Touronthai Forum สนทนาประสาเที่ยว

หมวดหมู่ทั่วไป => แชร์ประสบการณ์/โพสต์รูปประทับใจ => ข้อความที่เริ่มโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 15, 2011, 03:15:47 PM

หัวข้อ: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 15, 2011, 03:15:47 PM
เริ่มต้นหัวข้อนี้ไม่รู้ว่าจะแปลกไปหรือเปล่า ทริปมหัศจรรย์นั้นมันมาจากเรื่องบังเอิญนับครั้งไม่ถ้วนที่เกิดขึ้นในระหว่างการเดินทาง ทะเล ภูเขา น้ำตก ก็มาจากสถานที่ที่ไปมา ครบ 3 รส ในทริปเดียว วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยก็มาจากความจริงที่เกิดขึ้นกับตัวเองในระหว่างการเดินทางนั่นแหละ อ่านให้จบแล้วจะเข้าใจได้เอง

เรื่องมันเริ่มต้นตรงที่ หาดบ้านกรูด เป็นจุดหมายปลายทางแรกที่อยู่ในแผนการเดินทาง จากกรุงเทพฯ ไปบ้านกรูด 369 กิโลเมตร โดยประมาณ เวลาขับ 4 ชั่วโมง เวลาพักระหว่างทาง 1 ชั่วโมงโดยรวมๆ ไม่ว่าจะพักเติมน้ำมัน เข้าห้องน้ำ กินข้าว ราวๆ 5 ชั่วโมงคือเวลาที่ใช้ทั้งหมด 8.00 น. เวลาในการเคลื่อนรถมุ่งหน้าขึ้นทางด่วน ลงพระราม 2 ปริมาณรถบนถนนในวันที่ 12 สิงหาคม ไม่มากอย่างที่คิด แต่ที่เห็นเย็นวันที่ 11 ไม่ต้องพูดถึง รถติดมากๆ ตอนเลิกงาน แล้วยังฝนตกหนักทำเอาหลายเส้นทางเหมือนเป็นอัมพาต

เวลาประมาณ 13.00 น. เราเดินทางถึงบ้านกรูดช้ากว่าปกตินิดหน่อย เพราะรถมาก เห็นลิงเกาะหลังรถกระบะมะพร้าว ป่ายปีนห้อยโหนอยู่บนรถอย่างคึกคะนอง แต่อันนี้ไม่สามารถถ่ายรูปมาให้ดูได้เพราะขับรถอยู่ถึงบ้านกรูดแล้วก็พยายามมองหามุมที่จะถ่ายรูปหาดบ้านกรูดให้ออกมาสวยๆ หน่อยหลังจากที่เคยมาแล้วครั้งหนึ่ง ตรงกับวันพายุเข้า ตามหาดทรายเต็มไปด้วยละอองน้ำทะเลฟุ้งเป็นสีขาว คิดว่าเป็นเกลือล้วนๆ ที่มากพอจะทำให้กล้องพังในทริปเดียวได้ หลังจากนั้นผมก็คิดว่าจะหาเวลามาถ่ายรูปหาดแห่งนี้ให้ได้ จนมาถึงวันแม่แห่งชาติจึงได้ไปอีกครั้ง

ทางเข้าบ้านกรูดที่หลักๆ มี 2 ทาง ทางแรกเข้าตรงแยกที่มีป้ายบอกทางเข้า พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ วัดทางสาย แยกซ้ายมือจากถนนเพชรเกษมเข้าไปอีกประมาณ 13 กิโลเมตร ถึงวัดทางสายก่อน และจะมีแยกขึ้นเขาไปสักการะพระมหาธาตุเจดีย์ แต่ตอนนี้ยังไม่ขึ้นเขาขับตรงไปอีกจะถึงหาดบ้านกรูด

ทางที่ 2 อยู่เลยจากแยกแรกไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร ถึงหาดบ้านกรูดก่อน แล้วถึงจะเป็นวัดทางสาย ปกติเวลาเข้าบ้านกรูดผมเข้าแยกแรก แต่เวลากลับออกมาจะออกแยกที่ 2

ถ้ามาตามทางแรกเหมือนผม จะเห็นร้านอาหารหลายร้านเรียงต่อกันอยู่ริมหาด มองเห็นพระมหาธาตุเจดีย์บนยอดเขาธงชัยได้ชัดเจน มีต้นมะพร้าวเป็นแถวก่อนที่จะเป็นแนวสนยาวๆ ถ้ามาทางที่ 2 อาจจะไม่ค่อยได้เห็นมะพร้าวเท่าไหร่

ขับไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบ้านกรูด จะมีที่จอดรถริมหาดอยู่เรื่อยๆ จอดที่ไหนก็ได้แล้วแต่ชอบ ตรงนี้มีชมรมเรือใบบ้านกรูดมาฝึกซ้อมการแล่นเรือใบในวันที่อากาศดีๆ แดดไม่ร้อน
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 15, 2011, 03:19:50 PM
แม้ว่าจะไม่ใช่วันที่ท้องฟ้าแจ่มใสมากๆ แต่ก็ไม่มืดครึ้ม ฝนที่เทลงมาตอนเช้าก็หายไปหมดแล้ว ทำให้วันนี้ได้ภาพหาดบ้านกรูดมาหลายภาพ ภาพหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่คือหาดทรายที่มีพระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศบนยอดเขาธงชัยติดมาด้วย พาหนะที่เป็นที่นิยมใช้อย่างมากที่บ้านกรูดคือมอเตอร์ไซค์ บางคันมีพ่วงข้างด้วย สถานที่พักผ่อนริมหาดบ้านกรูด ที่เห็นสร้างอย่างแข็งแรงหน่อยก็มีศาลาอยู่หลังหนึ่ง ส่วนที่เหลือก็นั่งกันตามหาดทราย จะเอาเสื่อมาด้วยก็ตามอัธยาศัย
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 15, 2011, 03:23:53 PM
หลังจากที่มองๆ หาจุดที่จะได้ภาพวิวสวยๆ อยู่นั้นก็เดินไปเรื่อยๆ ตามหาด เก็บเท่าที่จะหาได้แถวๆ นั้น อย่างน้อยการที่ฝนหยุดตกแล้วเห็นสีฟ้าปรากฏขึ้นมาบนท้องฟ้าในวันนี้ก็เป็นโชคดีประการแรกที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น ในที่สุดก็ไปเจอสถานที่พักผ่อนสำหรับลูกค้าของบ้านกรูดอาเคเดีย รีสอร์ท จัดไว้สวยงามน่าสนใจ ก็เลยแวะเก็บภาพและยกเครดิตให้กับรีสอร์ทแห่งนี้ไป ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นลูกค้าก็มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากแวะเวียนมาถ่ายรูปที่นี่กันเรื่อยๆ ดูกันเลยดีกว่าว่าจะสวยแค่ไหน
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 15, 2011, 03:40:05 PM
หลังจากเก็บภาพริมหาดบ้านกรูดอยู่นานจนหมดมุม จนปัญญาจะหามุมอื่นๆ ได้แล้ว ก็เดินทางจากหาดบ้านกรูดมุ่งหน้าไปทางเหนือย้อนเส้นทางเก่าที่เข้ามาที่บ้านกรูด ไปทางวัดทางสาย ไม่นานก็จะเจอสะพานข้ามคลอง มีกลุ่มเรือประมงของชาวบ้านจอดเรียงรายอย่างสงบ จุดนี้เป็นจุดที่จะมองเห็นพระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศได้ชัดมากจุดหนึ่งเลยจอดรถบนไหล่ทางแล้วเอากล้องเปลี่ยนเป็นเลนส์เทเลตัวเดียวลงจากรถ ถ่ายรูปได้ 4 รูปฝนก็ตกลงมาอีก เอากล้องใส่ไว้ในเสื้อตรงพุงแล้วรีบวิ่งขึ้นรถ มุ่งหน้าเดินทางขึ้นเขาธงชัยอย่างมีความหวัง อย่างน้อยระหว่างถ่ายรูปให้มีจังหวะที่ฝนไม่ตกบ้างก็จะได้ภาพมาแล้วละ
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 15, 2011, 03:50:39 PM
หลังจากที่ขึ้นถึงยอดเขาเข้าลานจอดรถ โชคดีอีกครั้งเกิดขึ้นอย่างบังเอิญ ฝนหยุดตกผมก็เอากล้องกับกระเป๋ากล้องเดินลงไปที่ลานพระพุทธกิติสิริชัย จากลานจอดรถจะเดินไปยังลานประทักษินรอบองค์พระได้เลยไม่มีบันไดให้ต้องเดินเมื่อยเข่า จากลานประทักษินรอบองค์พระจะลงมาที่ศาลสมเด็จกรมหลวงชุมพรฯ จะมีบันไดลงมา เป็นจุดที่จะมองเห็นหาดบ้านกรูดเบื้องล่างได้สวยงาม มีนักท่องเที่ยวไปยืนถ่ายรูปที่บันไดขั้นบนสุดกันเยอะ ถ้ามีปัญหาเรื่องหัวเข่าเดินลงทางถนนก็ได้แต่จะอ้อมหน่อย จากศาลสมเด็จกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ มีห้องชมวิวให้ ในนั้นก็จะมีร้านค้า อาหารเครื่องดื่ม ขนมเล็กๆ น้อยๆ เครื่องบูชาได้แก่ดอกไม้ธูปเทียน ประทัดมีจำหน่ายที่นี่ แต่ก่อนหน้านั้นก็ต้องถ่ายรูปบนนี้ก่อน ลานประทักษินรอบองค์พระพุทธกิติสิริชัย มีศาลาพระบูรพาจารย์ ได้แก่ สมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) หลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่อสดวัดปากน้ำ มีซุ้มสำหรับบูชาธูปเทียนดอกไม้ สักการะองค์พระพุทธรูปและรูปพระบูรพาจารย์ วันนี้องค์พระพุทธกิติสิริชัย มีการบูรณะ ทำให้ไม่สามารถจะเก็บภาพที่งดงามมาได้ ผมเลยเดินไปที่ทางขึ้นพระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ แทน ทางขึ้นมียักษ์ทวารบาลยืนตระหง่านขนาดใหญ่ 2 ข้างทาง
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 15, 2011, 04:03:20 PM
จากที่เห็นยักษ์ทั้ง 2 ตน ทางเดินขึ้นไปยังพระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศค่อนข้างยาว ขึ้นเนินแต่ก็ร่มรื่น มีประชาชนจำนวนมากอาศัยช่วงเทศกาลหยุดยาวมาสักการะองค์พระธาตุและชมความงดงาม แต่ก็มีอีกหลายคนที่ผ่านมาเที่ยว ต่างคนต่างก็มุ่งหน้าไปยังองค์พระมหาธาตุเจดีย์ ในที่สุดก็มาถึงบันไดนาค เป็นช่วงแรกของการเดินบันไดขึ้นไปยังลานประทักษินรอบองค์พระมหาธาตุเจดีย์ เหนือราวบันไดขนาบข้างด้วยพญานาค 5 เศียร สีขาวยาวตลอด มีหลายคนถอดรองเท้าไว้ที่บันไดทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนเริ่มลังเล และคิดว่าจะถอดรองเท้าดีหรือเปล่าหรือว่าจะใส่ไปก่อนดีตัวผมเองก็เริ่มจะหวั่นๆ อยากจะถอดไว้ข้างล่างเหมือนกันแต่ก็เสียดายรองเท้าใหม่ที่เพิ่งซื้อ ราคาค่อนข้างแพง ใส่ยังไม่ถึงเดือน เลยใส่เดินขึ้นมาอีกหน่อยก็เห็นรองเท้าถอดไว้ที่บันไดอีก ทนไม่ไหวเลยถอดมั่ง แล้วเดินขึ้นไปต่อจนมีคนเดินมาตามหลังคุยกันว่าจะถอดหรือเปล่า อีกคนที่ท่าทางเหมือนเคยมาแล้วบอกว่าไม่ถอดหรอกเดี๋ยวก็มีที่ให้ถอดอยู่ข้างบน ผมว่ามันก็จริง สถานที่ระดับนี้แล้วคงไม่ให้ถอดรองเท้าระเกะระกะไม่เป็นที่แบบนี้แน่ เดินย้อนลงบันไดมาใส่รองเท้าแล้วเดินขึ้นไปอีกรอบ

    มาถึงสุดบันไดเห็นชั้นวางรองเท้าจัดไว้อย่างเป็นระเบียบอยู่ซ้ายมือ ด้านหน้าองค์พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศที่งดงามเด่นตระหง่าน หลังจากที่ถอดรองเท้าแล้วซุกไว้ด้านในสุดกลัวจะหาย ก็กลับมายืนเล็งกล้องด้านหน้าองค์พระธาตุเจดีย์ รอจังหวะคนว่างๆ จะได้ภาพสวยๆ ยืนเล็งไปเล็งมาอยู่ตั้งนาน คนที่มาก็ถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนานด้านหน้าองค์เจดีย์ท่าทางไม่ยอมออกจากตรงนั้นง่ายๆ ในที่สุดฝนก็ตกลงมาเม็ดใหญ่ๆ หนาๆ จนอยู่ไม่ได้แล้วต้องเข้าไปด้านใน ในหัวคิดว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์คงดลบันดาลให้ผมเข้าไปไหว้พระและชมด้านในก่อนค่อยออกมาใหม่
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 15, 2011, 04:14:19 PM
หลังจากที่เข้ามาด้านในองค์พระมหาธาตุเจดีย์ จะพบโต๊ะวัตถุมงคล พระเครื่อง ฯลฯ ให้บูชา เพื่อที่จะนำไปเก็บไว้ในองค์พระเจดีย์ (คงจะบรรจุไว้เหมือนเจดีย์โบราณ เวลาพังลงมาก็เรียกกันว่ากรุแตก แค่เปรียบเทียบนะครับ ไม่ได้หมายความว่าพระเจดีย์องค์นี้จะพัง) ส่วนจะบูชาแล้วเอาไปเป็นสิริมงคลที่บ้านก็คงจะได้ (ผมไม่ได้ถามมา)

ด้านซ้ายของประตูจะมีผ้าพับไว้หลายผืน สำหรับผู้แต่งกายไม่เหมาะสม จะต้องสวมผ้านี้เดินชมในองค์พระมหาเจดีย์ไม่งั้นไม่ให้เข้า ผมทักทายเจ้าหน้าที่ที่นี่พอเป็นพิธีตามประสาคนที่หนีฝนมา หลังจากนั้นก็ถอด CPL ออก (มันเป็นฟิลเตอร์ตัวหนึ่งที่ไม่เหมาะจะใช้ถ่ายรูปในที่ร่มเพราะสปีดชัตเตอร์จะต่ำเกินไปทำให้ภาพเบลอและสีไม่สวย) แล้วก็เดินเข้าไปถ่ายรูปตรงประตูเข้าสู่องค์พระเจดีย์ชั้นใน ระหว่างนั้นผมเพิ่งจะสังเกตุว่าเจ้าหน้าที่จะเดินตามผมมาเรื่อยๆ (แล้วผมจะเฉลยให้ฟังทีหลัง)

จากประตูผมก็เข้าไปสักการะองค์พระบรมสารีริกธาตุที่ด้านใน มีป้ายเขียนบอกไว้ว่ากรุณาอย่าถ่ายภาพ งั้นไม่เป็นไรไปชมจุดอื่นๆ กันต่อดีกว่า ว่าแต่ว่าจะไปทางไหนต่อดีละ เพราะเท่าที่เห็นมันเหมือนบานกระจกหลายๆ บานติดตั้งอยู่ที่ผนังสะท้อนรูปเสาจำนวนมาก แล้วก็มีช่องประตูอีกหลายช่องซ้อนกันอยู่ในกระจก ดูเหมือนจะมีตั้ง 5 บานด้วยกัน หลังจากยืนพิจารณาอยู่ตั้งนาน ถึงได้รู้ว่าที่ดูเหมือนกรอบของกระจกที่เห็นนี้เป็นช่องประตูเดินเข้า-ออกได้ (อันนี้ไม่ได้พูดเวอร์มันรู้สึกเป็นแบบนั้นจริงๆ)
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 15, 2011, 04:44:57 PM
พอเข้าไปได้แล้วผมก็ถ่ายรูปหลายแห่งหลายมุม ตามจุดต่างๆ ในองค์พระมหาเจดีย์ สิ่งที่น่าประทับใจก็มีช่องกระจกหน้าต่าง ที่อยู่รอบๆ องค์เจดีย์ ให้แสงสว่างส่องเข้ามาด้านใน การสร้างองค์พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศเป็นทรงจตุรมุข ที่มุมแต่ละมุมขององค์เจดีย์ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยตรงสุดทางเดินหันหน้าองค์พระเข้าหาทางเดิน เบื้องหลังองค์พระพุทธรูปมีช่องกระจกเขียนสีสวยงาม ด้านนอกพอมองเห็นว่ามีพระพุทธรูปอีกองค์หนึ่ง ผินด้านหลังเข้าหากันมีช่องกระจกกั้นระหว่างองค์พระทั้ง 2 องค์ที่ประดิษฐานอยู่ด้านนอกมองเห็นเป็นเงาลางๆ เท่านั้น เมื่อไปยืนด้านนอกองค์พระเจีดย์จึงจะมองเห็นพระพุทธรูปที่มุมทั้งสี่ขององค์พระเจดีย์ รวมเป็น 8 องค์ด้วยกัน

   ในจำนวนนี้มี 1 องค์เป็นพระพุทธรูปปางนาคปรกซึ่งผมไม่รู้ว่าด้วยเหตุใดจึงมีองค์เดียวในจำนวนหลายองค์ที่เป็นปางมารวิชัยทั้งหมด
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 15, 2011, 04:49:55 PM
ด้านหน้าองค์พระพุทธรูปประธานกลางองค์พระมหาเจดีย์มีป้ายเขียนบอกไว้ว่า กรุณาอย่าถ่ายรูป ซึ่งผมก็ทำตามโดยเคร่งครัด จากนั้นก็เดินขึ้นชั้นบนอีกชั้นหนึ่ง ระหว่างที่เดินขึ้นบันไดไปชั้นบนมองเห็นองค์พระพุทธรูปปางประทานพรประทับยืนอยู่ตรงกลาง ประกอบกับกรอบช่องประตูที่สวยงามเลยถ่ายภาพนี้มา ถ้าเดินขึ้นบันไดไปอีกหน่อยจะมองเห็นองค์พระพุทธรูปเพียงครึ่งองค์ซึ่งเป็นภาพที่ไม่งามเป็นแน่

    เข้าไปด้านในกราบพระขอพร สวดมนต์บทสักการะพระบรมสารีริกธาตุ จากนั้นก็เกิดฝนตกอย่างไม่ลืมหูลืมตา ผมทำอะไรไม่ถูกทีแรกคิดว่าถ่ายรูปบนชั้นบนสุดนี้แล้วจะลงไป แต่ฝนที่ตกลงมาทำให้ผมติดอยู่ในองค์พระเจดีย์อยู่นาน ผมเลยเดินไปรอบๆ ชมช่องหน้าต่างภาพเขียนเรื่องราวต่างๆ ไปอีกหลายบาน พอฝนซาผมก็เดินออกมาที่ระเบียง ปรากฏว่าได้เห็นหาดที่ทอดยาวขาวสะอาดอีกหาดหนึ่ง อยู่ด้านตรงข้ามกับหาดบ้านกรูด มองเห็นฝนตกหนักกลางทะเลเป็นเหมือนกลุ่มหมอกสีขาวกลางพื้นน้ำทะเลสีเขียว เป็นภาพที่สวยงามที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 15, 2011, 05:00:21 PM
เรือประมงขนาดเล็กแล่นไปทางซ้ายทีขวาที เหมือนกำลังลังเลอยู่ว่าจะออกทะเลหรือจะเข้าฝั่งเพราะเบื้องหน้าเป็นกลุ่มฝนที่ตกหนักจนมองอะไรไม่เห็นนอกจากสีขาวที่ลอยอยู่เหนือน้ำทะเลกินวงกว้างมาก

    หลังจากนั้นผมก็กลับเข้ามาด้านในองค์พระมหาธาตุเจดีย์เตรียมตัวเดินลงชั้นล่าง ผมก็เดินลงบันไดตามปกติ แต่สิ่งที่ผิดปกติก็คือโต๊ะบูชาพระกับเจ้าหน้าที่ 3 คนหายไปไหนหมด ยังกับว่าไม่เคยมีใครมานั่งตรงนี้มาก่อน ผมคิดว่าคงต้องเดินลงไปอีกชั้นหนึ่งหรือเปล่า แล้วก็เดินลงมา เป็นโถงโล่งกว้างไม่มีอะไรอยู่เลย ตอนนี้ก็ถึงบางอ้อแล้วครับว่าลงผิดทาง ผมเดินย้อนกลับขึ้นไปใหม่ แล้วก็เดินมาด้านข้างองค์พระประธานแล้วเดินลง คราวนี้เจ้าหน้าที่อยู่กันครบเลยครับ การสร้างแบบจตุรมุขเหมือนกันหมดทั้ง 4 ด้าน นี้เหมือนกันจริงๆ ถึงกับงงไปเลย

    ระหว่างนี้ผมก็ได้สนทนากับเจ้าหน้าที่อีกนิดหน่อย พี่แกถามว่าผมเดินชมครบทุกด้านแล้วหรือยัง ผมบอกว่าไม่แน่ใจเพราะเดินไปทางไหนก็เหมือนกันหมด เลยไม่รู้ว่าทั่วหรือเปล่า จนในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าปกติแล้วภายในองค์พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศไม่ให้ถ่ายรูป

    อ้าวแล้วไม่เห็นบอกตั้งแต่แรก ผมก็ถ่ายรูปอยู่ตรงหน้าเจ้าหน้าที่ตั้งนาน คุยไปคุยมาพอรู้ว่าเอามาเขียนเป็นเว็บไซต์เป็นวิทยาทาน ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ทราบโดยทั่วกัน ก็เลยไม่เป็นไร จุดประสงค์หลักของการห้ามถ่ายรูปนั้นคงมาจากการป้องกันภาพที่ไม่เหมาะสม การถ่ายรูปเป็นที่ระลึกของนักท่องเที่ยว บางมุมที่มีพระพุทธรูปเป็นฉากก็ดูไม่เหมาะสมจริงๆ การโพสต์ท่าทางในการถ่ายก็เป็นสิ่งสำคัญ การป้องกันภาพเหล่านี้วิธีที่ดีที่สุดคือห้ามถ่ายไปเลยดีกว่า

    จากนั้นผมก็เดินออกมาจากองค์พระมหาธาตุเจดีย์ เพราะฝนหยุดตกแล้ว ภาระกิจอีกอย่างหนึ่งของทริปนี้คือการถ่ายรูปองค์พระเจดีย์แบบไม่มีคนอยู่ในรูป
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 15, 2011, 05:03:07 PM
ผมออกมาเดินหามุมต่างๆ ที่น่าจะดีที่สุดในการถ่ายภาพองค์พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ แต่ด้วยความที่เป็นคนไม่ค่อยจะมีมุมเก๋ๆ สวยๆ ในการถ่ายภาพ ผมจึงมักจะถ่ายภาพสถานที่ที่ผมไปด้วยมุมตรงๆ เสมอ เพราะง่ายดี
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 15, 2011, 05:07:58 PM
หลังจากนั้นก็เดินลงบันไดนาคมาข้างล่าง ผมคิดเสมอว่ามุมที่ตรงนี้ก็สวยอยากจะถ่ายรูปนี้ให้ได้ เลยลองเปลี่ยนเป็นเลนส์เทเลแล้วถ่ายออกมาระหว่างการถ่ายรูปที่ต้องระวังค่าสปีดชัตเตอร์เพราะเทเลยาวๆ มันเบลอง่ายกดชัตเตอร์เก็บภาพมาได้ 3 ภาพ ฝนก็ตกลงมาอีกรอบ คราวนี้ตกหนักจนผมต้องเดินกลับไปที่รถ ก่อนจะถึงลานจอดรถผมคิดในใจว่าถ้าเดินเข้ารถผมก็ยังไม่ได้ภาพที่พระตำหนัก หรือ ศาลสมเด็จกรมหลวงชุมพรฯ กับห้องชมวิว ผมเดินถึงองค์พระกิติสิริชัย แล้วตัดสินใจเดินลงบันไดไปที่หน้าศาลกรมหลวงชุมพรฯ หลังจากนั้นก็เกิดฝนตกกระหน่ำ ยาวนานมาก หลายคนติดอยู่ที่นี่โดยไปไหนไม่ได้ เกือบครึ่งชั่วโมง ฝนซาลงผมเดินขึ้นรถโดยไม่ได้ถ่ายรูปเพิ่มและไม่ได้ชมวิวเลย
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 15, 2011, 05:29:01 PM
หลังจากนั้นก็ขับรถลงมาจากเขาเข้าร้านค้าหากาแฟกระป๋องมากินก่อน ที่จริงจะหลบฝนหลังจากนั้นก็โทรเข้าศูนย์ทัวร์ออนไทย หารือเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวที่ต่อไปว่าจะไปที่ไหนดี เริ่มหิวข้าวแล้วด้วย ระหว่างนั้นก็เช็ดกล้องให้แห้ง เปิดกระเป๋ากล้องไว้ เพราะตอนนี้ความชื้นมีอยู่เต็มพิกัด เปียกด้วยซ้ำไม่ใช่แค่ชื้น สถานที่ท่องเที่ยวในบริเวณพื้นที่อำเภอบางสะพาน กับ ทับสะแก มีอยู่หลายแห่ง แต่เนื่องจากฝนตกต้องมีที่ไปที่ไม่ใช่ทะเล พอสำรวจแผนที่เรียบร้อยแล้วทางศูนย์แจ้งมาว่าควรไปน้ำตกห้วยยาง (โห ตั้ง 45 กิโลเมตร) ไม่ไหวสำหรับเวลาที่เหลือในวันนี้ ก็เลยขับรถหาไปเรื่อยๆ ไปเจอป้ายอันหนึ่ง ขนาดใหญ่พอควร เขียนด้วยอักษรง่ายๆ ว่า เชิญชมถ้ำค้างคาววัดเขาไม้รวก ระยะทางห่างจากวัดทางสายประมาณ 10 กิโลเมตร (เดี๋ยวจะทำหน้าข้อมูลพร้อมแผนที่ให้ตอนนี้เอาเฉพาะเรื่องราวการเดินทางก่อนเนาะ)

    เห็นป้ายอย่างที่ว่าแล้วก็เข้าไปตามลูกศรบอกทาง ข้ามทางรถไฟ (มาเที่ยวบ้านกรูดต้องข้ามทางรถไฟบ่อย ระวังด้วยนะครับ บางจุดไม่มีเครื่องกั้นต้องใช้วิจารณญาณ ในการข้าม) ขับไปเรื่อยๆ จนสุดถนน ณ ที่แห่งหนึ่งที่รู้ได้เลยว่าเป็นวัด พระอุโบสถหลังสีขาวงดงามมากจนไม่น่าเชื่อว่าจะถูกสร้างขึ้นในสถานที่ค่อนข้างกันดาร (ทางเข้ามาเป็นลูกรังยาวมาก) สิ่งที่ได้เห็นที่นี่คือนักปฏิบัติธรรมซึ่งส่วนมากเป็นหญิง เดินไปเดินมาจำนวนหลายคน จึงทำให้รู้ว่าเป็นวัดป่าแนวปฏิบัติธรรมด้วย เห็นด้านหลังอุโบสถที่ยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างก็เดินไปชมด้านหน้าและบริเวณรอบๆ
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 15, 2011, 05:45:27 PM
เอาละสิ มาชมถ้ำค้างคาวเจออุโบสถสวย ก็ต้องใช้เวลานานกันหน่อย จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของพระอุโบสถวัดเขาไม้รวกที่ยังสร้างไม่เสร็จนี้ คือด้านหน้าที่หันไปทางด้านทิศตะวันออกเป็นท้องทะเล กั้นด้วยคลองเล็กๆ มีไม้โกงกางตามแบบป่าชายเลนเป็นธรรมชาติ กับหาดทราย ตอนนี้กำแพงแก้วก็อยู่ระหว่างการก่อสร้าง แต่มองเห็นทางลงท่าน้ำหน้าโบสถ์กับหาดทรายไกลๆ นั้นแล้วเป็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมาก บันไดนาคหน้าอุโบสถไม่สูงมากนัก มีพญานาคอยู่ข้างละตัว สวยงามทีเดียว ข้างพญานาคมีสิงห์คู่ บันไดที่เป็นหินอ่อนทำให้รู้สึกสงบเวลาย่างก้าวขึ้นข้างบน
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 15, 2011, 05:47:01 PM
ภายในเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยทรงเครื่องงดงาม ประดิษฐานบนฐานชุกชีสูง ผนังรอบๆ เป็นพระสาวกบนหิ้งเล็กๆ เต็มไปหมด
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 15, 2011, 06:00:13 PM
เอาละหลังจากกราบพระในอุโบสถกันแล้วและชมความงามของโบสถ์ใหม่กันทั่วแล้ว คราวนี้ก็ต้องหาถ้ำค้างคาว เป้าหมายหลักของการเดินทางกันซะที ก็ถามเด็กนักเรียนที่มาฝึกสมาธิที่วัดเป็นประจำในช่วงวันหยุด ได้ความว่าทางเข้าถ้ำนั้นอยู่ทางเดียวกันกับสะพานที่ข้ามคลองไปยังหาดทรายหน้าวัดได้ ก็เดินๆ หาไปเจอทางขึ้นนมัสการหลวงปู่ดำ คิดว่าถ้ำค้างคาวก็ต้องไปทางเดียวกันนี้แน่ๆ ก็เลยเดินขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ ไปเจอเอาศาลาเล็กๆ มีรูปงูขนาดใหญ่อยู่ ก็คิดว่าคงเป็นเรื่องธรรมดาของวัดป่ากลางเขา การไหว้บูชารูปงูบางทีก็เพื่อไม่ให้ได้รับอันตรายจากงู จากนั้นเดินต่อไปอีกหน่อยจะเป็นศาลาเล็กๆ ประดิษฐานพระพุทธรูปประทับยืนปางถวายเนตร พระนามเรียกขานว่า หลวงปู่ดำ เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านเคารพศรัทธามาก จนมีการสร้างบันไดคอนกรีตเป็นทางเดินขึ้นมาสักการะพระพุทธรูปองค์นี้อย่างสะดวก ถัดไปเป็นราวแขวนระฆัง มีลานจุดประทัดสำหรับแก้บนหลวงปู่ดำ เศษประทัดแดงกระจายบนพื้นทั่วไปหมด จากนั้นจะมีทางเดินเล็กๆ ขึ้นไปบนเขาเรื่อยๆ ด้วยความมุ่งมั่นว่าบนนั้นมีถ้ำค้างคาวอยู่ผมก็เดินตามทางไปเรื่อยๆ พบเพียงกุฎิที่อยู่อย่างสันโดษหลังเล็กๆ สูงขึ้นไปเรื่อยๆ 4 หลัง เหมาะแก่การฝึกฝนตามแนวทางคำสั่งสอนของพระบรมศาสดา ทางเดินลำบากขึ้นเรื่อยๆ และไปสุดอยู่ที่กุฎิหลังที่ 4
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 15, 2011, 06:01:10 PM
เมื่อเห็นว่าไม่มีทางเดินต่อไปได้แล้ว ผมก็เลยนั่งชมวิวอยู่สักพักให้หายเหนื่อยดีแล้วค่อยเดินลงมาตามทางเดิม
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 15, 2011, 06:10:25 PM
หลังจากลงมาถึงพื้นราบผมไปถามให้มั่นใจอีกครั้งว่าถ้ำค้างคาวไปทางไหนกันแน่ (ที่จริงพื้นที่ของวัดเล็กนิดเดียวเดินไปหน่อยก็เห็น  ;D ) แล้วก็เดินไปตามทางที่ได้สอบถามมา เจอบ้านพักของนักปฏิบัติธรรมซึ่งแยกให้ห่างออกจากกุฎิสงฆ์ เป็นบันไดทางเดินขึ้นไปยังปากถ้ำใหญ่ คำว่าถ้ำใหญ่ เป็นคำเรียกของที่นี่ เพราะว่ามีถ้ำอยู่ 2 แห่ง ถ้ำใหญ่มีขนาดใหญ่กว่า มีค้างคาวสีดำอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ได้สนทนากับนักปฏิบัติธรรมที่นี่ได้ความว่า ประวัติของวัดเขาไม้รวกมีค้างคาวเกี่ยวข้องอยู่อย่างมีความสำคัญมาก ในอดีตมีพ่อค้าชาวญี่ปุ่นนำเรือมาขนมูลค้างคาวที่นี่เพื่อเอาไปขายต่อ แต่ละเที่ยวจะมอบเงินให้วัดเสมอๆ เที่ยวสุดท้ายพ่อค้าชาวญี่ปุ่นมาขนเอามูลค้างคาวไป แล้วไม่มอบเงินให้ทางวัด เกิดอุบัติเหตุเรือล่ม ระหว่างทาง มูลค้างคาวในถ้ำใหญ่ในวัดเขาไม้รวกนี้เองที่เจ้าอาวาสวัดได้อธิษฐานขอนำมาขายเพื่อสร้างอุโบสถ และทำให้ผมหายข้องใจว่าเหตุใดจึงมีการสร้างอุโบสถที่งดงามขนาดนี้ในกันดารได้ มูลค่าของมูลค้างคาวที่ขายได้นั้นเป็นจำนวนเงินกว่า 1 ล้านบาท

    ที่เล่ามานี้เพื่อให้จินตนาการออกว่ามีค้างคาวมากขนาดไหนในถ้ำนี้ แต่ค้างคาวที่นี่ออกหากินไม่พร้อมเพรียงกันเหมือนที่ราชบุรีที่จะบินออกมาพร้อมกันนับล้านตัวเป็นสายยาว

    นอกจากนี้แล้วยังมีถ้ำอีกแห่งอยู่ใกล้ๆ กัน ปัจจุบันไม่ได้เปิดให้เข้าไปชม มีค้างคาวอีกชนิดหนึ่งตัวสีน้ำตาลอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากเหมือนกันกับถ้ำใหญ่ แต่แปลกที่มีค้างคาว 2 ชนิดมีที่อาศัยใกล้ๆ กันแต่ไม่ปนกัน
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 15, 2011, 06:19:19 PM
ปากถ้ำใหญ่เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่มีหลังคาคลุมแบบง่ายๆ เดินเข้าไปในถ้ำมีศาลเทวรูปอีกหลายองค์ได้แก่พระพิฆเณศ พระศิวะ มีบายศรีคู่ใหญ่อยู่ด้านข้าง เปิดไฟส่องสว่างภายในถ้ำไม่มากนักพอมองเห็นค้างคาวบินไปบินมาเต็มไปหมด แน่นอนว่ากลิ่นในถ้ำทำให้รู้สึกอึดอัดได้แต่คนที่คุ้นเคยกับที่นี่จะไม่รู้สึกอะไร นักปฏิบัติธรรมวัดเขาไม้รวกยังเล่าให้ฟังอีกว่า ในถ้ำใหญ่เป็นสถานที่สวดมนต์ภาวนาของนักปฏิบัติธรรมที่นี่ ระหว่างการสวดมนต์มักจะมีงูชนิดต่างๆ ขึ้นมานอนขดอยู่ตามศาลต่างๆ ที่สร้างไว้ บางช่วงจะได้เห็นหยดน้ำที่ไหลลงมาจากเพดานถ้ำมาหยดอยู่กลางถ้ำเป็นหยดน้ำสีรุ้ง

    นี่คงเป็นคำตอบของการสร้างรูปงูขนาดใหญ่และมีศาลาคลุมบนเขาแห่งนี้

    เอาละได้ภาพและข้อมูลมามากพอแล้ว เดินทางต่อไปได้ เวลาของวันแรกใกล้จะหมดลงต้องหาที่พัก ผมเลือกพักที่ทับสะแกเพราะสะดวกในการเดินทางต่อไปยังเป้าหมายต่อไปของผม น้ำตกห้วยยางนั่นเอง ที่พักในทับสะแกหาไม่ยาก แต่จะเอาแบบประหยัดด้วยดูดีและปลอดภัยก็ต้องใช้เวลากันหน่อย ระยะทางจากทับสะแกกลับไปยังประจวบคีรีขันธ์ หรือ หัวหินก็มากเกินไปที่จะกลับไปหาที่พักที่นั่น ใจจริงอยากไปนอนกางเต็นท์ที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยางด้วยซ้ำ แต่ไม่เอาดีกว่าคืนแรกสรุปนอนที่ทับสะแก
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 15, 2011, 06:43:32 PM
เช้าวันใหม่หลังจากคืนที่วุ่นวายของผมผ่านพ้นไป ในชีวิตการเดินทางการนอนเป็นเรื่องที่ผมให้ความสำคัญไม่มาก ที่พักที่ราคาไม่แพงเป็นเป้าหมายหลักก่อนเสมอเพราะเมื่อรุ่งเช้าของวันใหม่ผมก็ต้องเดินทางต่อไปยังที่อื่นๆ อีก นั่นคงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผมจึงไม่ค่อยมีหัวข้อแนะนำที่พักมากนัก แต่ละที่ที่ผมไปพักมันไม่ค่อยน่าแนะนำเท่าไหร่ ปกติไม่ว่าจะไปจังหวัดไหนก็ไม่เคยมีปัญหากับการนอน ตื่นมาก็ไปต่อ แต่ที่นี่ทำให้ผมต้องทบทวนใหม่อีกหลายๆ รอบเวลาเลือกที่พักแบบประหยัด เพราะว่า เวลาประมาณตี 4 ครึ่ง มีวัยรุ่นคู่หนึ่งมาตามหาเพื่อนในโรงแรมแห่งนี้ แล้วหากันไม่เจอไม่รู้ว่าอีท่าไหน แกเลยเดินทุบประตูห้องพักทีละห้องพร้อมกับแหกปากตะโกนเรียกเพื่อนไปเรื่อยๆ แหม ความคิดนี้สร้างสรรค์จริงๆ นานเกือบครึ่งชั่วโมง ไม่มีใครโผล่ออกมาดู คนดูแลโรงแรมก็ไม่เห็นหน้า ประหลาดดีจัง ถ้ามีปืนสักกระบอกคงสนุก แต่เอาเถอะเก็บมาใส่ใจก็เท่านั้น สรุปว่าเช้านี้ตื่นสายอารมณ์บ่จอยเท่าไหร่ อาบน้ำแล้วออกเดินทางดีกว่า

    ด้วยสภาพอากาศที่ไม่มีโอกาสจะได้เห็นพระอาทิตย์ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา เป็นเหตุให้ผมเลือกการเดินน้ำตกเป็นเป้าหมายแทนการเที่ยวชายหาด กลับรถแล้วมุ่งหน้าเข้ามาทางประจวบคีรีขันธุ์ เป็นทางไปน้ำตกห้วยยาง ระหว่างนั้นจะมีป้ายบอกทางแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ น้ำตกเขาล้าน ชี้ไปทางซ้ายแยกหน้า ระยะทางจากถนนเพชรเกษม 13 กิโลเมตร ปากทางแยกมีป้ายบอกทางไปศูนย์การศีกษานอกโรงเรียนบ้าง สำนักงาน อบต. บ้าง เส้นทางลาดยางเรียบอย่างดี 2 เลน สวนกัน หลังจากเลี้ยวเข้ามาได้แล้วก็จะมีทางโค้งบ้าง หักศอกบ้าง ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา 4 ครั้ง ไปเรื่อยๆ เข้าเขต ต.เขาล้าน เริ่มได้เห็นผลผลิตของชาวบ้านเป็นกองมหึมาอยู่หน้าบ้าน นั่นก็คือมะพร้าว ชาวบ้านละแวกนี้ยึดอาชีพสวนมะพร้าวเป็นระยะเวลายาวนาน มีหลายครั้งที่สวนมะพร้าวเกิดปัญหาเกี่ยวกับฝนฟ้าอากาศ เพลี้ย หนอน กัดกินยอดมะพร้าวจนยืนต้นตายจำนวนมาก แต่ก็ยังมุ่งมั่นที่จะยึดอาชีพนี้กันต่อไป เป็นเหตุผลให้เราได้เห็นป่ามะพร้าวขนาดใหญ่กินพื้นที่กว้างขวางในประจวบคีรีขันธุ์ คำว่ามหึมา ที่ผมใช้ก็เพื่อให้คนที่ไม่เคยไปนึกภาพกองมะพร้าวจำนวนมากได้ แต่ในใจก็รู้ดีว่า ที่เคยเห็นมันกองใหญ่กว่านี้เกือบเท่าตัว รถกระบะที่มีลิงห้อยโหนอยู่อย่างสนุกสนานเวลาขนมะพร้าวไปขาย แม้จะยังมีให้เห็นแต่ก็มีแค่คันเดียวเท่านั้นสำหรับทริปนี้ แสดงให้เห็นว่า คำว่าตกงานนอกจากจะเป็นปัญหากับมนุษย์แล้ว ยังเริ่มขยายวงกว้างไปยังพวกลิงอีกด้วย

    ชมสวนมะพร้าวเพลินๆ มาพอสมควร ประมาณ 10 กิโลเมตรมาสุดถนนลาดยาง เป็นทางลูกรังต่อเข้าไปในหมู่บ้านอีกประมาณ 3 กิโลเมตร ระหว่างนี้ก็ยังใช้่ความเร็วได้ 40-50 กิโลเมตร/ชั่วโมง 2 ข้างทางยังคงเป็นสวนมะพร้าว หลายแห่งเริ่มปลูกมะพร้าวรุ่นใหม่แซม หลายแห่งก็เริ่มปลูกกล้วยแทน (คิดว่าคงจะดีกว่า) แต่ก็ยังไม่ทิ้งการปลูกมะพร้าวรุ่นใหม่

    ผ่านลึกเข้ามาเรื่อยๆ จะได้เห็นเขาหลวงปกคลุมด้วยหมอกที่สวยงาม ผ่านช่องว่างของทางรถให้เห็นวิวสวยๆ
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 15, 2011, 06:51:08 PM
เข้ามาได้พักใหญ่ บ้านคนเริ่มห่างออกไปทุกที เห็นเพียงมะพร้าวต้นสูงชะลูด เป็นแนวลึกเข้าไป กรวดเล็กๆ บนถนนลูกรังเริ่มปะปนด้วยหินขนาดใหญ่ขึ้นๆ สลับกับร่องน้ำที่กัดเซาะถนนเป็นร่องลึกลงไป ทำให้ต้องใช้ความเร็วลดลงเพื่อลดแรงสะเทือนของรถ นกแปลกหน้าที่ไม่เคยเห็นก็เริ่มจะมีมาให้เห็นได้ชมได้ศึกษากันตามข้างทางอย่างไม่กลัวเกรง เมื่อมาเห็นนกแปลกๆ ที่นี่ กับฝนฟ้าอากาศของเมื่อวานผสมกัน ผมเริ่มรู้สึกว่าทับสะแกกับบางสะพาน มีสภาพอากาศคล้ายภาคใต้ มากกว่าจะเป็นภาคกลาง (ผิดกับตอนไปเที่ยวหัวหิน) เขามีคำพูดกันว่า ฝนแปดแดดสี่ คือมันมีทั้งฝนตกกับแดดออกสลับกันได้ตลอดทั้งวัน หลังจากที่ได้คืบคลานรถไปเรื่อยๆ ในที่สุดผมก็มาถึง...

    ป้ายที่เขียนบอกว่ายังต้องไปอีก 1.4 กม.  :'(
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 15, 2011, 06:54:24 PM
หลังจากนั้นก็ถูกบังคับเลี้ยวไปทางขวาตามทางลูกรัง พอเลี้ยวขวาเสร็จบรรยากาศก็เปลี่ยนไป สภาพภูมิประเทศเห็นเป็นหินก้อนใหญ่กระจัดกระจายอยู่ในบริเวณต่างๆ รวมทั้งหินบนถนนก็มีขนาดใหญ่ขึ้นจนต้องลดความเร็วลงไปอีก ผมคิดว่าเครื่องยนต์ที่ทำงานไปพร้อมกับล้อที่หมุดด้วยความเร็วคงที่ไปเรื่อยๆ น่าจะดีกว่าวิ่งฝ่าหินพวกนี้ไปด้วยความเร็วเพราะคงต้องเบรคกันบ่อย แต่เบื้องหน้าก็ยังมีวิวสวยๆ เป็นเครื่องปลอบใจ อากาศแบบนี้หากไม่มีฝนเทลงมาในป่า ผมคงได้ภาพน้ำตกที่ดีออกมาได้ไม่ยากความคิดแบบนี้ผุดขึ้นมาในสมองเป็นระยะๆ ของการเดินทางที่เชื่องช้าไปตามสภาพถนน
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 15, 2011, 07:04:27 PM
ขับเข้ามาเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ กับหน่วยพิทักษ์ที่ ห.ย.1 จะปลอบใจผมด้วยการทำป้ายสวยๆ มาปักบอกว่าผมยังต้องไปอีก 800 เมตร มัวแต่ถ่ายรูปป้ายอยู่เลยไม่ได้หันไปดูทางขวาตามลูกศร พอเลี้ยวรถไปทางขวาถึงได้เห็นว่าผมเจอเนินมหัศจรรย์เข้าให้แล้ว เป็นทางชันสั้นๆ ไม่ยาวมาก แต่ก็พอจะรู้ว่ามันไม่ใช่เนินที่จะขับเก๋งขึ้นไปแบบง่ายๆ มันต้องมีการเร่งส่ง บางช่วงมีหินก้อนใหญ่พอสมควรผุดขึ้นมาจากผิวถนน เป็นภาพที่ชวนให้คิดว่า รถเก๋งมันขึ้นได้จริงหรือเปล่า เดี๋ยวไปล้อฟรีบนก้อนหินผิวเนียนก้อนนี้เข้าละก็จะทำยังไงต่อ หรือว่าต้องกลับไปเอา 4WD มาใหม่ แต่สุดท้ายระหว่างที่ผมคิดๆ อยู่เพลินๆ เจ้าหน้าที่ 2 คนเดินสวนทางลงมาพร้อมกับโบกมือคล้ายจะบอกว่า ขึ้นมาเล้ย แล้วผมก็กดคันเร่งลงไปส่งให้รถวิ่งเร็วขึ้นด้วยกำลังของเกีัยร์ 1 (เกียร์ออโต้นะ แต่รู้ว่ามันทำงานที่เกียร์ 1) เสียงล้อบดกับกรวดเล็กๆ ที่เพิ่งจะเปียกฝนหมาดๆ มีฟรีเป็นระยะๆ แต่มันก็ขับเคลื่อนให้รถผมเคลื่อนที่ขึ้นไปได้อย่างช้าๆ อย่างน้อยก็ยังไม่มีอาการบอกว่าต้องการคนมาเข็น ผ่านเนินนั้นมาได้แล้ว จึงได้สติกลับคืนมาคว้ากล้องมาถ่ายรูปบรรยากาศป่าไม้ร่มรื่นและอุดมสมบูรณ์ เริ่มมีให้เห็นตั้งแต่ทางเข้าที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ห.ย.1
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 15, 2011, 07:08:48 PM
จากนั้นอีกอึดใจเดียวผมก็เอารถเข้ามาเทียบที่ลานจอดรถเล็กๆ เห็นได้ชัดว่าจะจอดได้ไม่เกิน 4 คันด้วยซ้ำ แต่ก็คงเพียงพอที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวใจสู้สำหรับน้ำตกเขาล้าน ที่ทำการหน่วยพิทักษ์ ที่ ห.ย. 1 มีอาคารเล็กๆ เรียบง่าย มีป้ายบอกชื่อน้ำตก มีห้องน้ำ มีร้านอาหารที่ไม่เปิด 1 ร้าน ลึกเข้าไปมีกระท่อมหลายหลัง ป้ายบอกทางไปน้ำตกอยู่ข้างลานจอดรถ ผมลงมาจัดแจงอุปกรณ์อันมีกล้องพร้อมกระเป๋า และร่ม 1 คัน มุ่งหน้าเดินเข้าไปตามทางเดินที่เห็นได้ชัด
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 15, 2011, 07:17:23 PM
หลังจากที่ได้ถ่ายรูปสะพานซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของทางเดินพิชิตน้ำตกเขาล้าน กล้องก็เริ่มเตือนรูปแบตเตอรี่ขีดสุดท้าย เอาละสิ จะไปได้ถึงไหนละถ้างั้นท่าทางทริปนี้จะวืดหลายอย่างเพรายังมีแผนการเดินทางไปอีกหลายแห่ง ต้องเดินย้อนกลับไปเอาแบตเตอรี่สำรองที่อยู่ในรถ สายชาร์จก็ไม่ได้เอามา งานเข้าแล้วไง แต่ยังไงก็ตามก็ต้องไปตามชะตากรรมจะทำได้ละกัน ก่อนที่จะเดินไปยังน้ำตกก็ไม่ลืมถ่ายรูปป้ายบอกระยะทางไว้เป็นหลักฐาน หลังจากนี้จะถ่ายรูปอะไรต้องคิดให้มากแบตฯ ที่มีอยู่จะได้ใช้ไปอย่างคุ้มค่า

    หลังจากที่เดินไปได้สักพักก็จะเห็นป้ายบอกน้ำตกชั้นที่ 1 แต่ที่เห็นอยู่ตรงหน้า เห็นแต่ลานหินกว้างๆ ไม่เห็นมีน้ำสักหยด หรือว่าจะมาแห้ว น้ำแห้งหรือเปล่า ไม่เป็นไรชั้นแรกอาจจะเป็นอย่างงี้เองเดี๋ยวชั้นต่อไปคงดีขึ้น

    เดินไปบนลานหินไม่กี่ก้าว ป้ายเตือนระวังหินลื่นก็แสดงให้เห็นว่าป้ายไม่ได้โกหก มันเริ่มมีอาการลื่นบางแห่ง ผมต้องเลือกเดินบนหินที่แห้งสนิทและมีสีแดง เพราะสีอื่นดูเหมือนว่าจะเกิดจากการมีน้ำไหลผ่านระหว่างเดินข้ามลานหินบางช่วงมีน้ำไหลและเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องเดินทำตัวให้ต่ำลงเกือบเหมือนคลาน ใช้มือมาช่วยเป็นบางครั้ง
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 15, 2011, 07:21:09 PM
หลังจากนั้นก็ได้เห็นลำธารสายหนึ่งไหลผ่าน จากต้นสายไปถึงท้ายสายยาวเกินกว่าช่วง 18 มม. ของเลนส์ที่ใช้จะเก็บหมดแต่ไม่เป็นไร เอาเท่าที่ได้แล้วเดินไปต่อ จนเจอสายธารที่อยู่เหนือขึ้นไป บนลานหินของน้ำตกจะมีลูกศรสีเหลืองจางๆ บอกทางให้เดินต่อไปยังชั้นอื่นๆ เพียงแค่เดินตามลูกศรเท่านั้น แต่ในใจอยากจะให้มีทางอื่นที่ไม่ต้องเดินบนหินลื่นๆ นี้ เพราะไม่ค่อยถูกโรคกัน มีที่ลื่นที่ไหนผมก็มักจะล้มที่นั่นแหละ แต่ในเมื่อไม่มีทางอื่นให้เลือกก็ต้องเดินต่อไปช้าๆ และระวังมากขึ้น
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 15, 2011, 09:34:46 PM
ในที่สุดเส้นทางที่เดินตามมาเรืื่อยๆ ก็พาผมมาที่น้ำตกอีกชั้นหนึ่ง ผมคิดว่ามันคือชั้นที่ 2 เพราะเมื่อกี้ที่เดินข้ามมาเป็นชั้น 1 พอมาถึงที่นี่มีลานหินกว้างพอสมควร จะยืนถ่ายจากบนหินนี้ก็ได้ แต่ดูเหมือนจะมีทางเดินลงไปบนหินก้อนเดียวกันที่ด้านล่าง แต่มันค่อนข้างสูง จะลงหรือไม่ลงดีเพราะทางลงมันไม่มีที่จะเหยียบให้สักเท่าไหร่ ที่จะเกาะจะเหนี่ยวมันก็หายาก แต่ในเมื่อมาแล้วก็ต้องลงไปดูซะหน่อย เผื่อมุมจากตรงนั้นมันจะสวยกว่า ผมวางร่มกับกระเป๋ากล้องไว้ในที่ที่จะหยิบได้ถึงหลังจากที่ลงไปด้านล่างแล้ว หลังจากนั้นก็ปีนลงไปช้าๆ ผมไปถึงข้างล่างอย่างปลอดภัยแล้วก็เอื้อมหยิบกระเป๋ากล้องมานั่งรอเวลา หัวใจที่ยังเต้นแรงเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายหลังจากที่ป่ายปีนมา ทำให้ตัวผมกระเพื่อมเป็นจังหวะเดียวกัน การกดชัตเตอร์ลงไปตอนนี้ย่อมได้ภาพเบลอๆ มาแน่นอน ผมต้องนั่งพักรอสักระยะหนึ่งให้จังหวะหัวใจเต้นเบาลง นั่งในท่าที่ถนัดถือกล้องเล็งแล้วจะไม่สั่นไหว ดีว่าฟ้าครึ้มแดดไม่แรงไม่ต้องกังวลว่าสายน้ำจะออกมาโอเวอร์ขาวจนเกินไป แต่ก็ไม่ครึ้มมากจนต้องใช้สปีดช้าที่เกินจะรับไหว

    หลังจากที่ถ่ายรูปแล้วตรวจเช็คว่าได้รูปที่ไม่เบลอก็พร้อมที่จะออกเดินทางต่อไป แต่เพื่อความมั่นใจผมกดไป 4 รูป เอามาดูในคอมอีกทีว่ารูปไหนชัดที่สุดตามประสาช่างภาพมือเปล่า สายน้ำที่ไหลลงมาในรูปนี้เป็นน้ำตกที่สูงพอควร แต่มีเพียงสายเดียวแคบๆ บางทีอาจจะดูเหมือนเป็นน้ำตกสายเล็กๆ แต่ความจริงไม่ถึงขนาดนั้น หลังจากเก็บภาพนี้ได้แล้ว เอาฝาเลนส์มาปิดโดยไม่ปิดกล้องเพื่อประหยัดแบตเตอรี่ที่ไม่รู้ว่าจะไปได้ไกลแค่ไหน ยังมีสถานที่ที่ต้องถ่ายรูปอีกเยอะ เอากล้องใส่กลับเข้ากระเป๋า วางกระเป๋าบนลานหินแล้วจึงได้เห็นสะพานไม้เก่าๆ พอที่จะเดินข้ามไปขึ้นอีกด้านหนึ่งโดยไม่ต้องปีนกลับตรงที่ผมปีนลงมาซึ่งอันตรายกว่า ผมไม่ต้องลังเลที่จะเดินไปขึ้นอีกทางแล้วอ้อมกลับมาเอาร่มก่อนจะเดินไปต่อ
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 15, 2011, 09:49:50 PM
เส้นทางจากน้ำตกชั้นที่ 1 มายังชั้นที่ 2 ช่างง่ายดายกว่าที่คิด ยังคงเหลืออีก 3 ชั้นเท่านั้นการเดินทางสำรวจน้ำตกเขาล้านของผมจะสิ้นสุดลง ผมออกเดินจากชั้นที่ 2 ที่ผ่านมาไปตามทางที่เห็นได้ชัดในป่า มาคนเดียวก็สงบดีไปอีกอย่างจะถ่ายมุมไหนชั้นไหน ช้าหรือเร็วก็ไม่มีใครว่า ไม่ต้องกลัวใครรอเดินไปเรื่อยๆ ชักจะชันขึ้นๆ ทางเดินเริ่มเข้าขั้นทำให้ขาหมดแรงได้ หัวใจเต้นรัวเสียงดังตึ๊บๆๆๆ อยู่ในหน้าอก ผมก้มลงมองที่ปลายเท้าพร้อมกับคิดว่าเราจะรีบไปไหนหว่า มาคนเดียวถ่ายรูปที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่เห็นต้องรีบและไม่ได้แข่งกับใครสักหน่อย การถ่ายรูปน้ำตกเราต้องแข่งกับตัวเองเท่านั้น การเดินป่าต้องอดทนไปให้ถึงและมีแรงพอที่จะถ่ายรูปด้วยต่างหาก คิดอย่างนี้แล้วผมก็ก้าวในจังหวะที่ช้าลง ค่อยๆ ก้าวไปตามทางที่สูงชันอย่างช้าๆ ยังดีที่ทางชันของน้ำตกเขาล้านมันไม่ยาวไกลมากนัก ชันหน่อยเดียวเดี๋ยวก็เป็นทางราบ เจ้าหน้าที่ที่นี่ตัดแต่งกิ่งไม้โดยเฉพาะพืชที่มีหนามออกจนเดินง่ายและสะดวกมาก ป่าไม้ที่นี่ก็อุดมสมบูรณ์ร่มรื่นทำให้รู้สึกสบายไม่ร้อนมาก ในที่สุดก็มาเจอกระท่อมหลังหนึ่ง เป็นจังหวะที่เหมาะมากผมเข้าไปที่กระท่อมไม่รอช้า ถอดเสื้อออกแล้วยืนรับลมบนลานหินกว้างๆ ลมพัดเย็นเข้ามาตลอดเวลาทำให้รู้สึกดีขึ้นมาก ปกติผมเป็นคนที่เหงื่อออกเยอะมาก เสื้อเปียกไปทั้งตัว สายสะพายกระเป๋ากล้องรวมทั้งกระเป๋าเปียกชุ่มไปหมด ฝ่ามือก็เปียกแล้วก็เหนียว ผมวางกล้องและของอื่นๆ ลงที่แคร่เล็กๆ ที่ต่อไว้ในกระท่อม เอาเสื้อผึ่งลมไว้ที่ขื่อ หลังจากนั้นต้องนั่งพักนิ่งๆ ไม่งั้นจะหน้ามืดเป็นอาการของคนเสียน้ำไปมาก และที่สำคัญผมลืมพกน้ำติดตัวมาด้วย

    ระหว่างที่นั่งพักเดินพักยืนพักรอบๆ กระท่อมและลานหิน ผมเห็นน้ำตกไหลตกมาจากหน้าผาทั้งสูงและกว้าง ไม่รู้ทำไมในหัวผมมันบอกว่านี่คือน้ำตกชั้นที่ 4 ทั้งๆ ที่ยังไม่เคยเห็นน้ำตกชั้นที่ 3 เลยด้วยซ้ำ แต่ผมไม่ค่อยได้สนใจเรื่องนี้เท่าไหร่ น้ำตกมันคงจะหายไปเพราะผมมองไม่เห็นป้ายที่ไหนสักแห่ง ทำให้ผมมายืนอยู่ที่ชั้นที่ 4 เหตุที่ผมเชื่อว่ามันคือชั้น 4 เพราะผมมองเห็นน้ำตกอีกชั้นหนึ่งหลบอยู่ในป่าเหนือน้ำตกชั้นนี้ในมุมมืดๆ และผมก็เชื่อว่ามันคือชั้นที่ 5 อย่างแน่นอน

    หลังจากที่ได้พักจนหายเหนื่อยดีแล้ว ก็หยิบกล้องขึ้นมาวัดแสงรอบๆ การถ่ายภาพระยะไกลด้วยช่วงเลนส์ยาว มีโอกาสทำให้ภาพมันเบลอได้ง่ายกว่า ต้องระวังมากกว่าชั้นที่อยู่ใกล้ๆ กดชัตเตอร์ไปดูรูปไป แล้วก็ถ่ายซ้ำๆ เพราะบางทีเวลาภาพเบลอเพียงเล็กน้อยจะมองไม่ค่อยเห็นต้องไปดูในคอม ถ่ายรูปตรงนี้เสร็จแล้วรู้สึกว่าหัวใจมันลิงโลดยังไงบอกไม่ถูก เหมือนว่าตัวเองไปมาครบแล้วทั้ง 5 ชั้นยังไงยังงั้น มันเหมือนเป็นไฮไลท์ของน้ำตกเขาล้านเลย ผมพักอยู่ที่กระท่อมนี้อีกพักใหญ่เหมือนกับว่าไม่จำเป็นต้องไปไหนต่อแล้ว ลมเย็นๆ ที่พัดมารู้สึกอยากนอนอยู่ตรงนี้สักตื่น แต่ยังไงก็ช่างเถอะมองเห็นชั้น 5 อยู่ตรงหน้าแล้ว ก็ไปซะหน่อย แต่เส้นทางจากนี้ไปรู้เลยว่าไม่ธรรมดา เราต้องไปยืนอยู่บนผาเหนือน้ำตกชั้น 4 เพื่อที่จะเดินเข้าไปในมุมมืดในป่านั้นซึ่งเป็นที่อยู่ของเป้าหมายของการเดินทาง น้ำตกเขาล้านชั้น 5 นั่นเอง
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 15, 2011, 10:05:07 PM
และแล้วสิ่งที่สันนิษฐานไว้ก็เป็นจริง ผมมาเจอเส้นทางที่เรียกว่าเนินมรณะ ผมพบกับเนินมรณะครั้งแรกที่ภูสอยดาว เค้าเรียกว่าเนินมรณะจริงๆ แต่หลังจากนั้นเวลาไปเจอช่วงชันๆ ที่ไหนผมก็เรียกเนินมรณะตลอด มันเป็นช่วงที่จะทำให้ขาหมดแรงลง หัวใจเต้นตูมตามเหมือนจะทะลุออกมา ความรู้สึกขัดแย้งกันระหว่างจะไปต่อหรือจะกลับมันจะผุดขึ้นมาในหัวโดยเฉพาะการเดินป่าแรกๆ แต่ตอนนี้ไม่มีคำว่าถอยอยู่แล้ว

    ผ่านพ้นเนินนี้ไปได้เป็นทางราบเรียบมีเอื้องให้เราชมตามพื้นอยู่ชุกชุม เหมือนเป็นดอกไม้ให้กำลังใจให้เราได้เดินทางต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ เอื้องเหล่านี้ผมเอามาลงเว็บในสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งแล้วคงไม่ต้องถ่ายรูปมาอีก

    ไม่นานนักผมก็มาถึงผาหินสูงใหญ่ของน้ำตกเขาล้านชั้นที่ 4 ที่ผมเห็นไกลๆ และถ่ายรูปเมื่อสักครู่ ลานผานี้สูงมาก มีน้ำไหลผ่านและตกลงไปเป็นชั้นที่ 4 ที่สวยงาม ด้วยประสบการณ์ที่ผมเดินบนลานหินที่น้ำตกชั้นที่ 1 ผมรู้เลยว่ามันลื่นขนาดไหน ความไว้วางใจของผมที่มีต่อรองเท้าแบรนด์ดังจากในห้างมันหายไปหมด เพราะความสูงของผา ขืนพลาดท่ามันคงดูไม่จืดแน่ๆ ผมถอดรองเท้าและวางร่มลงแล้วเดินด้วยเท้าเปล่าข้ามไปอย่างระวังมากเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่ลืมเก็บภาพตรงบริเวณกระท่อมที่พักเมื่อกี้มาด้วย
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 15, 2011, 10:35:27 PM
แล้วผมก็ไปถึงป้ายน้ำตกชั้น 5 (นั่นไงว่าแล้วว่ามันต้องเป็นชั้น 5) เป็นชั้นพิเศษไม่เหมือนใคร หลังจากที่เราได้เห็นน้ำตกเป็นสายยาวๆ เล็กๆ ตกจากผาสูง กันมาแล้ว คราวนี้มาชมน้ำตกที่เป็นม่านกว้างๆ บ้าง หากว่าน้ำมากกว้านี้คงได้เห็นม่านขนาดใหญ่เป็นเหมือนจอหนัง แต่ตอนนี้ก็นับว่าสวยมากแล้ว เจ้าหน้าที่บอกก่อนที่จะเดินขึ้นมาแล้วว่าผมมาถูกช่วงดีแล้วน้ำกำลังมากพอดีเลย เจอน้ำตกแบบม่านอย่างนี้ก็ต้องกดชัตเตอร์หลายภาพหน่อย โอกาสเบลอมันสูงกว่าเยอะ กว่าจะได้สายนุ่มๆ ไหลลงมาอย่างที่เห็น แต่ก็เอาเถอะได้รูปมาตามที่ตั้งใจแล้ว อีกอย่างมันเป็นชั้น 5 ผมไม่ต้องกังวลแล้วว่าจะมีแบตเตอรี่มากน้อย มีอะไรให้ผมถ่ายได้อีก ผมตั้งใจไว้แล้วว่าบรรยากาศระหว่างการเดินขึ้นมาจะถ่ายรูปในช่วงขาลง

    อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้น้ำตกชั้น 5 มันมองไม่ค่อยเห็นตอนที่อยู่กระท่อมก็คือมีก้อนหินขนาดใหญ่บังมันอยู่ แต่หินก้อนนี้ก็เป็นที่พึ่งอย่างดีที่จะทำให้ผมถือกล้องได้มั่นคงไม่สั่นไหว รอบๆ บริเวณมีดอกไม้ป่าให้ชมแต่ก็ไม่กี่ชนิด เทียบกับลักษณะของผืนป่าที่สมบูรณ์เขียวขจี น่าจะมีดอกไม้ป่ามากมายให้ได้ชม
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 16, 2011, 07:57:45 AM
คราวนี้มาเดินลงเขาตอนขากลับ ตอนที่ถ่ายรูปน้ำตกชั้นที่ 5 ความกังวลใจหลายๆ อย่างมันได้หมดไป ผมยืนชมวิวบนผาน้ำตกชั้นที่ 4 ที่มองเห็นผืนป่าสีเขียวได้กว้างไกล เทือกเขาสลับซับซ้อนที่เห็นอยู่ไกลๆ แบตเตอรี่ก้อนหลักใช้หมดไปแล้ว ผมต้องเอาก้อนสำรองมาใส่ ปัญหามันก็อยู่ที่ว่า แบตเตอรี่สำรองมันเสื่อมไปแล้วเพราะมันเป็นก้อนแรกที่ติดมากับกล้องตั้งแต่แรก ชั่วโมงการใช้งานที่ยาวนานของมันทำให้มันเสื่อมต่อจากนี้ไปจะถ่ายรูปได้อีก ไม่ถึง 1 วัน ดังนั้นต้องถ่ายรูปที่สำคัญๆ เท่านั้น การถ่ายรูปน้ำตกที่ต้องใช้สปีดชัตเตอร์ต่ำกว่าการถ่ายรูปทั่วไปทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วขึ้น แถมยังต้องถ่ายแบบเผื่อเลือกกันเบลอหลายๆ รูปอีกต่างหาก แต่เอาเถอะคิดไปก็เท่านั้นแล้วแต่โชคชะตาแล้วกัน

    ผมเดินลงมาจากน้ำตกชั้นที่ 4 หลังจากข้ามหน้าผาใส่รองเท้าเก็บร่มมาด้วยภาพที่คิดว่าจะถ่ายมาให้ดูกันภาพหนึ่งคือการถางป่าข้างทางเดินของเจ้าหน้าที่ที่คอยดูแลเป็นอย่างดี บางแห่งที่ผมไปมันก็ทั้งรกทั้งมีหนาม เดินลำบาก แต่ที่นี่โล่งสบาย คิดได้ 2 อย่าง อย่างแรกถ้าไม่ถางมันก็ได้รสชาตการเดินป่าดี แต่ถ้าถางออกมันก็เดินสบายดี

    ตอนเดินขาลงไม่ต้องทำอะไรมาก ก้าวขายาวๆ แล้วปล่อยให้แรงดึงดูดของโลกมันทำงานเอง น้ำหนักตัวจะพาผมลงเขาได้อย่างรวดเร็วขอแค่ก้าวให้ทันเท่านั้น ไม่กี่นาทีผมก็มาถึงลานหินตรงกระท่อมที่พักตอนขาขึ้น ผมวางของลงทำเหมือนตอนขึ้นมา เปลี่ยนเป็นเลนส์เทเลเพื่อเก็บภาพน้ำตกบนผาให้ได้ชัดๆ มากขึ้น แต่ภาพที่ออกมามันดูไม่ต่างกับตอนขึ้นไปเท่าไหร่ เลยไม่โพสต์ดีกว่า จากนั้นก็เดินลงมาจนถึงน้ำตกที่ผมคิดว่ามันเป็นชั้นที่ 2 มีทางแยกอีกทางไม่ต้องเดินข้ามลานหินลื่นๆ กลับไปทางน้ำตกชั้นที่ 1 ผมเลือกเดินตรงไปตามทางเดินดีกว่าจะไปเสี่ยงกับลานหินลื่นๆ กว้างๆ นักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งเดินสวนทางขึ้นมา เห็นท่าทางจะลงซะแล้วคงเป็นเพราะนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ค่อนข้างมีอายุกันแล้ว จะเดินขึ้นชั้น 4 เจ้าหน้าที่คงไม่แนะนำแน่

    การเลือกเดินลงมาตามทางเดินแทนการข้ามลานหินกลับไปยังทางที่ขึ้นมาของผม เป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุด มันเป็นเรื่องบังเอิญที่ทำให้ผมได้เห็นน้ำตกชั้นที่ 2 จึงได้ถึงบางอ้อว่าน้ำตกชั้นที่ 3 มันหายไปไหน ที่จริงผมถ่ายรูปชั้นที่ 1 แล้วก็ 3 เลยต่างหาก ก้อนหินขนาดใหญ่บังน้ำตกชั้นที่ 2 มิด เวลาเดินขึ้นมามันเลยไม่เห็น แต่พอเดินลงอีกทางมันถึงจะมองเห็น
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 16, 2011, 08:13:54 AM
หลังจากถ่ายรูปน้ำตกชั้นที่ 2 เสร็จแล้วผมเดินต่อลงมาเพื่อที่จะกลับไปยังลานจอดรถ แม้ไม่มีป้ายบอกทางแต่ผมก็มั่นใจว่าทางที่ผมกำลังเดินไปนี้ต้องไปทะลุที่ไหนสักแห่งข้างที่ทำการหน่วยพิทักษ์ ห.ย.1 เดินลงมาเจอม้านั่งยาวๆ 3 ตัว นึกว่าจะเป็นที่นั่งพักผ่อนให้หายเหนื่อย แต่พอมองไปข้างหลังม้านั่งถึงได้เห็นว่ามีน้ำตกที่ไหลต่อลงมาจากภาพที่ผมเพิ่งจะถ่ายไปเมื่อกี้ นี่ต่างหากที่เป็นชั้นที่ 2 ที่แท้จริง ส่วนภาพเมื่อกี้คงเป็นลำธารก่อนที่จะถึงน้ำตกตรงนี้ไม่นับเป็น 1 ชั้น

    ความเร็วในการเดินลงเขาอย่างรีบเร่งที่จะไปที่อื่นต่อทำให้ไม่ทันมองอะไรให้ดี พอเห็นอะไรไหวๆ ผมถึงจะหยุดเดิน ปรากฏว่าเป็นงูตัวน้อยที่กำลังเลื้อยข้ามทางเดินจากป่าไปทางน้ำตก ทันทีที่เห็นผมมันตกใจหันหลังกลับ ผมเอากล้องออกมาถ่ายรูปงูตัวนั้นไว้ แต่มันเบลอๆ เพราะมืดและงูสีดำๆ หลังจากที่มันเลื้อยหายไปในป่าผมก็เดินต่อ มาเจอสัตว์ตระตูลแย้อีกกำลังจะหลบเข้าในรูป ผมเดินผ่านมันมาอย่างช้าๆ ดูเหมือนมันก็ลังเลว่าจะเข้ารูดีหรื่อเปล่า แต่สุดท้ายมันก็ยืนนิ่งๆ อยู่ปากรู ผมเดินลงมาจนถึงหน้าที่ทำการ มีกระท่อมหลังเล็กๆ หลายหลัง ไว้ให้นักท่องเที่ยวพักผ่อน ปกติจะมีอาหารขายแต่คงเป็นเพราะยังเช้าอยู่ หรือไม่ก็ปิด วันนี้นักท่องเที่ยวแวะเข้ามากันน้อย ผมเข้าใจทันทีว่าเป็นเพราะน้ำตกเขาล้านไม่มีแอ่งให้ลงเล่นน้ำ หินที่นี่ก็ลื่นมาก ตะไคร่น้ำจับหินจนมองเห็นเป็นสีดำเหมือนน้ำไม่สะอาด แอ่งที่มีอยู่ก็เล็กเกินกว่าจะลงเล่น การเดินขึ้นไปชมน้ำตกก็ลำบากเกินไปสำหรับนักท่องเที่ยวบางกลุ่ม เป็นสาเหตุให้ไม่ค่อยมีคนมาเที่ยวมากนัก แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังมาปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างดี ดูแลทางเดินถางป่าหญ้ากิ่งไม้หนามแหลมออกให้ เดินไปดูแลความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวเสมอ

    ตั้งแต่ 9 โมงเช้า ผมลงมาถึงลานจอดรถ 11 โมงกว่า เอาของเก็บเข้ารถ เดินไปที่ทำการดูรูปที่ถ่ายมาติดโชว์ไว้ที่บอร์ด เป็นรูปที่น่าจะมีอายุเกิน 10 ปี แต่ก็ยังไม่มีรูปใหม่ๆ มาติด น้ำตกเขาล้านมี 7 ชั้น เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ด้วยตัวเอง 5 ชั้น ส่วนชั้น 7 ต้องเดินจากชั้น 5 ไป อีก 2 กิโลเมตรและต้องให้เจ้าหน้าที่นำทางเท่านั้น

    สรุปว่า 5 ชั้นของผมก็เพียงพอแล้ว มีเวลาว่างๆ ค่อยมาเดินชั้น 7 ดีกว่า ผมเอาเสื้อบางๆ สีขาวที่ใส่อยู่ไปซักน้ำเปล่าที่ห้องน้ำแล้วใส่กลับเข้าไปทั้งเปียกๆ แบบนั้นแล้วออกเดินทางไปน้ำตกห้วยยาง ผมรู้ดีว่าพอไปเดินป่าห้วยยาง เดี๋ยวเสื้อมันก็แห้ง แต่จะให้ใส่เสื้อที่เหม็นเหงื้อขนาดนี้คงไม่ไหวแน่ ขากลับผมไม่ลืมเก็บภาพเนินที่ต้องเร่งเครื่องดันขึ้นมาอย่างลำบากมาให้ดูแต่เวลาถ่ายรูปลงไปมันดูไม่ค่อยชันเท่าไหร่

    การถ่ายรูปที่โชคดีของผมผ่านไปอีก 1 แห่ง ตลอดเวลาที่เดินขึ้นน้ำตกฟ้าครึ้มแสงพอเหมาะแต่ฝนไม่ตก ทั้งๆ ที่เมื่อวานฝนตก ร่มที่ถือไปได้ใช้เป็นไม้เท้าเท่านั้นเอง
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 16, 2011, 10:12:22 AM
หลังจากนี้ผมเดินทางออกจากน้ำตกเขาล้าน ผ่านทางลูกรัง 3 กม. และลาดยางอีก 10 กม. ทิวทัศน์สวนมะพร้าวยังคงสวยงามเหมือนเดิม แต่ผมไม่ค่อยได้สนใจอะไรเท่าไหร่ จากนี้ต้องไปน้ำตกห้วยยาง ถึงถนนเพชรเกษมเลี้ยวซ้าย ไปอีก 11.5 กม. ถึงห้วยยางจะมีแยกเลี้ยวซ้ายเข้าไปอีกประมาณ 6 กิโลเมตร ป้ายบอกทางบางอันก็เขียนว่า 4.5 กิโลเมตร แต่ช่างมันเถอะอันไหนจะถูกจะผิดก็ขับไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ถึง

    ที่ห้วยยางเป็นชุมชนที่ยึดอาชีพสวนมะพร้าวเช่นเดียวกันกับ ต.เขาล้าน ทิวทุ่งมะพร้าวจำนวนมากดูสวยงาม มีช่องว่างแบ่งมาทำนาข้าวไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็ทำให้มีช่วงวิวเปิดมองเห็นยอดเขาหลวงกับหมอกที่ปกคลุมอยู่บนยอดเขาได้สวยงาม ผมนึกในใจว่าถ้ามีที่ดินสำหรับปลูกบ้านที่นี่สักแปลงคงจะได้ชมวิวสวยๆ นี้ทุกวัน น่าจะดีไม่น้อย ระหว่างทางลาดยาง 2 เลน คดเคี้ยวไปในหมู่บ้านที่มีบ้านไม่หนาแน่นมากนัก นานๆ จะเจอร้านค้าสักร้านเป็นจุดแวะหาเครื่องดื่มและขนม ก่อนเดินทางต่อไป อาการกระหายน้ำจากการเดินน้ำตกเขาล้านยังคงอยู่

    ระหว่างทางเห็นวิวเปิดตรงไหนก็แวะเข้าไปจอดเก็บภาพไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็มาถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยาง เสียค่าเข้า ทั้งคนทั้งรถ 50 บาท
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 16, 2011, 10:17:28 AM
หลังจากนั้นเข้าไปที่ลานจอดรถ นักเรียนในเสื้อสีชมพูเดินสวนออกมาขึ้นรถนำเที่ยวขนาดใหญ่ที่จอดรออยู่ 2 คัน น่านไง โชคดีบังเกิด ถ้าผมมาที่ห้วยยางก่อนที่จะไปเขาล้าน คงได้ภาพนักเรียนเสื้อชมพูอยู่เต็มหน้าน้ำตกเป็นแน่ ทางเข้าน้ำตกห้วยยางกับป้ายต่างๆ ที่ติดอยู่ตามที่ต่างๆ แสดงให้เห็นว่านักท่องเที่ยวมาที่นี่กันมาก มีงบประมาณในการทำป้ายสวยๆ มาตรฐานสูงติดแสดงข้อมูลต่างๆ ในอุทยานได้หลายแห่ง ผิดกับน้ำตกเขาล้านเอามากๆ

    อันดับแรกเดินเข้าไปในศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เอาพาสปอร์ตมาประทับตราว่าได้มาแล้ว คุยกับเจ้าหน้าที่นิดหน่อยอย่างน้อยก็จะได้รู้ว่าน้ำตกห้วยยางมีกี่ชั้น เจ้าหน้าที่บอกว่ามี 5 ชั้น (ที่จริงมี 9 แต่เปิดให้เข้าได้ 5) ผมก็เลยถามว่าคงจะเดินจนเย็นแน่เลย เจ้าหน้าที่ตอบว่าไม่เย็นหรอกค่ะ คิดในใจว่าอืมเดี๋ยวคงจะได้รู้เองละ หลังจากนั้นก็เอาไปเก็บ หยิบกระเป๋ากล้องกับร่มคันเดิมเริ่มต้นเดินทางกันต่อได้ ที่หน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยวมีป้ายอันใหญ่ตั้งอยู่เขียนว่าทางไปจุดชมวิวผาชมทะเล แต่ช่างมันก่อนเถอะตอนนี้เราต้องโฟกัสไปที่น้ำตกห้วยยางก่อน ไว้มีแบตเตอรี่เหลือคงได้มาขึ้นจุดชมวิวอันนี้แน่ๆ

    ตรงสะพานข้ามลำธารสายเล็กๆ มีป้อมสำหรับเจ้าหน้าที่ตรวจตราสัมภาระห้ามนำอาหารเครื่องดื่มเข้าไป ยกเว้นน้ำในขวดพลาสติก
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 16, 2011, 10:26:18 AM
จากสะพานเดินตรงไปตามทางเรื่อยๆ เห็นป้ายบอกทางไปน้ำตกแต่ละชั้น ผมเข้าใจแล้วว่าที่เจ้าหน้าที่บอกว่า ไม่เย็นหรอกค่ะ มันหมายความว่าอย่างนี้นี่เอง น้ำตก 5 ชั้นของน้ำตกห้วยยาง ระยะห่างแต่ละชั้นเพียงแค่หลักสิบเมตร อย่างเช่น จากชั้น 3 ไปชั้น 4 30 เมตร อย่างนี้เป็นต้น เออ ระยะห่างแค่นี้เดิน 5 ชั้นจากบ่าย 2 ถึงเย็น คงจะเก่งเกินไปละ มีเฉพาะทางไปน้ำตกชั้นแรกกับชั้นที่ 5 ที่มีระยะอยู่ในหลักร้อยเมตรแต่ก็ไม่ใช่หลายร้อย รวมๆ แล้วถ้าเดินชมอย่างเดียวคงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงจบ

    ทางเดินในอุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยางเป็นทางเดินที่เรียบง่ายสบายๆ ทำบันไดขั้นเล็กๆ เอาไว้ให้เดินแบบชิล ชิล ไปเรื่อยๆ เนื่องจากแบตเตอรี่ที่เหลือมันเสื่อมก็ไม่รู้ว่าจะหมดเมื่อไหร่ ทางเดินก็เหมือนๆ กันหมด เลยถ่ายมาให้ดูพอสังเขป

    ไม่นานก็เจอน้ำตกชั้นที่ 1 สร้างในลักษณะเป็นฝายกั้นน้ำมากกว่าจะเป็นน้ำตกตามธรรมชาติ แต่ก็สร้างได้สวยดี มีท่อน้ำสำหรับสูบน้ำไปใช้ในห้องน้ำของอุทยาน เลยต้องถ่ายรูปเลี่ยงๆ ไม่ให้เห็นท่อ จุดนี้มีปลาพลวงอยู่ชุกชุม ชั้นนี้ไม่มีคนลงเล่นน้ำ คงเพราะปลาเยอะและมันยังเป็นชั้นแรก หลายๆ คนมาเที่ยวน้ำตกคงต้องเล็งชั้นสูงๆ ไว้ก่อน
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 16, 2011, 10:48:44 AM
เดินต่อกันเถอะได้รูปเรียบร้อยแล้ว เหนือฝายกั้นน้ำนี้มีน้ำตกเป็นสายธารที่ไหลมาแล้วแยกเป็น 2 สาย นี่น่าจะเหมาะที่จะเรียกว่าน้ำตกมากกว่า แต่ก็เป็นธารสายเล็กๆ น้ำที่นี่ไหลไปขังรวมกันอยู่ที่ฝายก่อนจะตกลงเป็นแผงกว้างสวยงาม แอ่งเหนือฝายก็มีปลาพลวงอาศัยอยู่มากเหมือนกัน และก็ไม่มีคนลงเล่นน้ำที่นี่ด้วย

    จากนั้นอีกไม่นานก็เป็นชั้นที่ 2 เป็นชั้นที่สวยงามมีแอ่งน้ำตื้นๆ เห็นเด็กๆ ลงเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน แต่ยังดีที่มีจังหวะที่เด็กๆ เหล่านั้นขึ้นจากน้ำคงจะเดินไปชั้นต่อไป น้ำตกว่างๆ ก็เลยเป็นภาพที่ตรงกับความต้องการของผมที่รออยู่ เหนือน้ำตกชั้นที่ 2 ขั้นไปตามทางเดินไปชั้นที่ 3 จะเห็นลำธารสายน้ำไหลลงมาเรื่อยๆ เลยเก็บมาอีกรูป

    ระหว่างทางเดินเที่ยวน้ำตกห้วยยาง จะมีที่นั่งพักที่จัดไว้ให้กระจายอยู่ตามจุดต่างๆ มีศาลาบ้าง หรือบางแห่งก็เป็นเพียงโต๊ะกลมกับม้านั่งที่ทำเกือบเหมือนหิน หรือไม่ก็ตอไม้ ให้กลมกลืนกันกับธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ที่นี่ ก่อนถึงน้ำตกชั้น 3 มีศาลา 1 หลัง ใกล้ๆ กันมีศาลอยู่ผูกผ้าหลากหลายสี มีหุ่นในชุดไทยสไบเฉียงตั้งอยู่ ผมคิดว่าน่าจะเป็นศาลเจ้าแม่ตะเคียนทอง ด้วยประสบการณ์ที่พอจะรู้ว่าแบตเตอรี่ที่ใช้อยู่จะถ่ายรูปได้อีกไม่นาน ผมยกมือไหว้ศาลเจ้าแม่แห่งนี้อธิษฐานขอพรให้มีแบตเตอรี่เหลือพอที่จะถ่ายน้ำตกครบแล้วจะกลับมาถ่ายรูปศาลเจ้าแม่มาประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จัก
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 16, 2011, 11:03:06 AM
หลังจากนั้นเดินต่อไปอีกหน่อยใกล้จริงๆ ถึงน้ำตกชั้นที่ 4 ผมพิมพ์ไม่ผิดหรอกมันเป็นชั้นที่ 4 จริงๆ มีชาวต่างชาติ 3 คนนั่งเล่นน้ำตกอยู่ งานนี้ก็ต้องรอต่อไป แอ่งน้ำกว้างใหญ่ที่น้ำตกห้วยยางชั้นที่ 4 เป็นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้มาก การลงเล่นน้ำที่นี่ได้รับความนิยมมาก นอกจากนั้นยังเป็นที่อยู่ของปลาพลวงจำนวนมาก นักท่องเที่ยวสามารถซื้ออาหารปลามาเลี้ยงปลาบนนี้ได้ เห็นถือกันมาคนละถุงๆ ถึงว่าเวลาเราเดินไปทางไหนปลามันว่ายน้ำตามเป็นฝูงใหญ่

    หลังจากที่รออยู่นานผมเห็นว่าชาวต่างชาติ 3 คนนี้คงไม่ลงมาจากน้ำตกแน่ เลยเดินข้ามฝายกั้นแอ่งน้ำเพื่อที่จะไปต่อ หลังจากข้ามฝายแห่งนี้ไปแล้วจึงได้รู้ว่าน้ำตกที่ล้นจากฝายเป็นชั้นที่ 3 นั่นเอง
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 16, 2011, 11:28:58 AM
เอาละคราวนี้ไปน้ำตกชั้นที่ 5 ชั้นสุดท้ายดีกว่า ระหว่างที่ผมกำลังเก็บภาพน้ำตกชั้นที่ 3 ถึงได้เห็นว่าชาวต่างชาติ 3 คนที่นั่งอยู่ตรงน้ำตกชั้นที่ 4 ออกมาแล้ว เอาละสินาทีทอง ต้องเดินข้ามฝายไปที่เดิมแล้วถ่ายรูปชั้นที่ 4 ใหม่ แล้วค่อยเดินไปชั้นที่ 5 ทางขึ้นน้ำตกชั้นที่ 5 อยู่ข้างน้ำตกชั้นที่ 4 เดินขึ้นไปหน่อยจะมีลานหินกว้าง มองเห็นวิวป่าเขาสีเขียว มีป้ายบอกทางเดินอ้อมแบบไม่ต้องป่ายปีนหินก้อนใหญ่ๆ เพราะอาจจะพลาดได้ ไม่ต้องคิดมาก เดินอ้อมไปดีกว่า ส่วนรูปวิวนั้นคงต้องเอาไว้ทีหลังให้แน่ใจว่าแบตที่เหลือในกล้องจะพอถ่ายรูปชั้นที่ 5 ให้เสร็จเรียบร้อยก่อน

    ไม่นานเท่าไหร่ก็มีถึงหุบผาหิน ลักษณะเป็นหินทั้ง 2 ข้าง มีธารน้ำไหลอยู่ตรงกลางคล้ายๆ ออบหลวง แต่ไม่สูงมากนัก มาถึงตรงที่เป็นน้ำตกจะมองไม่เห็นน้ำตกจนกว่าเราจะเดินข้ามหินน้อยใหญ่ไปที่ด้านหน้าน้ำตกจริงๆ เป็นเพราะหินขนาดมหึมาที่ขวางเส้นสายตาของเราไว้ น้ำตกชั้นที่ 5 ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัว มีหินขนาดใหญ่ล้อมรอบเหมือนห้องสปา น้ำตกที่ไหลลงมาตามผาหินสูงกว่า 15 เมตร แต่ถ้าถ่ายรูปน้ำตกเปล่าๆ มาจะดูไม่รู้ว่ามีความสูงขนาดนั้น รูปที่ผมถ่ายชุดแรกติดเด็กๆ ที่ลงเล่นน้ำอย่างสนุกสนานรวมทั้งคนที่มาถ่ายรูปอย่างเดียวก็ถ่ายกันนานให้สมกับความลำบากที่ได้เดินมาถึงตรงนี้ได้ ผมก็ต้องนั่งรอนิ่งๆ แบตเตอรี่ก็คงหมดไปเรื่อยๆ เพราะไม่ได้ปิดกล้อง การปิดเปิดบ่อยๆ จะเปลืองแบตมากกว่า

    นักท่องเที่ยวหลายคนก็ตื่นตาตื่นใจสนุกอยู่กับฝูงปลาจำนวนมากในแอ่ง สุดท้ายเวลาก็ผ่านไปเป็นสิบนาที สำหรับคนที่นั่งรอเฉยๆ นี่มันเหมือนนานมาก ผมถ่ายให้เห็นน้ำตกมากๆ บ้าง เห็นมุมกว้างๆ กับฝูงปลาในแอ่งน้ำข้างหน้าตัวเองบ้าง กางเกงยีนขายาวของผมแช่อยู่ในน้ำเกือบหัวเข่า หลายคนที่เห็นก็คงงงว่าทำไมแต่งตัวแบบนี้มาเที่ยวน้ำตก แต่พอเห็นผมถ่ายรูปอย่างเดียวไม่สนใจอย่างอื่นเขาคงเข้าใจได้ว่าผมมาถ่ายรูปเฉยๆ
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 16, 2011, 11:35:10 AM
หลังจากที่เด็ก 3 คนนี้เล่นน้ำจนเบื่อแล้ว เพื่อนฝูงที่มาด้วยกันร้องเรียกให้ขึ้นมาจากน้ำ 3 คนก็เดินขึ้นมาที่ฝั่งด้านเดียวกับที่ผมยืนอยู่ ตอนนี้นักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ก็มาถึง ทุกคนจัดแจงถ่ายรูปเป็นที่ระลึกโดยมีน้ำตกห้วยยางชั้นที่ 5 เป็นฉากหลัง ผมเองก็ต้องหามุมถ่ายรูปน้ำตกเปล่าๆ แบบไม่มีคนมาอีกหลายรูป ทั้งแนวตั้งแนวนอน แต่ลองเอามาเปิดพิจารณาดูแล้ว การถ่ายน้ำตกแห่งนี้แบบโล่งๆ ไม่มีคน มันทำให้น้ำตกดูเล็กลงจนไม่น่าสนใจ แต่ถ่ายมาแล้วก็เอามาให้ดูละกัน หลังจากแน่ใจว่ารูปที่ถ่ายมามีภาพชัดๆ ใช้ได้แล้วก็เดินกลับ ตอนนี้ความรู้สึกโล่งใจที่ได้ถ่ายภาพน้ำตกครบทุกชั้น เกิดขึ้นอีกครั้ง สิ่งเดียวที่เหลือคือกลับไปถ่ายรูปศาลเจ้าแม่ตะเคียนทองที่เดินผ่านมาตรงระหว่างทางชั้น 2 มายังชั้น 3 ตามที่ได้อธิษฐานเอาไว้

    หลังจากที่เดินออกมาจากน้ำตกผมเก็บภาพทางไปน้ำตกชั้น 5 ที่บอกว่ามีก้อนหินขนาดใหญ่ปิดไว้จนเหมือนห้องสปานั้นมาด้วย
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 16, 2011, 11:43:20 AM
ผมเดินมาเก็บภาพวิวใกล้ๆ น้ำตกชั้นที่ 5 ที่เห็นเป็นป่าไม้เขียวขจีกับก้อนหินขนาดใหญ่ มีป้ายเตือนให้ระวังอันตรายมากกว่าชั้นอื่นๆ อย่างน้ำตกในชั้นอื่นๆ จะเตือนเรื่องหินลื่น ส่วนที่นี่มีทั้งเตือนน้ำลึก น้ำวน และหินถล่ม หินก้อนใหญ่บางก้อนคงอยู่ได้ด้วยต้นไม้ต้นเดียวค้ำอยู่ น่ากลัวว่าหากต้นไม้นี้ล้ม หินก้อนนั้นจะกลิ้งไปถึงไหน

    สุดท้ายข้ามฝายน้ำตกชั้นที่ 3 เดินมาที่ศาลเจ้าแม่และถ่ายรูป ไหว้ศาลเจ้าแม่อีกครั้งเพื่อลากลับ หลังจากนั้นเก็บเฉพาะภาพที่สำคัญๆ ระหว่างทางเดินกลับไปยังศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 16, 2011, 11:50:24 AM
บรรยากาศทางเดินบางส่วนของน้ำตกห้วยยาง มีโต๊ะอยู่ตัวนึงที่สะดุดตาผมตั้งแต่เดินขึ้นไปแล้วละ แต่ผมก็ต้องอดใจไว้เอาแบตเตอรี่ที่ไม่รู้ว่าจะหมดลงเมื่อไหร่ไปใช้กับน้ำตกดีกว่า ขากลับพอมีแบตเหลือผมก็เลยถ่ายมาด้วย

    เจ้าโต๊ะตัวนี้มันเป็นหินก้อนนึง ด้านบนกับด้านล่างเรียบ มันเลยดูเหมือนโต๊ะ ที่ดูสุดยอดกว่านั้นก็คือพืชเล็กๆ ที่ขึ้นปกคลุมบนก้อนหินเฉพาะด้านบน ดูเหมือนผ้าปูโต๊ะไม่มีผิด เท่ห์สุดๆ ไปเลยหินก้อนนี้ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติต่างก็มาหยุดเดินถ่ายรูปกับหินก้อนนี้กันเกือบทุกคน

    ในที่่สุดก็เดินมาถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ผมปรี่เข้าไปหาร้านค้าสวัสดิการ มองหาเครื่องดื่มเกลือแร่เพื่อมาชดเชยเหงื่อที่สูญเสียไปอย่างมาก น่าเสียดายที่ไม่มีขายเลยหยิบลิปตันไอซ์ทีมาแทน อย่างน้อยก็ดูจะคล้ายๆ กัน หลังจากนั้นต่อด้วยน้ำเปล่า กำลังคิดว่าจะไปไหนต่อดี เวลาตอนนี้ก็บ่ายสองโมงกว่าแล้ว เหลือเวลาไม่มากแล้วสำหรับวันนี้ ท้องฟ้ายังคงครึ้ม อากาศเย็นสบาย ผมไม่ค่อยชอบถ่ายรูปทะเลเวลาฟ้าครึ้มเลยยังไม่ไปไหน หลังจากที่พักจนหายเหนื่อยแล้ว หันไปเห็นทางขึ้นจุดชมวิวผาชมทะเล ไม่ต้องคิดกันให้มาก มาแล้วก็ไปสิ ระยะทาง 300 เมตรเอง
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 16, 2011, 12:17:40 PM
ระยะทาง 300 เมตร จากพื้นราบไปยืนอยู่บนผาชมทะเล บอกผมได้ 2 อย่าง

    อย่างแรก ระยะทาง 300 เมตรมันชิล ชิล แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว
    อย่างที่สอง จากพื้นราบไปหน้าผาบนเขา 300 เมตร เอง แสดงว่ามันต้องชันมหาโหดแน่ๆ

    ก้าวแรกหลังจากการพักให้หายเหนื่อยเดินลอดป้ายที่เขียนว่าทางขึ้นจุดชมวิวผาชมทะเล ไปตามทางเรื่อยๆ รู้สึกว่า 100 เมตรแรกจะธรรมดาๆ ไม่มีอะไร ความเร็วในการก้าวย่างไปข้างหน้าของผมเริ่มช้าลงๆ หลังจากนั้น ทางที่ขึ้นไปนี้เรียกว่าชันมหาโหดอย่างที่ผมคาดการณ์ไว้ ทางเดินชัน 80 องศา มีเชือกเส้นใหญ่ขึงยาวข้างทางเดิน เป็นตัวช่วยและที่พึ่งเดียวของคนที่จะเดินขึ้นไปบนนี้ได้ ที่เหลือต้องใช้แรงกายแรงใจของเราเพียงอย่างเดียว ผมเดินผ่านทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมเห็นและอยากจะหยุดเก็บภาพมัน เพราะแบตเตอรี่ที่เหลือน้อยเต็มทนของแบตสำรองซึ่งเป็นก้อนสุดท้ายของทริปนี้มันบอกว่าเหลือขีดเดียวแล้วนะ และเอกลักษณ์ของกล้อง Nikon เวลาเหลือขีดเดียวแล้วนึกจะหมดก็จะหมดเลย และจะไม่ยอมให้กดชัตเตอร์ลงได้อีก การปิดแล้วเปิดใหม่จะไม่ช่วยอะไรเราได้เลย

    เมตรแล้วเมตรเล่าของการเดินบนทางชันนี้ผ่านไปอย่างเชื่องช้า ระยะทางประมาณ 200 เมตร ผ่านพ้นไป สุดสายเส้นเชือกที่ขึงไว้ให้จากตรงนี้ไปเริ่มจะเป็นทางราบริมผา มีไม้เก่าๆ ยาวๆ ตีพาดระหว่างเสาที่ปักไว้อย่างแข็งแรงเททับด้วยปูนอีกชั้น กับป้ายที่เขียนว่าห้ามป่ายปีนหน้าผา เพราะเลยแนวไม้กั้นนี้ออกไป จะเป็นผาหินที่ลาดเทลง หากออกจากแนวไม้ไปแล้วเกิดลื่นพลาดขึ้นมาคงต้องมาสวัสดีผู้ชมในโลกหน้ากันเป็นแน่

    ก่อนที่จะก้าวเดินต่อไปร่างกายมันฟ้องว่าไม่ไหวแล้วครับ หัวใจเต้นอย่างแรงยิ่งกว่าตอนที่ขึ้นน้ำตกเขาล้านเสียอีก ผมต้องวางกระเป๋ากล้องลงแล้วหาที่นั่งพัก การพักคราวนี้ผมรู้ดีว่าต้องนานพอให้ร่างกายกลับสภาพเดิมถึงจะเดินไปต่อได้ และที่สำคัญผมไม่ได้รีบไปไหนซะหน่อย อาการคล้ายหน้ามืดเหมือนจะเป็นลม (อาการเดียวกันกับตอนที่ผมเดินขึ้นถ้ำเขางู ขึ้นลงภูเขา 3 รอบเลย) แต่ก็ค่อยๆ ดีขึ้นหลังจากที่พักไปได้พักใหญ่ ผมลืมที่จะพกน้ำขึ้นมาด้วย เวลาเหงื่อออกนั้น น่ากลัวมาก ตอนนี้แขนเปียกไปทั้งแขน มันไม่เหมือนคนเหงื่อออกแต่มองดูเหมือนเพิ่งอาบน้ำมามากกว่า ยังดีว่าอากาศบนนี้เย็นสบายและร่มรื่น แล้วผมก็เดินต่อไปเรื่อยๆ

    ระหว่างทางเดินบนเขามีรอยเท้าเป็นทางเข้าไปซ้ายบ้างขวาบ้าง แต่ผมไม่สนใจแม้แต่น้อย มีจุดที่ดูเหมือนจะเห็นวิวได้แต่ก็ช่างมัน ผมสนใจทางเดินที่ชัดเจนที่น่าจะเป็นจุดที่ทางอุทยานเตรียมไว้ให้เท่านั้น สุดท้ายผมก็มาหยุดนั่งอยู่บนหินก้อนหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่บนลานหินกว้าง

    ท้องฟ้าเวิ้งว้างข้างหน้ามีป่ามะพร้าวสีเขียวหนาแน่น มองไกลออกไปเป็นท้องทะเลสีคราม ท้องฟ้าที่มืดครึ้มตั้งแต่ 8 โมงเช้าเหมือนจะมีฝนจนมาถึงบ่ายสองโมง กลับสว่างอวดสีครามกับเมฆขาวอย่างกับปาฏิหาริย์ จุดชมวิวหันไปทางตะวันออกซึ่งเห็นทะเลฝั่งอ่าวไทยได้สวยงามในยามบ่าย เวลาและจังหวะของผมในทริปนี้ที่มาอยู่ตรงนี้ช่างเหมาะเจาะจริงๆ ระหว่างการถ่ายรูปน้ำตกไม่มีแดดออกไม่ร้อนแสงเหมาะ ตอนนี้ฟ้าเปิดสวยใสอยู่เบื้องหน้าเหมาะกับการถ่ายวิวกว้าง ลมเย็นๆ ที่พัดมาทำให้ผมต้องถอดเสื้อแขวนไว้บนต้นไม้ นั่งพักจนเหงื่อแห้งก่อนที่จะหยิบกล้องออกมาจากกระเป๋า เล็งภาพไว้ก่อนเปิดฝาเลนส์
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 16, 2011, 12:23:05 PM
ผมนั่งอยู่บนผาชมวิวทะเลนี้นานพอสมควรมองยอดมะพร้าวจำนวนมากอยู่เบื้องล่าง เลนส์เทเลถูกหยิบมาใช้เพื่อที่จะถ่ายให้เห็นทะเล กับยอดมะพร้าว เป็นความสุขอย่างบอกไม่ถูก ไม่มีเรื่องราววุ่นวายต่างๆ เข้ามาในสมอง ไม่ต้องคิดเรื่องอะไรเลยตอนที่อยู่บนนี้ จะเอาอะไรกันอีกสำหรับคำว่าพักผ่อน นี่แหละคือการพักผ่อนและได้รับรางวัลจากความยากลำบากตอนที่ได่เชือกขึ้นมาบนนี้ ยอดมะพร้าวมองจากบนนี้สวยมากไม่เคยมองต้นมะพร้าวจากที่ที่สูงกว่ามาก่อนเลย เงินบาทจะแข็งหรือจะอ่อนตอนนี้ก็ไม่ต้องสนใจแล้ว
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 16, 2011, 12:26:24 PM
หลังจากที่คิดว่าพักพอแล้ว ผมจะเริ่มเดินลงจากผาชมทะเล ผมยังคงอธิษฐานอยู่ในใจขอให้มีแบตเตอรี่เหลือพอสำหรับที่ที่ผมจะไปต่อจากนี้ และรู้ดีว่ามันคงเป็นที่สุดท้ายของทริปนี้แล้วละ แบตเตอรี่ที่เสื่อมก้อนนี้ไม่น่าจะมีพลังงานเหลือพอพ้นเย็นนี้ไปได้ ท้องฟ้าที่เปิดสดใสสวยงามนี้ ผมควรจะไปทะเล ระหว่างทางเดินลงจากผา ผมเก็บภาพมาให้ชมกันด้วยว่ามันเป็นยังไง
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 16, 2011, 12:34:58 PM
ระหว่างทางที่มีไม้กั้น มีบางช่วงที่เราพอจะมองลอดใบไม้ออกมาเห็นภูเขาที่เราเพิ่งจะขึ้นไปชมน้ำตก กับลานจอดรถของอุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยาง หลังจากนั้นก็มาถึงเส้นเชือกที่ขึงไว้ เนื่องจากมือไม้สั่นไปหมด กว่าจะถ่ายรูปเชือกนี้ให้ชัดๆ ได้ ก็ต้องกดลงไปตั้ง 4 รูป นักท่องเที่ยวที่มาน้ำตกห้วยยางนั้นมีเยอะมากเจ้าหน้าที่ต้องคอยดูแลคนที่เดินไปน้ำตก นี่ถ้าหากว่าผมหมดแรงอยู่บนนี้จะมีคนรู้หรือเปล่าเนี่ย ถึงตอนนี้ก็พอจะรู้แล้วว่าทำไมไม่ค่อยมีคนมาเดินผาชมทะเล

    อีกอย่างหนึ่งที่ผมไม่ได้ไปก็คือจุดชมวิวยอดเขาหลวง ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในอุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยาง การเดินทางระยะ 7 กิโลเมตร จำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง และต้องไปค้างบนนั้น สำหรับทริปนี้ปล่อยไปก่อนเราไม่ได้วางแผนมาแบบนั้น แต่คงได้กลับมาอีกแน่

    จุดหมายปลายทางต่อไปซึ่งคงเป็นที่สุดท้ายของวันนี้และของทริปด้วยก็คือ หาดวนกร หลังจากลงมาจากหน้าผาถึงที่ทำการอุทยาน ผมเก็บของเข้าไว้ในรถแล้วก็เตรียมเสื้อผ้าไปอาบน้ำ คราวนี้เปลี่ยนจากยีนขายาวเป็นกางเกงขาสั้นสบายๆ เหมาะกับชายหาดแล้วเดินทางต่อ นักท่องเที่ยวหลายคนตัวเปียกจากการลงเล่นน้ำตกเดินเข้ามาหาห้องน้ำว่างๆ คงแปลกใจอยู่ที่เห็นคนแต่งตัวปกติไม่เปียกน้ำเดินถือของมาอาบน้ำ  ;D
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 16, 2011, 01:46:51 PM
ด้วยระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร จากที่ทำการอุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยาง ไปถนนเพชรเกษม จากนั้นเลี้ยวซ้ายไปอีกเกือบ 2 กิโลเมตร กลับรถกลับมาอีกเกือบ 2 กิโลเมตร ถึงทางเข้าอุทยานแห่งชาติหาดวนกร เข้าไปอีกไม่ถึง 3 กิโลเมตรก็ถึงหาดวนกรแล้ว เมื่อดูจากแผนที่มันเกือบจะตรงกันพอดีด้วยซ้ำเพียงแต่อยู่คนละฝั่งของถนนเพชรเกษม

    เข้ามาถึงหาดวนกรจะเจอ 3 แยกให้เลือกไปทางซ้ายหรือขวา ทางขวาไปที่ทำการอุทยานและร้านค้าสวัสดิการ เลี้ยวซ้ายไปเป็นทางเลียบทะเลชายหาดเหนือ หากวนกรจะว่าไปแล้วค่อนข้างตรงยาวแต่ถ้าจะเที่ยวอุทยานแห่งชาติหาดวนกรให้ทั่ว จะมีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่างไม่ใช่เพียงแค่หาดทราย กิจกรรมที่นี่คือการกางเต็นท์นอนริมทะเลรับลม ฟังเสียงคลื่นผ่อนคลายตลอดคืน การดำน้ำชมปะการังเกาะจาน เกาะท้ายทรีย์ เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ระยะทางตั้งแต่ 2-6 กิโลเมตรแล้วแต่ชอบ จุดชมวิวอ่าวมะค่า นวดแผนไทย ฯลฯ

    อันดับแรกต้องไปติดต่อศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ผมอยากได้เต็นท์สำหรับนอนในคืนนี้ ส่วนพรุ่งนี้ไม่มีแผนที่จะไปไหนนอกจากกลับกรุงเทพฯ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว คิดว่าคุ้มแล้วสำหรับทริปนี้ ได้ภาพสวยๆ ถูกใจมาเยอะ จองเต็นท์ได้แล้วก็ออกไปถ่ายรูปริมหาดให้ทันกับท้องฟ้าสีครามที่หาได้ยากในช่วง 2 - 3 วันนี้ จุดเด่นของหาดวนกรก็คือแนวสนที่มีอยู่อย่างหนาแน่นริมหาดทราย เป็นที่สำหรับกางเต็นท์ที่ได้บรรยากาศการพักผ่อนริมทะเลที่ดีมาก ใครๆ มาก็ต้องถ่ายรูปแนวสนเหล่านี้อย่างแน่นอน

    อีกเหตุผลหนึ่งที่เลือกหาดวนกรเป็นที่สุดท้ายของทริปนี้ก็เพราะว่าครั้งแรกที่มาที่นี่ เจอมรสุมฟ้าครึ้มคลื่นลมแรง จนรูปที่ถ่ายมาเอามาโพสต์ไม่ได้ อยากซ่อมให้ได้สวยๆ แล้วค่อยมาโพสต์ รูปที่ 3 เป็นรูปจากครั้งแรกครับ
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 16, 2011, 01:49:40 PM
เอาละคราวนี้ก็ต้องเดินหามุมที่ถูกใจ แบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ทำให้ผมต้องเลือกมุมอย่างดีก่อนที่จะเปิดกล้องขึ้นมาใช้งาน ผมถ่ายมาด้านซ้ายและขวาของหาดวนกรด้านละ 3 รูป หลังจากนั้นก็จะเดินไปเก็บภาพตามแนวสน
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 16, 2011, 01:54:13 PM
ผู้คนที่มาเที่ยวที่หาดวนกรนั้นส่วนใหญ่จะมาเป็นครอบครัว มีบ้างที่มากันตามประสากลุ่มเพื่อน หลังจากที่มีการประกาศห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ให้มาดื่มในอุทยานแห่งชาติ หาดวนกรดูสงบขึ้นมากเหมือนๆ กับตามอุทยานแห่งชาติที่อื่นๆ ทั่วประเทศ เด็กๆ ส่วนใหญ่จะลงเล่นน้ำโดยมีผู้ปกครองคอยดูอยู่ใกล้ๆ เด็กบางคนที่ไม่อยากลงเล่นน้ำก็จะมีเปลให้นอนเล่น หรือไม่ก็เดินเล่นตามหาดทราย เป็นบรรยากาศของการพักผ่อนโดยแท้
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 16, 2011, 02:01:12 PM
นอกเหนือจากฤดูมรสุม หาดวนกร เป็นหาดทรายสะอาดทอดยาว น้ำทะเลใส ฟองคลื่นสีขาวแวววาวระยิบระยับสะท้อนแสงแดด เป็นภาพงดงามที่มีเสน่ห์ของการเที่ยวทะเล

ท้ายสุดของการเก็บภาพตามแนวสนหลังจากที่ได้กดชัตเตอร์ลงไปแล้วกล้องก็เตือนแบตเตอรี่หมด และไม่ยอมทำงานอีก ผมต้องยอมจำนนกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพียงลืมเอาสายชาร์จแบตเตอรี่มาด้วยเท่านั้นพลาดไปได้หลายเรื่องเชียว ผมเก็บกล้องเข้ากระเป๋าไว้ในรถจากนั้นก็ไปอาบน้ำอีกครั้ง (ตอนอาบน้ำที่น้ำตกห้วยยางคิดว่าน้ำมาจากน้ำตก น่าจะอาบน้ำประปาอีกรอบดีกว่า)

    ห้องน้ำที่อุทยานแห่งชาติหาดวนกรเป็นห้องน้ำที่สะอาด แม้ว่าจะสร้างมานานมากแล้วและเห็นได้ถึงความเก่าตามอายุของประตูกับกลอน แต่ก็นับว่าใช้ได้สำหรับที่ท่องเที่ยวที่ต้องรับรองแขกทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ นอกจากนั้นก็มีห้องน้ำสร้างใหม่ขึ้นมาเพิ่ม ทางเดินไปห้องน้ำมีลานข่อย เป็นเสน่ห์อีกอย่างของที่นี่
หัวข้อ: Re: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tommy ที่ สิงหาคม 16, 2011, 02:21:44 PM
หลังจากอาบน้ำอาบท่าสบายตัวดีแล้วผมก็สั่งข้าวมากินจากร้านค้าสวัสดิการของอุทยาน รู้สึกว่าทริปนี้ผมฝากท้องไว้กับอุทยานแห่งชาติหลายมื้อเหลือเกิน เวลาที่ค่อยๆ ผ่านไปผมเฝ้าทบทวนรูปที่ถ่ายมาด้วยแบตส่วนที่เหลือพอให้ดูรูปได้แต่ถ่ายรูปไม่ได้ ดูไปดูมาจนแบตหมด ถึงเวลา 6 โมงเย็น ผมเดินลงไปที่ชายหาดเตรียมของเข้าไปนอนในเต็นท์ สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าคือพระจันทร์เต็มดวง ฟ้ายังไม่มืดมิดลง พระอาทิตย์ที่ลับขอบฟ้าลงไปยังคงมีแสงสว่างเหลืออยู่ แสงที่เรียกกันว่าทไวไลท์ สิ่งที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นในวันนี้ ท้องฟ้าทิศตะวันออกกลายเป็นสีชมพูระเรื่อจางๆ พระจันทร์เต็มดวงคือสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นวันนี้ (ตอนเดินทางมาไม่ได้ดูปฏิทิน) สร้างสรรค์วิวที่สวยงามขึ้นมากลางทะเล ผมเสี่ยงดวงหยิบแบตเตอรี่อีกก้อนหนึ่งที่หมดไปตั้งแต่เช้าออกมาเปลี่ยน แล้วลองเปิดกล้องหามุมถ่ายรูปนี้มา เป็นพลังงานเฮือกสุดท้ายจากแบตของกล้องที่ผมไม่เคยใช้วิธีนี้ได้ผลมาก่อน ผมถ่ายรูปตอนนี้ไว้ 6 รูป แต่เอามาให้ดูกันนิดหน่อยก็แล้วกันเพราะมันก็ดูเหมือนๆ กันหมด

    หลังจากนั้นแบตก็หมดลงอีกครั้งและคราวนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ แม้ว่าจะลองถอดออกแล้วใส่ใหม่ก็ไม่ได้ผลแล้ว หลังจากนั้นเวลาประมาณ 2 ทุ่ม แสงจันทร์สาดส่องสว่างเหนือท้องทะเลที่เวิ้งว้าง แสงจันทร์สว่างมากพอจนเป็นแสงระยิบระยับบนผิวน้ำ เห็นแล้วเข้าใจได้เลยว่าำทำไมคนถึงชอบไปเที่ยวงานฟูลมูนปาร์ตี้กันนัก หรือในหนังสือท่องเที่ยวจึงมีภาพพระจันทร์เต็มดวงเหนืออ่าวประจวบ มันสวยอย่างนี้นี่เอง ผมลองเอามือถือออกมาถ่ายรูปแต่น่าเสียดายที่มันมืดไปหมด เสียดายจริงๆ งานนี้แต่ก็ต้องทำใจ เข้านอนดีกว่า

    วันที่แสนเหน็ดเหนื่อยผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ได้รูปสวยมามากพอแล้ว มันเหนื่อยเกินกว่าจะมาคิดว่าพรุ่งนี้พระอาทิตย์จะขึ้นสวยหรือไม่สวย นอนข่มตาให้หลับ แปลกจังมันนอนไม่หลับจนเกือบจะเที่ยงคืน หลังจากนั้นก็หลับๆ ตื่นๆ เสียงคลื่นน่าจะกล่อมให้หลับได้ เหนื่อยก็เหนื่อย ยังจะนอนไม่หลับอีก

    เช้าวันรุ่งขึ้น อาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม ผมตื่นมามองพระอาทิตย์แว่บนึงแต่เห็นมีเมฆกลุ่มใหญ่ปกคลุมเหนือทะเลตรงขอบฟ้าทิศตะวันออก พระอาทิตย์โผล่ขึ้นมาจากทะเลและลับหายเข้าเมฆไป ดีเหมือนกันอย่างน้อยก็ไม่ต้องเสียดายอะไรมากกว่านี้ แต่สรุปแล้วผมก็ถือว่าทริปนี้มีสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ เป็นโชคดีของผมอยู่หลายอย่างมาเพียงพอแล้ว ไว้วันหนึ่งคงต้องหาโอกาสมาเก็บภาพพระจันทร์เต็มดวงเหนือทะเลประจวบคีรีขันธ์กันใหม่ จบทริปด้วยการเดินทางกลับแบบเรียบง่าย ด้วยประการฉะนี้....