถไปตามเส้นทางที่พี่ไกด์บอก ไม่ไกลเท่าไหร่ ก็ออกมาเจอถนนหลัก ผ่านบ่อน้ำร้อนผาเสริฐ เราไม่ได้แวะเข้าไป เพราะเห็นจากอัตรารถนักท่องเที่ยวจอด แล้วคงไม่แวะดีกว่า ขี่ไปอีกครู่เจอป้ายอุทยานแล้ว เย้ๆๆ ไม่หลงแล้วๆๆๆๆ ถึงอุทยานปุ๊บก็เดินสำรวจ ไปเรื่อย เจอนักท่องเที่ยวมาแคมป์ปิ้งอยุ่กลุ่มเล็ก มีบ่อน้ำร้อนภายใน อุทยานด้วย ที่พักของอุทยานก็น่าพัก บ้านหลังใหญ่ มีห้องรับรอง อยู่หลายหลัง วันนี้เราตั้งใจจะไปหาสะพานแขวนที่นั่งเรือผ่านมาเมื่อวาน เลยเดินไปถามทางพี่ เจ้าหน้าที่อุทยาน ว่าไปทางไหน อีกไกลไหม พี่เจ้าหน้าที่บอกไม่ไกล อีกแค่ 2 กม. เอง ก็จะเห็นแล้ว ออกเดินทางไปตามทางที่เจ้าหน้าที่บอก สักพักก็ถึงสะพานนั้น ถ่ายรูปกันเป็นที่ระทึกกันสักหน่อย เพราะเพื่อนสาวท่าทางจะกลัวสะพานนี้ เวลาขี่รถข้าม 555 ถ่ายรูปเสร็จ ก็ขี่รถข้ามสะพาน เพื่อนสาวใจเริ่มกลัวตก กลัวเอารถไม่อยู่ กลัวตกน้ำ ค่อยคลานมาทีละนิดๆ กว่าจะถึงอีกฝั่งเล่นเอาเหนื่อย ผิดกลับรถชาวบ้านอีกคัน วิ่งยังกะไม่อยู่บนสะพานไม้ซะอย่างนั้น เค้าบิดคันเร่งฟิ้วๆๆ ไม่กี่วิ ก็ถึงอีกฝั่งเจ๋งอ่ะพี่ แต่เพื่อนสาวผมคงทำใจอีกนานกว่าจะกล้าทำแบบพี่คนนั้น 555
-
??? :o ทางแบบนี้แหร่ะ คือทางของเรา 55+
-
::) :P
-
:o
-
:P
-
:P :P :P
-
:o ???
-
:P :P
-
ได้เวลาเข้าเมืองเชียงรายกันแล้ว แต่ไม่กลับทางเดิมนะครับ วิ่งเรียบแม่น้ำกก กลับเข้าเมืองเชียงรายกัน ก่อนจะกลับเข้าที่พัก แวะวัดสักการะวัดพระธาตุเขาควาย อยู่บนภูเขา มีจุดชมวิวเห็นตัวเมืองเชียงราย ในมุมกว้างจากวัดเขาควาย เดินทางต่อไปที่วัดพระธาตุดอยจอมทอง ซึ่งเป็นที่ตั้งของเสาสะดือเมืองของเมืองเชียงราย หลังจากนั้นก็กลับเข้าบ้านพัก เย็นแล้วคิดว่าคงไม่กลับเข้าเมืองอีก เมื่อเย็นวานที่เราเข้าไป เข้าบ้านพัก อาบน้ำกันนั่งคุยกับ คุณลุงที่บ้านพัก แชร์ประสบการ์ต่างๆนานา เรื่อยเปื่อย ฯลฯ
-
;D :D
-
::) ???
-
;D
-
:o ) ประวัติพระธาตุเขาควาย
-
พระธาตุดอยจอมทอง
-
เสาสะดือเมือง
-
เช้าอีกวันรุ่งขึ้น ต้องเดินกลับท่าตอนแล้วครับ ตอนนี้ละครับเริ่มจะสนุกขึ้นเรื่อยๆ โดยที่เราจะปรับเปลี่ยนการเดินทางกันเล็กน้อย ซึ่งขามาเชียงราย เราล่องเรือ มาจากบ้านท่าตอน มาถึงตัวเมืองเชียงราย แต่ขากลับไปบ้านท่าตอน เราจะมุ่งหน้าจากตัวเมืองเชียงรายด้วยรถสองแถว แต่ต้องนั่งรถ สองแถว 3 ต่อ จากตัวเมืองเชียงรายให้ไปถึงบ้านท่าตอน กันแล้ว โดยที่คุณลุงจุมพลมาส่งขึ้นรถ ที่ตลาด ข่นส่งเล็กๆในตัวเมือง เพื่อส่งเราขึ้นรถไปท่าตอนกัน คุณลุงเดินไปดูที่ท่ารถให้ว่ามีรถสายไหนบ้างที่จะไปท่าตอน สักพักคุณลุงก็เดินมาบอกว่า มีรถสองแถวสีเขียว วิ่งจากตัวเมืองเชียงรายไปแม่จัน โดยที่จะต้องไปลงที่ แม่จัน แล้วไปต่อรถที่นั้นอีกช่วง พวกเราขึ้นรถประมาณแปดเศษ ใช้เวลาไม่นานก็ถึงตัว อ.แม่จัน ลงรถกันก็ต่อรถ ณ ตรงนั้นเลย รถสีเขียววิ่งไป แม่จัน-กิ่วสะไต-แม่สลอง รอสัก 10 นาที รถก็ออกจากท่าไป กิ่วสะไต-แม่สลอง พอไปถึงแยกมาสลอง ก็ลงรถที่จุดนี้ แล้วก็ต้องต่อรถ ณ จุดนี้เพื่อไปบ้านท่าตอน แต่คราวนี้รถเปลี่ยนเป็ฯสีเหลือง รอไม่ถึง 10 นาที รถก็ออก เป็นรถสายแม่สลอง- ท่าตอน ใช้เวลา ค่ารถแต่ละช่วง 30 บาท เป็นอย่างนี้กับรถทุกสาย รอต่อรถประมาณ 10 นาที รถก็ออก แต่ออกจากท่ารถแม่สลองท่าตอนได้นิดเดียว มีเรื่องให้น่าตื่นเต้น 5555 เลี้ยวออกจากท่ารถมีด่าน ก็มีด่านตรวจบัตรประชาชน เพื่อนสาวเราไม่มีบัตรไม่ใช่ประเด็น แต่ประเด็นกลับกลายเป็นที่ตัวเราเองที่ บัตรดันไปมียศ. มีตำแหน่ง โดนคุณพี่ ตร. เรียกลงไปตรวจฉี่ ไปคุย สอบถาม ทำงานไร มี ยศ มีตำแหน่งได้ไง คุณตำรวจคงสงสัยว่ามียศมีตำแหน่ง ทำไมดูหน้าเหมือนโจร 55 ใช้เวลาไม่นาน ก็เดินกลับมาขึ้นรถด้วยความ งง งวย ว่าพี่ครับ พี่ตัดสินคนที่หน้าจริงๆ เหรอ พี่พลาดไรไปหรือเปล่าครับ ช่างเถอะ เราก็ขึ้นลงรถ 3 ต่อแบบนี้ไปถึง บ้านท่าตอนกัน ถึงบ้านท่าตอนช่วงเที่ยงพอดิบพอดี มีตลาดนัดด้วย วันที่เราเดินทางไปถึง สอบทางชาวบ้าน ได้ความว่ามีทุกวันจันทร์ตลาดนัดที่นี้ เลยได้มีเวลาเดินดูตลาดนิดหน่อย ก่อนเดินเข้าไปเอารถในรีสอร์ท ออกมาแวะกินข้าวแถวตลาดนัด และเริ่มออกเดินทางมุ่งสู่เชียงใหม่ เพราะต้องกลับไปทำบุญกับที่บ้านช่วงปีใหม่ ขากลับเข้าเชียงใหม่เริ่มสังเกตุได้ว่านักท่องเที่ยวเริ่มจะเยอะขึ้นเรื่อยๆ แล้ว เริ่มที่จะแย่งกันกินแย่งกันใช้ซะแล้ว หนีดีกว่าเรา วิ่งออกจากบ้านท่าตอนมาเรื่อยๆ แวะพักเป็นระยะๆ ยิ่งช่วงใกล้ตัวเมืองเชียงใหม่เข้าไปทีไร รถเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ ไม่ชอบก้อีตรงนี้แหร่ะ แต่ก็เป็นอีกทริปที่ประทับใจ ได้เอาหน้าไปปะทะลมเย็นๆ เห็นวิวสวยๆ ท้องฟ้า มวลเมฆ ที่ลอยเหนือยอดเขา ทริปนี้ดูจะไม่เร่งรีบอาจจะเพราะผู้ร่วมเดินทางมีน้อย เพียงแค่ 2 คน เท่านั้น ที่ชอบการเดินทางแบบนี้ เดินทางง่ายๆ ไม่เร่งรีบ ไม่มีใครเรื่องมาก อยากอยู่เที่ยวต่ออีคืนก็อยู่เที่ยวต่อ คุยกันง่าย ไปกันเรื่อยเปื่อย ไม่มีแพลนรัดตัว ครั้งนี้เพื่อนสาวที่ร่วมเดินทางไปด้วย คงเข้าใจแล้วว่าทำไมผู้ชายที่บางคนถึงหลงไหลการขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวกันนัก เพราะสวรรค์อยู่ตรงหน้าคุณนี่เอง
-
:P
-
8)
-
8)
-
จบทริปโดยสวัสดิ์ภาพ
ทิ้งท้ายช่วยกันรักษาเมืองไทยให้สวยงามต่อไปครับ
-
จบทริปโดยสวัสดิ์ภาพ
ทิ้งท้ายช่วยกันรักษาเมืองไทยให้สวยงามต่อไปครับ
สุดยอดมากครับ มีคำถามนิดครับ ภาพนี้ถ่ายด้วยเลนส์ตัวไหนครับ เทเลตัวเดิมหรือเปล่า ซูมเยอะดีจัง
-
จบทริปโดยสวัสดิ์ภาพ
ทิ้งท้ายช่วยกันรักษาเมืองไทยให้สวยงามต่อไปครับ
สุดยอดมากครับ มีคำถามนิดครับ ภาพนี้ถ่ายด้วยเลนส์ตัวไหนครับ เทเลตัวเดิมหรือเปล่า ซูมเยอะดีจัง
ป่าวครับ เลนท์คิท ธรรมดานี่แหล่ะครับ 18-55