Touronthai Forum สนทนาประสาเที่ยว
หมวดหมู่ทั่วไป => แชร์ประสบการณ์/โพสต์รูปประทับใจ => ข้อความที่เริ่มโดย: jeab ที่ ธันวาคม 18, 2012, 09:27:33 PM
-
ไปสมุยในช่วงที่หลายๆ คนบอกว่าไม่ควรไป
ทำอะไรลำบาก
แต่อีกหลายก็บอกว่าไปเห๊อะ
สมุยไฟดับทั้งเกาะสองสามวันอย่างนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ
สองจิตสองใจ เพราะ ณ เวลาที่นั่งคิด ไฟมันยังไม่มา
สัมภาษณ์คนใหญ่คนโตเค้าก็บอกว่าจะทำให้แล้วเสร็จในวันพรุ่งนี้ (วันศุกร์ที่ 7 เช้าวันที่เราเดินทาง)
แต่โทรไปถามที่โรงแรม เค้าบอกว่า "อาจจะ" วันเสาร์
มาได้ แต่ต้องทำใจไว้ด้วยว่าคงจะไม่สะดวกสบายอย่างที่คิด
-
ความจริงเราโทรไปเลื่อนโรงแรมในตอนเย็นย่ำก่อนเดินไม่กี่ชั่วโมง
แต่พอสี่ห้าทุ่มหลังจากมีลมใต้ปีกช่วยพัดพา ช่วยยุ ช่วยผลักไส
เราก็ตัดสินใจเริ่มลงมือเก็บของลงกระเป๋า
เพราะตั๋วเครื่องบินเราเช็คอินไปแล้วเลื่อนไม่ได้ ถ้าไม่ไปก็ต้องทิ้ง
เลยยังไปได้อยู่
ออกเดินทางเช้าตรู่ บินถึงสุราษฎร์โทรหาโรงแรม
บอกว่าที่โทรมาเลื่อนไม่เลื่อนแล้วนะ
ตอนนี้อยู่สุราษฎร์แล้ว กำลังเดินทางไปท่าเรือ
พนักงานโรงแรมก็คงงงๆ กับเราอยู่เหมือนกัน
เดี๋ยวจะมา เดี๋ยวจะไม่มา อีนี่คงสับสนในตัวเองไม่น้อย
ความจริง การตัดสินใจว่าจะไม่มาในครั้งแรก
ก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องความไม่สะดวกสบายเท่าไหร่ ...เรื่องพวกนั้นทนได้อยู่แล้ว
สิ่งที่กังวลเวลาเดินทางคนเดียวเป็นเรื่องความปลอดภัย
เที่ยวคนเดียว ทัวร์คนเดียว สบายมาก
การอยู่คนเดียวไม่เคยเป็นอุปสรรคในการหาความสุขใส่ตัวอยู่แล้ว
กลัวและกังวลมากในการเดินทางคนเดียวคือตอนนอน
เลยเลือกที่พักที่ดูโอเคหน่อย เลือกทำเล เลือกสิ่งแวดล้อม ดูว่าปลอดภัย
เพราะอย่างน้อยเราจะได้ไม่ต้องนอนอย่างหวาดระแวง
ที่นี้ถ้าสมุยไม่มีไฟ... มาคนเดียว ต้องนอนเปิดหน้าต่างเปิดประตูรึเปล่า จะนอนได้ยังไง นอกจากจะร้อน ยังต้องระแวงคนอีก
แต่โชคดี
เช้าวันที่เดินทางมาถึงสมุย น้ำก็ไหล ไฟก็สว่างหมดแล้ว
... ช่างเป็นคนโชคดีจริงๆ เล้ย
555
-
อ้อ ลืมบอกไป
เพื่อเป็นการประหยัดงบ ไปสมุยครั้งนี้เราบินโดยแอร์เอเชีย ตามสโลแกน everyone can fly
ก็ตั๋วไปลงสมุยเลยมันแพง ไม่สามารถ
เดินทางคนเดียว ต้องจ่ายค่าห้องคนเดียวไม่มีคนมาหารก็แพงอยู่แล้ว
ให้จ่ายค่าตั๋วลงสมุยอีกเห็นจะต้องงดทริปอื่นอีกหลายทริป
คิดได้ดังนั้นก็เลือกแอร์เอเชียโลดดดดดด....
แค่บินลงสุราษฎร์เที่ยวนี้เรายังว่าแพง
เพราะส่วนมากแอร์เอเชียเราจองข้ามปี บินถูก
บินแต่ละครั้งสามร้อยห้าร้อยทั้งนั้นแหละถ้าเป็นในประเทศ
หรือต่อให้แพงสุดก็ไม่เกินพัน
แต่ครั้งนี้ไปกลับตั้งเกือบสามพัน
เพราะเป็นโปรแกรมฉุกเฉินแทรกเข้ามา
เนื่องจากเราเป็นเหยื่อโฆษณาของเอ็นโซโก้ที่ขายดีลโรงแรมบนเกาะสมุยในราคาล่อใจ
คือต้องบอกว่า เวลาเราจองอะไรพวกนี้ เราคิดโจทย์ไว้ก่อนเลยว่า หากไม่มีใครไปกับเราล่ะ
ค่าโรงแรมเท่านี้เราจ่ายไหวไหม ถ้าคำตอบว่าไหว จองเลย
หลังจากจองแล้วค่อยป่าวประกาศหาเพื่อนร่วมทาง
ถ้าเพื่อนว่างไปด้วยก็ไป ไม่ว่างก็ไม่เป็นไร ไปคนเดียวได้
หลังจากจองห้องพักไปสองสามเดือน ป่าวประกาศไปยังเพื่อน
ก็ไม่เห็นมีใครตอบตกลงว่าจะไปกับเรา สรุปว่าต้องไปคนเดียว
โอเค คนเดียวก็คนเดียว
เคยมีคนเค้าบอกว่า
"เป็นเรื่องน่าเศร้าจะตาย ถ้าความสุขของคนเรา ต้องขึ้นอยู่กับเท้่าของคนอื่น"
ว่าแล้วก็เก็บกระเป๋าโลดดดดด
เราบินเที่ยวเช้า บนเครื่องแอร์เอเชียจะมีขายตั๋วรถไปท่าเรือดอนสัก + เรือไปสมุย
ในราคา 350 บาท
แนะนำว่าให้ซื้อเลยค่ะ ถูก
เพราะขากลับเราซื้อเองจากบริษัททัวร์บนเกาะสมุย 400 บาทแน่ะ
แล้วก็สะดวกสบาย ลงจากเครื่องเดินขึ้นรถทัวร์ได้เลย
รถไปส่งท่าเรือ
เวลาต่อรถ ต่อเรือรวมๆ แล้วก็สามชั่วโมงกว่าๆ
ใครไปเครื่องบินแนะนำว่าบินไฟล์ทเช้าดีกว่านะคะ
เผื่อเวลาไว้เยอะๆ
ไปถึงที่พักเที่ยงๆ เราจะได้มีเวลาทัวร์เมืองสมุยในยามเย็นได้อีกวัน
อันนี้เป็นที่พักของเรา บ้านหินทราย รีสอร์ทแอนด์สปา อยู่เฉวงน้อย
อยู่ห่างจากเฉวงประมาณสองสามโล โรงแรมมีรถรับส่งไปเฉวงวันละสามรอบ
อยู่ห่างจากละไม 8-10 โล
ถ้าใครชอบที่สงบเงียบ ไม่พลุกพล่าน แนะนำค่ะ
แต่ถ้าใครชอบแสงสี อาจจะไม่ชอบ
เพราะเดินทางไปไหนลำบาก
แต่โรงแรมมีบริการรถมอร์เตอร์ไซค์ให้เช่าค่ะ
เราจองห้องจากเอ็นโซโก 3 คืน
ในราคาคืนละไม่ถึงพัน ห้องเตียงคู่ (ตอนจองยังหวังว่าจะมีคนมาด้วย...55)
รวมอาหารเช้าด้วยนะ
-
เดินทางคนเดียวบ่อยขึ้น
เริ่มรู้สึกว่าความหวาดระแวงน้อยลง
มีความสุขกับการเดินทางมากขึ้น
เริ่มมองเห็นอะไรเยอะขึ้น
ที่เห็นได้ชัดก็คือ
คุยกับคนเยอะขึ้น ฟังคนอื่นเยอะขึ้น
ทั้งๆ ที่แต่ก่อนไม่
เวลาเรามากับเพืี่อน เราจะไม่ค่อยสนใจใคร
เราก็จะคุยแต่กับเพื่อน ฟังแต่เพื่อน
พอมาคนเดียวปั๊บ
ไปไหนๆ อะไรไม่รู้ถามมันดะไปหมด คุยกับคนไปเรื่อยเปื่อย
ทำหน้าตาเป็นมิตรสุดฤทธิ์
ทั้งที่จริงๆ แล้วเป็นคนหน้าตาไม่รับแขกเท่าไหร่
แต่โดยมากแล้ว พนักงานโรงแรม คนขับรถ ไกด์ คนท้องถิ่น
ก็มักจะมองคนเดินทางคนเดียวอย่างเอ็นดูปนสงสาร
กลัวเราเหงา ไม่มีเพื่อน ซึ่งส่วนมากก็จะดูแลเท็คแคร์ ให้คำแนะนำโน่นนี่นั่นเราดีมาก
และครั้งแรก ร้อยทั้งร้อยคนเหล่านั้นก็มักจะมองเราว่าเป็นคนสิงคโปร์ จีน เกาหลี
หรืออะไรเทือกๆ นี้ ก็จะสปีค อิงลิช กับเราก่อน
จนเราตอบเป็นภาษาไทยนั่นแหละจึงจะถึงบางอ้อ
และตามมาด้วยคำถามว่าทำไมถึงมาคนเดียว
...แต่สงสัยจัง.... ทำไมหลายๆ คนคิดว่าคนเที่ยวคนเดียวเป็นคนเพิ่งอกหักมานะ 55
-
เที่ยงกว่าเราลงเรือที่ท่าเรือหน้าทอนเกาะสมุย
หารถสองแถววิ่งมาส่งเฉวงน้อย (แท็กซี่บนเกาะราคาแพงมาก ไม่สามารถ)
ด้วยความหิว เพราะออกจากบ้านตั้งแต่ตีห้าเพื่อที่จะบิน 7 โมง
ข้าพเจ้าวางกระเป๋าหน้าฟรอนท์แล้วพุ่งตรงไปกินข้าวก่อนเป็นอย่างแรก
เห็นพนักงานบอกว่ามีรถรับส่งเฉวงเที่ยวสุดท้ายของวันตอนสี่โมงเย็น แต่ต้องจองก่อน 1 ชม. เลยจองไว้เลย
ไปเดินเล่น กะว่ากลับมาห้าหกโมงเราก็แวะที่จุดชมวิวที่อยู่ระหว่างเฉวงน้อยกับเฉวงซะเลย
แต่ว่า หลังรถไปส่งที่เฉวงต่อสี่โมงเย็น หลังจากเดินเล่น แวะกินไอติม
ออกมาเดินดูโน่นนี่นั่น ข้าพเจ้าก็ออกมามองหารถสองแถวเพื่อจะโบกไปจุดชมวิวที่ว่า
รอพักใหญ่ ไม่มีรถมาซะที เลยเรียกมอร์เตอร์ไซค์ไปส่งซะเลย ไม่ถึงสามโลตั้ง 80 บาทแน่ะ แพง
ที่ไม่อยากเช่ารถมอร์เตอร์ไซค์ที่รีสอร์ทตั้งแต่วันแรกเพราะเรามาถึงก็เที่ยงแล้ว
แถมพรุ่งนี้เช้ามีแพลนไปทัวร์หมู่เกาะอ่างทองอีก ... ไม่คุ้ม เลยไม่เช่า
ไม่รู้คิดถูกคิดผิดแฮะ..
เนื่องจากพระอาทิตย์ไม่ได้ตกด้านนี้ เราก็เลยได้แต่แสงเรื่อเรืองแบบนี้
-
ที่พักน่ารักจัง พระอาทิตย์ตก แสงสวยนุ่มดี อบอุ่นจัง
-
ขอบคุณค่ะพี่ใจ
;D
มาต่อๆ
หลังจากแวะจุดชมวิวแล้วเราก็ออกมารอรถริมถนน
แต่ว่า ใกล้มืดแล้ว รถสองแถวไม่มีผ่าน
เลยเดินขึ้นมาที่พัก
มันไม่ไกลนะ แต่ไม่มีฟุตบาทให้เดิน
แล้วเป็นทางโค้งขึ้นเขาที่มีราวกั้น
ดูน่ากลัวรถมากกว่ากลัวความมืดที่กำลังจะมาเยือน
แต่เดินสวนกับฝรั่งผู้หญิงอีกคนเลยใจชื้นขึ้น ว่าก็มีคนเดินเหมือนกัน
เดินแป๊บเดียวถึงที่พัก ถามโรงแรมเรื่องทัวร์หมู่เกาะอ่างทองพรุ่งนี้
โรงแรมแจ้งว่าถ้าเอาพายเรือคายัคด้วย 1,750 บาท
ยังไม่ตกลงใจ ขอโบรชัวร์มาดูต่อในห้องพัก หาข้อมูลในเนท เห็นมีที่ราคา 1,500
และเห็นที่โบรชัวร์มีเบอร์โทร เลยโทรไปถามเอง ได้มาที่ราคา 1,300 เลยจองเลย
นัดมารับเจ็ดโมง พอเย็นๆ เพื่อนที่ทำบริษัททัวร์ให้ให้ติดต่อเพื่อน ได้ราคาที่ 1,200 สปีดโบ๊ท
แต่ไม่อยากโทรไปยกเลิก เลยเอาที่ 1,300 นั่นแหละ ไม่เป็นไร
เย็นนี้ไม่กินอาหารเย็น เพราะไปเดินเฉวงกินอะไรมาเยอะแยะและซื้อขนมติดมือกลับเข้ามา
บรรยากาศรีสอร์ทยามค่ำคืน
-
เช้าขึ้นมาอีกวัน
เราก็ตื่นแต่เช้ามากินอาหารเช้า
เพราะอาหารเช้าที่นี่เริ่มตั้งแต่ 6 โมง (ไม่เคยกินข้าวเช้าขนาดนี้มาก่อนเลยให้ตายสิ)
รถมารับเจ็ดโมงนิด พาเราไปร่วมขบวนกับเพื่อนร่วมทัวร์อีกเยอะแยะ
ส่วนมากเป็นฝรั่ง มีคนไทยนิดหน่อย
กว่าเรือจะได้ออกจากท่า ก็เก้าโมงกว่า
ฟังไกด์แจงรายละเอียด
จุดแรกที่เราจะมุ่งไปคือเกาะวัวตาหลับ
เนื่องจากบนเรือลำนี้จะมีคนซื้อแบบไม่พายคายัคด้วย พวกนี้ก็จะนั่งเรือไปจนถึงเกาะ
ส่วนพวกที่ซื้อแบบรวมเรือคายัค เราจะต้องลงก่อนถึงและพายเรือเลาะฝั่งเข้าไป ใช้เวลาประมาณ 45 นาที
(แปลกใจจัง คนไทยที่มาทริปนี้ไม่มีใครลงพายเรือเลย)
พอได้ระยะ เค้าก็เริ่มปล่อยเราลงเรือ
ลงเรือปุ๊บ ก็ตั้งรวมตัวกันฟังไกด์ชาวเยอรมันบรรยายภาษาอังกฤษก่อน
(แต่เป็นชาวเยอรมันที่พูดใต้ได้เก่งมากกกก)
-
เนื่องจากว่าเรามาคนเดียว
ตอนแรกไกด์ถามว่าเราพายคนเดียวได้ไหม
ตอบอย่างมั่นอกมั่นใจว่าสบายมาก
แต่ไกด์คงไม่เชื่อ
หายไปพักใหญ่ ไปหาหนุ่มเนเธอแลนด์ซึ่งมาคนเดียวมาเป็นคนคัดท้ายให้เราซะงั้น
เราบอกหนุ่มเนเธอแลนด์ที่ว่า เราพายไม่เก่งนะ (ออกตัวไว้ก่อน 55)
เค้าบอกว่า ไม่เป็นไร
แต่พอขึ้นฝั่งเค้าบอกว่าเธอแข็งแรงมาก
ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี
หนุ่มขวามือสุดคือคนคุมหางเสือให้เรา...อิ อิ
-
แล้วเราก็พาย พาย พาย
-
ถึงเกาะวัวตาหลับก็ลากเรือมาพักไว้ แล้วเดินขึ้นจุดชมวิวดูลากูน
-
มองจากยอดวัวตาหลับด้านฝั่งที่เราเดินขึ้นมา
-
พอเดินขึ้นจุดสูงสุดถ่ายรูปเรียบร้อย
เราก็ต้องเดินลงมาดูลากูนในระยะประชิด
เพื่อที่จะปีนกลับขึ้นไปอีกครั้ง
T_T"
-
ข้อดีของการเดินทางคนเดียวอีกอย่างคือได้ฟังมากขึ้น
เวลาไปทัวร์ ลูกทัวร์ส่วนมากเป็นฝรั่ง
คนไทยถ้ามีก็จะมาเป็นคู่ เป็นกรุ๊ป และมักไม่ค่อยสนใจคนอื่น
มักจับกลุมคุยกันเองมากกว่าเราซึ่งเดินทางคนเดียวก็จะได้โอกาสนั่งเงียบๆ ฟังฝรั่งคุยกัน (ตามสภาพคนที่รู้ภาษาอังกฤษงูๆ ปลาๆ อย่างเราจะเข้าใจได้) คนไทยคุยกัน
เรื่องโน้นเรื่องนี้เรื่องนั้น ก็สนุกดีไปอีกแบบ
อย่างวันนี้ตอนไปทัวร์หมู่เกาะอ่างทอง
ฟังฝรั่งสอนฝรั่งด้วยกันพูดภาษาไทยจำพวกคำทักทายพื้นฐานทั่วไป...
ฝรั่งที่ถูกสอนบอกว่า เมื่อคืนมีผู้หญิงไทยสอนฉันมาหลายคำ
แต่กลังจากดริงค์ที่สอง ฉันก็ลืมไปหมดแล้ว...ฟังแล้วก็ขำตามเค้าไปด้วย
หรือตอนนั่งเรือขากลับ มีเสียงเด็กร้องดังและนานมาก
ฝรั่งผู้หญิงข้างเราทำท่าบอกแฟนตัวเองว่า จับโยนลงทะเล
พอดีหันมาเห็นเรานั่งยิ้ม เธอรีบบอกว่า ฉันล้อเล่นนะ... เลยนั่งขำกันใหญ่
อีกอย่าง
การเดินทางคนเดียวบ่อย
เลยทำให้ติดนิสัยเปิดไฟนอนมาด้วย
ทั้งที่อยู่ที่บ้าน ถ้าในห้องสว่าง ไม่ปิดไฟ จะนอนไม่ได้
ง่วงแค่ไหนเหนื่อยแค่ไหนก็ไม่หลับ
แต่พอเดินทางคนเดียวปุ๊บ
เริ่มติดนิสัยเปิดไฟนอน
เปิดไฟไม่พอ เปิดทีวีด้วย
เรื่องของเรื่อง
กลัวทั้งคนและผี เลยเปิดทีวีและไฟเป็นเพื่อน
555
-
หลังจากแวะชมวิวที่เกาะวัวตาหลับ
เราก็ลงเรือใหญ่ ทานข้าวบนเรือ
แล้วก็มุ่งสู่เกาะที่เป็นที่ทำการของหมู่เกาะอ่างทอง
(สงสัยไหมว่าทำไมอาหารทัวร์ชอบมีผัดเปรี้ยวหวาน ฝรั่งเค้าชอบผัดเปรี้ยวหวานกันมากจริงๆ เหรอ)
-
พอถึงเกาะ นัดแนะเวลากลับ
เราก็แยกย้ายกันไป
ใครใคร่เล่นน้ำเล่น ใครใคร่ตะกายเขาขึ้นไปชมวิวหมู่เกาะอ่างทองก็ไป
ระยะทางแค่ 500 เมตรเอ๊ง
(แต่เป็น 500 เมตรที่ไกลและชัน chip เป๋ง)
ซึ่งแน่นอนว่าผู้หญิงถึกอย่างเราเลือกปืนเขาขึ้นไปดูวิว
เค้าบอกว่าขึ้นใช้เวลา 45 นาที
แนะนำว่าถ้าใครเลือกปืนเขาเหมือนกัน ติดรองเท้าผ้าใบมาเปลี่ยนจะดีมาก
เพราะทางชันเป็นหินแหลมคมอยู่เหมือนกัน
ใส่รองเท้าแตะอาจจะไม่ถนัดนะค๊าาาา
นี่จุดชมวิวที่ 100 เมตร (เราว่าสวยสุดนะ)
-
ตามมาด้วยจุดชมวิวที่ 200 เมตร (ใครมีแรงแค่ไหนขึ้นแค่นั้น)
-
ต่อด้วยจุดชมวิว 350 เมตร (เริ่มมีอาการหอบสุดๆ)
-
สุดดดดดท้ายยยยย (เิริ่มเสียงสั่น)
ยอด 500 เมตร
ไชโย !!!!!!!!!
เราทำได้
ว่าแล้วก็นั่งพักหอบหายใจไปหลายนาที ก่อนจะลุกขึ้นมาถ่ายรูปเป็นที่ระทึก
-
แม่นางเป็นเพื่อนร่วมทริป ที่ยืนมาหยุดตรงหน้าเรานั่งหายใจหอบ
เท่เนอะ
:o
-
หลังจากลงมาจากยอดชมวิวสูงสุด
เราก็ลงมานั่งเล่นกินกาแฟเย็นดูคนเล่นน้ำ
-
ว้าว.ว้าว...ว้าว วิวสวย ทะเลเขียว ฟ้าใส ดี ดี อยากไปมั่งจัง ทีนี้ได้รู้ว่าเวลาไปสมุย ต้องไปเที่ยวเกาะอื่นๆ ด้วย เพราะเคยไปก็เที่ยวแต่บนเกาะ เลยไม่ได้เห็นวิวสวยๆ แบบนี้้เลยอ่ะ
-
มองฟ้า มองน้ำ
-
ฟ้าไส ทะเลสวย
-
หลังจากนั้น สามโมงครึ่ง ก็ได้เวลาเรียกขึ้นเรือเดินทางกลับ
คนที่พายเรือคายัคเข้ามาก็ต้องพายกลับไป
พวกนั่งเรือหางยาวเข้ามาก็ต้องออกไปเพื่อขึ้นเรือใหญ่
ขากลับเป็นช่วงที่ทุกคนแบตหมด
นั่งกันเงียบ มองฟ้ามองน้ำ
หรือไม่ก็นอน
แม่สาวคนนี้เราอยากคุยด้วยมาก
เธออ่านหนังสือเล่มเดียวกับที่เราเคยอ่านเมื่อหลายปีที่แล้ว
เวลาเจอใครอ่านหนังสือเล่มเดียวกับเรา
อยากคุยกับเค้าไปหมด
แต่เธอก็นั่งก้มหน้าก้มตาอ่านไม่สนใจใครเลย
ไม่เงยหน้าขึ้นมาสบตามเราสักนิด
:(
-
ต่างคนต่างอิริยาบถ
-
ถึงท่ามีรถตู้มารอรับเราส่งที่พัก
ขากลับเราได้วนกลับอีกทาง
สรุปว่าวันนี้ได้นั่งรถรอบเกาะสมุย 1 รอบ
ตอนเข้าเค้ามารับเราเป็นคนแรก ขากลับส่งเราเป็นคนสุดท้าย
ดีๆ ชอบๆ ได้มองวิวมองอะไรเพลินๆ
อ้อ เราลืมพระอาทิตย์ยาวเช้าได้อย่างไร
อยู่นี่ 3 คืน เราตื่นเช้าไปดูพระอาทิตย์ทุกวัน
เป็นวิวจากร้านอาหารของรีสอร์ท
ตอนเช้าเงียบมาก ไม่มีใครเลย
อาหารเช้าเค้าเตรียมอยู่ที่อีกร้านอยู่ข้างบน
ร้านอาหารนี้เปิดเฉพาะตอนเย็น
-
ขออีกหน่อยนะ
ก็มันตั้ง 3 เช้า
-
เช้าอีกวัน วันนี้ตั้งใจเช่ามอร์เตอร์ไซค์ขี่ทัวร์รอบเกาะ
แดดร้อนมาก กลับมาตัวเกรียมกันเลยทีเดียว
แต่ให้เลือกระหว่างเที่ยวตัวดำกับอยู่ในห้องสวย
เราเลือกตัวดำนะ ... สวยไปก็เท่านั้น 5555
เริ่มจากเช่ารถที่โรงแรม
ออกจากโรงแรมยังไม่ทันจะหายใจทั่วท้อง
ก็เจอรถมอร์เตอร์ไซค์พุ่งเข้าชนรถปิกอัพแบบถนัดถนี่
ก็มอร์เตอร์ไซค์เล่นแซงไม่ดู
เค้าเปิดไฟเลี้ยวมาตั้งไกล
ฝั่งตรงข้ามนอกจากเราก็ไม่มีรถคันไหน
แน่นอนว่าเค้าต้องเลี้ยว
พี่แกพุ่งเข้าใส่รถปิกอัพแบบเร็วมาก
ตั้งแต่นั้น ราตรีขับมอร์ไซค์ด้วยความเร็ว 30 กม/ชม. ไปท้างวัน
สยองงงง
แวะจุดแรก หินตาหินยาย
เนื่องจากเพื่อนปุ้ยบอกไว้ว่าต้องไปแต่เช้าถึงจะถ่ารูปได้ ไม่ย้อนแสง
เราเลยไปถึงตั้งแต่ยังไม่เก้าโมง
เจอกลุ่มนักท่องเที่ยวไทยสี่ห้าคน
ซึ่งเป็นคนใต้กำลังถ่ายรูปกันอยู่
พอเราโผล่ไปถึง คุณพี่ผู้ชายถามว่ามาคนเดียวเหรอ
พอเราตอบค่ะ พี่แกก็ขมีขมันอาสาถ่ายรูปให้ อาการแบบว่าอยากช่วยจริงๆ อาศัยถ่ายรูปให้ทุกมุม น่ารักมาก
พอกลุ่มพี่คนนี้เดินจากไป มีพี่ผู้ชายอีกคนนึง เดินอยู่แถวๆ นั้นก็อาสามารับช่วงต่อ
แนะนำว่าถ่ายมุมนั้นสิ มุมนี้สิ
พร้อมบอกว่าไอ้ข้างบนเดินขึ้นไปนิดนึงนี่ไม่ต้องเดินขึ้นไปนะ วิวเดียวกันเด๊ะ เก็บสิบบาท ไม่รู้เก็บได้ไง ที่ก็ไม่ใช่ของตัวเอง
แล้วพี่แกก็ถามต่อว่าเราจะไปไหนอีกวันนี้ บอกแกไปว่าเราจะไปเจดีย์แหลมสอ
แกก็บอกทางให้ พร้อมให้เดินตามมาที่รถมอร์ไซค์แกที่จอดอยู่ เปิดเบาะรถหยิบแผนที่มาอธิบาย เรียบร้อยแล้วแกก็ยกแผนที่ให้
บอกว่าเอาไปดู เราบอกขอบคุณพร้อมบอกแกว่ามีแล้ว หยิบมาจากโรงแรม
แกก็บอกว่าของแกเป็นภาษาไทย ดูง่ายกว่า เอาไปเหอะ
เรียบร้อยแล้วแกก็บอกว่า จดเบอร์พี่ไว้ด้วย หลงทาง มีปัญหา รถล้ม รถเสีย น้ำมันหมด โทรหาแกได้ ไม่ต้องเกรงใจ มาเที่ยวคนเดียวอยากให้สนุก ....
โหย ... อยู่สมุยมา 3 วันแล้ว เจอแต่คนดีมีน้ำใจทั้งนั้นเลย
บอกแล้วว่าการไปไหนมาไหนคนเดียวมันไม่แย่นะ
ถ้าเราเปิดตา เปิดใจสักหน่อย
อันนี้หินตา
-
หารูปหินยายไม่เจอ
ขอติดไว้ก่อนนะ
เดี๋ยวตามมาแปะ
หุ หุ
-
ขอโพสต์รูปตัวเองหน่อย
มีแค่ตรงนี้แหละเพราะมีคนอาสาถ่ายให้
ฮี่ ฮี่
-
ต่อจากหินตาหินยายเราก็แว๊นต่อไปเจดีย์แหลมสอ อยู่ห่างจากหินตาหินยาย-หาดละไมอยู่อีกหลายโลเหมือนกัน
แยกออกจากถนนใหญ่มาพอประมาณจนเราคิดว่าเราคงเลยมาแล้ว
จอดแวะถามคุณป้าร้านขายของข้างทางก็บอกว่าตรงไปอีกนิด เกือบถึงแล้ว
เย้ ดีใจจัง
วันนี้ยังไม่หลงทางเลย
-
อีกรูป
-
ฟ้าเป็นฟ้า
ถ่ายรูปออกมาสวย
แต่ตูนี่สิ ถ่ายรูปออกมาดำ
หุ หุ
-
ออกจากเจดีย์แหลมสอเราก็ไปต่อที่น้ำตกหินลาด
...เอิ่ม.. ติดรูปไว้ก่อนนะคะ
-
ออกจากน้ำตก เราก็วนมาท่าเรือหน้าทอน เพื่อจะอ้อมเป็นวงกลมไปยังวัดพระใหญ่
พาหนะเราเอง ถ่ายที่ท่าเรือหน้าทอน
เราแวะไปเรื่อยแหละ
-
หลังวัดพระใหญ่ติดทะเล มองได้สุดลูกหูลูกตา
แต่ไม่ยักมีใครเดินอ้อมมาด้านหลังปฮะ
-
ชมทะเลด้านหลังเสร็จ
เดินกลับมาข้างหน้า
ขึ้นไปไหว้พระ
เสร็จแล้วก็หมายความว่า เรามาถึงสมุยแล้ว (เย้)
-
เดินลงมาหลังจากไหว้พระเสร็จ เวลาบ่ายโมงกว่า
อากาศร้อนมากกกกก
แดดก็เปรี้่ยงมากกกกก
ตอนขี่รถเข้ามาข้าพเจ้าเห็นร้านไอติมอยู่ข้างหน้า
เลยเดินไปร้านไอติม รู้ว่ายี่ห้อนี้มันแพง (ถึงจะอร่อยก็เหอะ)
ยอมจ่าย เพื่อหลบร้อนเข้าห้องแอร์
-
เที่ยวมาครึ่งค่อนวันแล้ว
อะไรๆ ก็ดีไปซะหมด เจอคนดีๆ น่ารักแนะนำโน่นนี่นั่น
ขี่มอร์ไซค์ก็ไม่หลง เลี้ยวถูกทุกแยกทุกซอย ไม่ต้องขับวนไปวนมา
ว่าไปแล้ว อะไรๆ ในทริปนี้มันช่างสมูทไปซะหมด
จนคนวิตกจริตอย่างข้าพเจ้าเริ่มมีอาการไม่ไว้ใจ
เริ่มสงสัยว่าอะไรๆ ที่เป็นอยู่มันดีเกินจริง และมันอาจจะไม่จริง
หรือมันอาจจะมีอะไรร้ายๆ รอเราอยู่
เฮ้อ...ตรูเป็นคนดาร์คจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย
-
ออกจากร้านไอติม วันนี้ตั้งใจจะไปกินข้าวที่ร้านเสบียงเล
ที่เห็นใครต่อไครในเนทร่ำลือกันนักว่าอร่อย
แต่เราต้องขับรถเลยที่พักเราไปยังหาดละไม
...อาหารก็อร่อยอย่างที่เค้าร่ำลือกันจริงๆ ลูกค้ามาก เยอะตลอดเวลา
เสียดายว่าไปคนเดียว เลยสั่งอาหารได้ไม่เยอะ
มีอะไรตั้งหลายอย่างที่อยากลอง
ปีนี้ลงใต้หลายรอบ ถ้ามื้อไหนมีอาหารใต้ให้เลือก เลือกเป็นอย่างแรกเลย
ชอบอาหารใต้
:)
-
กินข้าวกลางวันเสร็จเรียบร้อยตอนสามโมงกว่าๆ
ตั้งใจว่าวันนี้พอแล้ว
จะกลับห้่องไปนอน ตื่นมาซักห้าหกโมงเย็นจะไปว่ายน้ำก่อนกินข้าว
แต่พอจอดรถ เอากุญแจไปคืน น้องรีเซฟชั่นบอกว่า
วันนี้ที่หาดละไมมีถนนคนเดิน
อย่าเพิ่งคืนรถเลย
ไปนักพักซักชั่วโมงสองชั่วโมงแล้วค่อยออกไป
ตลาดเปิดประมาณ 5 โมงเย็น
งั้นเราไม่นงไม่นอนมันแล้ว
ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าว่ายน้ำรอเวลาเลยดีกว่า
-
ว่ายน้ำ อาบน้ำเสร็จ
ได้เวลาห้าโมงเย็นพอดี คว้าุกุญแจรถออกจากห้อง
สตาร์ทรถ เลี้ยวออกจากที่พัก
เจอผู้หญิงคนหนึ่งเดินอยู่ข้างถนน
ซึ่งเป็นเนินเล็กๆ หน้าโรงแรมเรา เลยจอดรถถามว่าจะไปไหน ไปด้วยกันไหม
เธอบอกว่าไปหาดละไม ซึ่งเป็นที่เดียวกับเรา และอยู่ห่างไปเป็นสิบโล
เลยถามว่าขี่รถเป็นไหม ไปด้วยกันได้ แต่เราขี่รถไม่เก่ง เส้นทางเป็นเขาด้วย กลัวพาล้ม
เธอบอกว่าขี่ได้ ถามเธอว่าอยู่ส่วนไหนของละไม
ไปส่งถึงบ้านเลยก็ได้นะ เดี๋ยวเรากลับมาเอง มาถนนคนเดินเรากลับมาถูก...
เธอบอกว่าไม่เป็นไร บ้านอยู่เข้าไปอีกไกลจากถนน กลัวเราจะหลง
เดี๋ยวส่งเธอที่ปั๊มน้ำมันแล้วเธอไปต่อเอง
เราบอกว่าไม่เป็นไรจริงๆ เราไปส่งเธอได้
..เธอเงียบไปซักพักแล้วบอกว่า หนูเป็นพม่านะพี่
เราหัวเราะ บอกเธอไปว่าเป็นใครก็ไปส่งได้ทั้งนั้นแหละ ...
ส่งเธอเสร็จเธอกำชับกำชาว่า อย่าเดินถนนคนเดินดึกนัก
มาคนเดียว ขี่มอร์ไซค์ค่ำมืด อันตราย
แล้วเราก็แยกจากกันไป
ชอบถนนคนเดินหาดละไม เดินแล้วฟิน
มีฝรั่งเดินเยอะพอๆ กับคนไทย
มีของกินบ้านๆ ขายเยอะแยะ พอๆ กับอาหารฝรั่ง
ชอบที่ฝรั่งไปซื้ออาหารไทยหน้าตาแปลกมาล้อมวงชิมกัน
ุคุยกันเรื่องอันนี้อร่อย อันนี้ฉันชอบ อันนี้ไม่...
เห็นหน้าตาท่าทางแล้วรู้สึกว่ามันเป็นบรรยากาศที่น่ารัก
แถมเดินไปสุดทางด้านนึงเป็นหาด มีกลุ่มฝรั่งปักหลักเล่นวอลเล่ย์บอลชายหาด
มีคนนั่งเล่นนั่งคุยกันริมทะเล ... ชอบๆ
ไปคนเดียวยังรู้สึกสนุก ....
-
บรรยากาศยามเย็นที่หาดละไม (สุดถนนคนเดินด้านติดหาด)
-
กลับจากหาดละไมเกือบสองทุ่ม
พร้อมกับอิ่มพุงกางจากอาหารหลากหลายที่ซื้อมาลอง
วันนี้หมดฤทธิ์แล้ว เพลียแดดมาก
เข้าห้องซักพัก พนักงานโทรมาถามว่าพรุ่งนี้กับไฟล์ทกี่โมง จะเช็คเอาท์กี่โมง
เรากลับไฟล์ท 4 โมงเย็น ที่สุราษฎร์ แต่เช็คตารางเวลาแล้ว เราต้องออกจากโรงแรมตั้งแต่แปดโมงครึ่ง แม่เจ้า
ที่เป็นอย่างนั้นเพราะว่า เราต้องเผื่อเวลารอรถสองแถว เพราะจากหลายวันที่ผ่านมา เราสังเกตุว่ารถสองแถวที่ผ่านหน้าโรงแรมจะมีห่างๆ
บางทีนานมากกว่าจะมีซักคัน แล้วต้องเผื่อเวลาที่รถไปส่งผู้โดยสารคนอื่นที่หาดอื่นอีกล่ะ กว่าจะถึงท่าเรือหน้าทอน
ซึ่งเราต้องซื้อตั๋วรถทัวร์ + เรื่อ ในราคาสี่ร้อย รถออกจากข้าง ธ.ไทยพาณิช ตอน 10 โมงเพื่อพาเราไปขึ้นเรือ
พอดีว่าเรากะเวลาค่อนข้างจะพอดี
มาถึงก่อนเวลานิดหน่อย เลยได้เดินถ่ายรูปเล่นๆ แถวท่าเรือ
กว่าจะได้รถจะออก พาเราไปขึ้นเรือ กว่าเรือจะออกก็สิบเอ็ดโมง
(รถทัวร์คัีนที่พาเรามาขึ้นเรือมากับเราด้วย)
พอเรือเข้าท่า เราก็กลับมาขึ้นรถทัวร์คันที่ว่าต่อ นั่งรถต่อไปในเมือง
เราต้องไปเปลี่ยนรถในเมืองเพื่อไปสนามบินอีก
รถที่ไปสนามบินออกบ่ายโมงครึ่ง เราไปถึงก่อนบ่ายโมงนิดๆ
เลยฝากกระเป๋าไว้ที่ท่ารถ เดินไปหาข้าวกิน
กินข้าวเสร็จพดีได้เวลารถออก
รถวิ่งประมาณสี่สิบห้านาที (หวานเย็นมากกก) ก็ถึงสนามบิน
เรายังมีเวลานั่งเอ้อละเหยลอยชาย กินข้าว อ่านหนังสือ ฟังเพลงดูรูปอีกเกือบสองชั่วโมง
ถือว่ากำลังดี ไม่ฉุกละหุก ไม่ต้องลุ้น
ไม่น่าเชื่อเลยเนอะว่าบินไฟล์ท 4 โมง ต้องออกจากสมุยตั้งแต่แปดโมงครึ่ง ทั้งที่หนทางมันไม่ไกลเล้ยยย
-
ยังไม่อยากกลับ
กำลังฟิน
ถึงใครต่อใครจะบอกว่า ไม่ต้องไปหรอกสมุย ไม่สวย เจริญเกินไป
แต่เราชอบนะ
กับทริปนี้มันมีบรรยากาศบางอย่างที่เรารู้สึกว่ามันรื่นรมย์ มันเป็นสุข
สุขจนคิดวางแผนถึงการมาเยือนใันอีกครั้งๆ เร็วๆ นี้
เรื่องความเจริญ เราเฉยๆ
เราว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่มันต้องเจริญก็เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ นี่แหละ
โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวไทย บ่นเรื่องความไม่สะดวกสบายเยอะมากกกก
เคยอยู่ปายสองสามเดือน ฟังคนบ่นเรื่องปายเจริญไม่น่าไปเยือนมาเยอะ
เราเคยนึกสงสัยว่า ปายมีส่วนที่ไม่เจริญนะ สวย ธรรมชาติ บ้านๆ เหมือนย้อนไปสักสิบปีอย่างหมู่บ้านเมืองน้อย
คุณเคยไปหรือยัง คุณมาอยู่แค่ส่วนที่มันเจริญ ซึ่งมันก็แค่กระจุกตัวอยู่ตรงนั้น แล้วคุณก็แช่ก็มองเห็นแค่ตรงนั้น
แล้วคุณก็บ่นมันได้เป็นคุ้งเป็นแควไปสามวันสิบวันว่าไม่น่ามา ฟังแล้วก็พูดอะไรไม่ออก และไม่อยากพูดกับคนแบบนี้
สำหรับเราที่ทุกที่ มันสวยหมดแหละ ทั้งเจริญและไม่เจริญ
เพียงแค่คุณจะเปิดตา เปิดใจ
*** ถ้าขยัน จะมารีวิวลุยเดี่ยว เที่ยวตรัง 5 วัน
และลุยเดี่ยวเยือนลาวด้วยเส้นทาง เชียงราย เชียงของ หลวงพระบาง วังเวียง เวียงจันทร์ 9 วัน 8 คืน เร็วๆ นี้นะคะ ***
ขอบคุณที่ติดตามอ่าน
;D
-
สุดยอดๆๆๆ :o
-
เอ....
ก็มีคนวนเวียนผ่านไปมาหลงแวะเข้ามาชมเป็นระยะนะ
ไม่มีใครอยากทักทายกันมั่งเลยเหรอ
แวะคุยกันได้นะคะ
หรือมีอะไรแนะนำ แนะนำได้ค่ะ
กำลังวางแผนจะไปสมุยอีกต้นปีหน้า
;)
-
ภาพสวยอะเห็นแล้วอยากไป
-
เก่งมากอะ ลุยเดี่ยวนี่ ดูรีวิวแล้วอยากไปบ้างเลย อยากลุยคนเดียวเหมือนกัน แต่กลัวๆยังไงไม่รู้ = ='
-
เรามักจะกลัวแต่ตอนเราวางแผนในทริปแรกๆ แหละโอ้น
เราชอบคิดล่วงหน้าไปไกล
แต่จริงๆ การเดินทางคนเดียวมันไม่น่ากลัวอย่างที่เราคิดหรอก
จริงนะ
ลองได้ไปคนเดียวซักครั้งแล้วจะติดใจ
แล้วจะนึกรำคาญเวลาต้องไปกับคนอื่นเยอะๆ เพราะกว่าจะมูฟได้ต้องรอคนโน้นคนนี้
ต้องลองๆ ยิ่งเป็นผู้ชาย ยิ่งไม่น่ากลัวเลย
เจี๊ยบไปได้ คนอื่นก็ไปได้
เชื่อสิ
:)
-
เรามักจะกลัวแต่ตอนเราวางแผนในทริปแรกๆ แหละโอ้น
เราชอบคิดล่วงหน้าไปไกล
แต่จริงๆ การเดินทางคนเดียวมันไม่น่ากลัวอย่างที่เราคิดหรอก
จริงนะ
ลองได้ไปคนเดียวซักครั้งแล้วจะติดใจ
แล้วจะนึกรำคาญเวลาต้องไปกับคนอื่นเยอะๆ เพราะกว่าจะมูฟได้ต้องรอคนโน้นคนนี้
ต้องลองๆ ยิ่งเป็นผู้ชาย ยิ่งไม่น่ากลัวเลย
เจี๊ยบไปได้ คนอื่นก็ไปได้
เชื่อสิ
:)
นอนคนเดียวในอุทยานฯ ไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแลก็เคยมาแล้ว กลัวผีนิดๆ แต่อยู่ได้ :D
-
จริงพี่ทอม
อารมณ์มันจะกล้าๆ กลัวๆ
แต่กลัวในระดับที่อยู่ได้ ไม่กระเจิดกระเจิง
แต่ขนาดที่นอนไม่มีเจ้าหน้าที่นี่ เป็นเจี๊ยบคงอยู่แบบสยองมาก
-
จริงพี่ทอม
อารมณ์มันจะกล้าๆ กลัวๆ
แต่กลัวในระดับที่อยู่ได้ ไม่กระเจิดกระเจิง
แต่ขนาดที่นอนไม่มีเจ้าหน้าที่นี่ เป็นเจี๊ยบคงอยู่แบบสยองมาก
จริงเจี๊ยบ อุทยานฯ ถ้ำผาไท เป็นอุทยานเตียมการ ไม่มีที่ทำการ ไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่กลางคืน สยองที่สุด
-
เก่งจังเดินทาง ช่วงสมุยไฟดับที่เกาะด้วย ;D ;D