Touronthai Forum สนทนาประสาเที่ยว
หมวดหมู่ทั่วไป => แบกเป้เที่ยว AEC เรื่องราวท่องเที่ยวต่างแดน => ข้อความที่เริ่มโดย: natgrita ที่ พฤศจิกายน 02, 2013, 12:55:30 AM
-
ประเทศอังกฤษ (England) หรือ ชื่อเต็ม ๆ ว่า สหราชอาณาจักร United Kingdom Of Great Britain and Northern Ireland หรือ UK ซึ่งรวมเอาสก๊อตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือเข้าไว้ด้วยกัน อังกฤษมีเมืองหลวงคือ ลอนดอน
เที่ยวบินจากกรุงเทพฯ - ลอนดอน จะมี 2 แบบ
;)แบบบินตรง (Direct Flifht) มีหลัก ๆ แค่ 4 สาย ได้แก่การบินไทย (Thai Airway), อีวาแอร์ (EVA Air), บริติชแอร์เวย์ (British Airways), และแควนตัสแอร์เวย์ส (Qantas Airways)
;)แบบแวะเปลียนเครื่อง มีทั้งหมด 6 สายการบิน
สายการบินไทย (Thai Airway) สายการบินแห่งชาติของไทยเราที่มีเที่ยวบินไปลอนดอนทุกวัน วันละ 2 เที่ยวบิน ซึ่งใช้เวลาบินทั้งหมด 11-12 ชั่วโมง
จุดเด่นของสายการบินนี้ จะหาแอร์สาว ๆ ยากสักหน่อยค่ะ
มีคนนี้ค่ะ ที่อายุน้อยที่สุด และสวยที่สุด ในเที่ยวบินเที่ยวที่ไป
****เราเดินทางไปประเทศนี้ เมื่อวันที่ 24 กันยายน - 24 ธันวาคม 2554****
สิ่งที่เก็บเกี่ยวมาขอบอกว่าคุ้มค่ามากกับการใช้ชีวิตที่นี่ในระยะเวลา 3 เดือน
-
:o;วันนี้จะพาเพื่อน ๆ ฝ่าด่านอรหันต์ฮีทโทรว์
:-[ด่านแรกคือ ด่านตรวจคนเข้าเมือง โดยความน่ากลัวของมันไม่ได้อยู่ที่เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองหรอกนะค่ะแต่เป็นการที่รอคิว
ที่น่าเบื่อมาก ๆ โดยเฉพาะอาคาร 3 ของสนามบินซึ่งถือว่าวุ่นวายที่สุด
:-Xด่านที่สอง รับมือ ตม. ลอนดอน ด่านนี้ทางเจ้าหน้าที่ จะสอบถามข้อมูลส่วนตัว
:o ด่านที่สาม ด่านตรวจสัมภาระ ซึ่งมีข้อกำหนดมากมาย รายละเอียดตรงนี้ ถ้าต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมถามมาได้ค่ะ
::) เมื่อผ่านด่านต่าง ๆ มาได้แล้ว สิ่งแรกที่เราจะต้องหา คือเรื่องที่พัก จากสนามบิน เราสามารถเดินทางเข้าลอนดอน ด้วยรถไฟใต้ติน ทีีประเทศนี้
เราสามารถขนกระเป๋าเดินทาง และสัมภาระอื่น ๆ ที่เราสามารถเอาไปได้ ขึ้นบนรถได้ทุกชนิด ไม่จำเป็นว่าจะต้องใช้บริการแท็กซี่ เหมือนอย่างในประเทศไทยนะค่ะ
สิ่งที่จำเป็นสำหรับการท่องเที่ยวในลอนดอน คือ แผนที่ ค่ะ ส่วนเข็มทิศไม่ต้องนะค่ะ บางคนอาจจะบอกว่า เรื่องภาษาด้วย เราใช้ภาษาแค่พอฟังได้บ้าง แปล
และพูดได้บ้างนิดหน่อย ก็เที่ยวได้โดยที่ไม่ต้องไปกับทัวร์ หรือต้องเสียเงินจ้างไกด์
8) สิ่งหนึ่งที่เราจะพบเห็นในลอนดอนได้เยอะมาก คือ สวนสาธารณะ ซึ่ง ทุกคนสามารถพาน้องหมา ไปวิ่งเล่นได้ ประเทศนี้
ถ้าใครทำร้ายน้องหมา จะมีความผิดทางกฎหมาย
หนุ่มคนนี้ มาเป็นคอลเลคชั่น ในสวนสาธารณะ
-
:-[มุมหนึ่งในสวนสาธารณะ ที่หลาย ๆ คน ที่มาออกกำลังกาย และพาน้องหมา ออกมาวิ่งเล่น
-
:P แสงสุดท้ายของวันที่อังกฤษ แต่ถ้าอากาศหนาวมาก ๆ น้อยวันที่จะมีแสงแดดให้เห็น และในขณะที่ อากาศเย็น
ลมก็จะแรง และบางครั้งก็มีฝนตกด้วยค่ะ
-
:-X อังกฤษ เป็นประเทศที่จะมีทั้งหมด 5 ฤดู
ตอนที่เราไป เป็นฤดูใบไม้ร่วง จะอยู่ในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม
อุณหภูมิประมาณ 8-14 องศา แต่บางวันก็เจอชนิดที่ว่า มีละอองน้ำแข็ง
อยู่บนพื้นถนน เวลาเดินต้องระวัง เพราะจะลื่นพอสมควร อากาศเย็นอย่างเดียว
ไม่เท่าไหร่นะค่ะแต่ลมแรงด้วยนี่ดิ เสื้อผ้าที่ควรเตรียมไปสำหรับช่วงของฤดูนี้ ควรจะเป็น
เสื้อแจ็กเก็ตแบบหนา และเสื้อกันหนาวแขนยาว หมวก ถุงมือ รองเท้าบู้ท ผ้าพันคอ ฯลฯ
ฤดูใบไม้ร่วง มองไปทางไหน ทั้งเมืองจะเป็นสีน้ำตาล เพราะเต็มไปด้วยใบไม้
-
:-Xและสิ่งหนึ่งที่เราจะพบเห็นได้เกือบทั่วไปในประเทศนี้ก็คือ คอนโดน
ประเทศนี้ ถ้าเป็นฤดูหนาว เวลากลางวันจะน้อยกว่าเวลากลางคืน 1 ชม.
จะมืดเร็วมาก เวลาเดินกลับที่พัก ต้องผ่านสิ่งนี้ทุกวัน
-
:'( มุมหนึ่งในสวนสาธารณะ
-
:o ที่ประเทศนี้ ดอกไม้ส่วนมากจะดอกใหญ่ และสีสดใสมากอ่ะ
-
8) ดอกอะไรก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ อิอิ
-
:-* จัดให้อีกรูปนึงแล้วกันค่ะสำหรับดอกไม้ในเมืองหนาว
-
::) สิ่งหนึ่งที่เราจะต้องระวังที่ประเทศนี้ และสำคัญมากเหมือนกันคือ ถ้าเราเจอเด็ก น่ารัก และอยากถ่ายรูป เราต้องขออนุญาติ พ่อแม่เค้าก่อนนะค่ะ
ไม่งั้นได้มีการโวยแน่ ๆ ค่ะ แต่บางคนก็อัธยาศัยดีมาก ๆ จะทักทายเราก่อนก็มีค่ะ
-
:-* การเดินทางไปไหนมาไหน ก็แล้วแต่ ที่ป้ายรถ จะมีบอกว่า รถสายอะไร จะมาเวลาไหน จะมีการผิดเวลาอย่างมาก ก็ 5-10 นาที
:'( เวลาใช้บริการรถไฟใต้ดิน เวลาขึ้น หรือลงบันได ให้สังเกตุป้ายคำว่า Stand on the right ยืนชิดขวา ถ้าไม่ยืนชิดขวา
อาจจะโดนกระแทก หรือชนกระเด็นตกบันได ได้นะค่ะ เพราะที่นี่การใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละคน จะเร่งรีบตลอดเวลา เพราะ
ถ้าเค้าเลยเวลาที่รถไฟจะมา เค้าอาจจะต้องใช้เวลารอ นานถึง 30 นาที
-
:'( ทุกสถานีของรถไฟใต้ดิน จะมีจอบอกเวลาว่ารถสายไหนจะมาเมื่อไหร่
-
:-*สถานีรถไฟ Waterloo (วอเตอร์รู) เป็นสถานีที่ใหญ่ที่สุดอีกสถานีหนึ่ง ของลอนดอน
-
:'( อาหารของประเทศนี้ ที่เจ้าของบ้านที่เราไปเช่าอยู่ เลี้ยงต้อนรับ
-
:'( ไม่ช่ายแค่อย่างเดียวนะค่ะ นี่อีกจานนึงค่ะ ขอบอกว่า กินได้ไม่หมดค่ะ เรียกว่าอะไรก็จำไม่ได้แล้วเหมือนกันค่ะ
กินแค่ครั้งเดียว แล้วไม่ได้กินอีกเลยค่ะ ตลอดเวลา 3 เดือน ที่อยู่ที่ลอนดอน
-
:'( พาทุกคนไปแหล่งช็อปปิ้งกันสักหน่อยดีกว่าค่ะ
ตึกคาร์ดินัลเพลช (Cardinal Place)
-
:'( เราไปชมโบสถ์เวสต์มินเตอร์ กันต่อดีกว่าค่ะ เพราะว่าอยู่ใกล้ ๆ กับตึก ที่เราแวะไปช็อปปิ้ง แค่ข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามเองค่ะ
ถ้าใครจะเข้าชมภายใน จะต้องเสียค่าเข้าชมค่ะ วันนี้ชมแค่ด้านนอกไปก่อนนะค่ะ เพราะว่าสถานที่พวกนี้ ถึงเข้าไปด้านในเค้าก็ห้าม
ถ่ายรูปค่ะ แต่เข้าไปชมให้เห็นเป็นบุญตามาเหมือนกัน
-
:'( อีกด้านนึงของมหาวิหารเวสต์มินเตอร์ ซึ่งด้านนี้จะติดกับแม่น้ำเทมส์
มหาวิหารเวสต์มินเตอร์ เป็นมหาวิหารที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของอังกฤษ
-
::) สิ่งหนึ่งที่เราจะต้องระวังที่ประเทศนี้ และสำคัญมากเหมือนกันคือ ถ้าเราเจอเด็ก น่ารัก และอยากถ่ายรูป เราต้องขออนุญาติ พ่อแม่เค้าก่อนนะค่ะ
ไม่งั้นได้มีการโวยแน่ ๆ ค่ะ แต่บางคนก็อัธยาศัยดีมาก ๆ จะทักทายเราก่อนก็มีค่ะ
:D :D แอร๊ยยยยยยยยยยยยย น่าเที่ยว มั๊กมร๊ากกกกกกกกกกกก :D :D
-
;D ไปเยี่ยมชมอาคารรัฐสภาแห่งลอนดอนกันดีกว่าค่ะ ว่าจะเลิศหรู สักแค่ไหน
การเดินทางก็ไม่ยากเลยค่ะ หลังจากที่เราชมความงามของมหาวิหารเวสต์มินเตอร์กันจนพอใจแล้วให้ใช้ทางออกอีกด้าน
ก่อนเลี้ยวขวาออกจากรั้วไปก็จะเห็นอาคารัฐสภา (Houses of paliament) เคียงคู่อยู่กับหอนาฬิกาบิ๊กเบน (Bigben)
อาคารรัฐสภาแห่งนี้ เดิมทีก็คือ พระราชวังเวสต์มินเตอร์ที่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 1 สร้างขึ้นนั่นเอง
อาคารรัฐสภาจะอยู่คู่กับหอนาฬิกาบิีกเบน ซึ่งอาคารรัฐสภา มีความยาวถึง 280 เมตร มีเนื้อที่ 8 เอเคอร์ และมีห้อง ทั้งหมด
จำนวน 1 พันกว่าห้อง
-
:-* ยิ่งใหญ่สมชื่อกับหอนาฬิกาบิ๊กเบน ทุก ๆ 15 นาที มันจะบอกเวลาด้วยการตีระฆังเล็ก
พอครบชั่วโมงก็จะตีด้วยระฆังเล็ก และระฆังใหญ่ตามจำนวนที่เข็มสั้นชี้
-
:'( อีกมุมนึงของนาฬิกาบิีกเบน รูปนี้ถ่ายจากอีกฝั่งนึงของแม่น้ำเทมส์
-
:'( เดินไปเดินมา โชคดีอย่างมาก ที่ประตูรัฐสภาเปิดพอดีเพราะมีรถเพิ่งเข้าไป ไม่ให้เสียเวลา ต้องขอเก็บภาพไว้ก่อน
โอกาสอย่างนี้ไม่่ได้เจอกันได้บ่อย ๆ
-
:'( อีกมุมนึงของอาคารรัฐสภาตอนกลางคืน
-
:'( อีกมุมนึงของอาคารรัฐสภา ด้านนี้ติดกับแม่น้ำเทมส์
-
:'( หอนาฬิกาบิ๊กเบน ตอนกลางคืน
:P หอนาฬิกาบิ๊กเบน ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเทมส์ที่มีแหล่งกำเนิดต้นน้ำที่หมู่บ้านแคมเบิล (Kemble) ในพื้นที่ของเขตคอตสโวลด์ (Cotswold)
ใกล้ ๆ กับเวลส์ โดยสายน้ำจะไหลผ่านลอนดอนก่อนไหลลงทะเลด้านทิศตะวันออกของประเทศในเขตที่เรียกว่า "เซาท์แอนด์ออนซี" (Southend on Sea)
-
อาคารรัฐสภา และ บิ๊กเบน ในมุมสูง เดี๋ยวจะมีบอกตอนต่อไปว่าทำไมถึงถ่ายมุมสูงสองรูปนี้ได้
แต่เสียดายที่ ถ่ายย้อนแสง และเวลาตอนนั้น มีหมอกด้วย จังหวะและโอกาสไม่ดี
-
อาคารรัฐสภา และ บิ๊กเบน ในมุมสูง เดี๋ยวจะมีบอกตอนต่อไปว่าทำไมถึงถ่ายมุมสูงสองรูปนี้ได้
แต่เสียดายที่ ถ่ายย้อนแสง และเวลาตอนนั้น มีหมอกด้วย จังหวะและโอกาสไม่ดี
ปรับคอนทราสต์เพิ่มหน่อยก็สวยแล้วครับภาพนี้
-
ขอบคุณมาก ทอมมี่
-
:o หลังจากที่ชมหอนาฬิกาบิ๊กเบนจนเบื่อแล้ว ก็ข้ามสะพานเวสมินสเตอร์ (Westminster Bridge) ที่อยู้ตรงหน้าลอนดอนอาย (London Eye) สัญลักษณ์
แห่งสหัสวรรษใหม่ ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 โดยก่อนข้ามสะพานจะเห็นว่ามีร้านขายของที่ระลึกตั้งอยู่ 3-4 ร้าน แนะนำว่าให้เดินผ่านไปก่อน
เพราะจะมีแหล่งขายของที่ถูกกว่าอยู่ตรงย่านเบย์สวอเตอร์กับหัวถนนไวด์ฮอลล์ และหากข้ามสะพานมาแล้วอย่าลืมถ่ายรูปคู่กับเจ้า "สิงห์โตเซาท์แบงก์ (South Bank Lion)
สิงโตเพศผู้ตรงปลายสะพานนะค่ะ เพราะมันถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1837 และมีน้ำหนักถึง 13 ตัน และที่สำคัญยังเป็นสัญลักษณ์ในเขตนี้ด้วย
-
ขึ้นกระเช้ายักษ์ลอนดอนอาย
:-X เมื่อเก็บภาพคู่กับเจ้าสิงห์โตเรียบร้อยแล้ว ก็เลี้ยวซ้ายลงไปที่ถนนเลียบแม่น้ำ แล้วเดินลัดเลาะร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ริมทาง แป๊บเดียวก็ถึงทางขึ้นกระเช้ายักษ์ลอนดอนอาย
ซึ่งหากให้เรียกแบบไทย ๆ มันก็คือชิงช้าสวรรค์ นั่นเอง แต่ที่นี่ถือเป็นชิงช้าสวรรค์ยักษ์ เพราะมีความสูง 135 เมตร และมีแคปซูลที่ใช้บรรจุคนถึง 32 แคปซูล
และแต่ะลแคปซูลก็มีขนาดใหญ่มาก สามารถจุผู้โดยสารได้ครั้งละประมาณ 25 คนภายใน 1 แคปซูล โดยจะใช้เวลาหมุนรอบละประมาณ 30 นาที เพื่อให้ทุกคนได้ชมวิว
ลอนดอนในมุมสูงแบบ 360 องศา และถ้าใครมาลอนดอนแล้วไม่ได้ขึ้นกระเช้ายักษ์ ถือว่ามาไม่ถึงลอนดอน
???การที่จะขึ้นกระเช้ายักษ์ลอนดอนอาย สิ่งแรกเราจะต้องไปเข้าคิวซื้อตั๋วที่ ห้องขายตั๋วจะอยู่ในตัวอาคารดีเคาน์ดีฮอลล์ ราคาตั๋วก็จะอยูที่ประมาณ 17.95 ปอนด์
แต่จะมีตั๋วเป็นโปรโมชั่น สามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ แล้วแต่ว่าเราจะเลือกซื้อแบบไหน
หลังจากที่ชิงช้าหมุนวนไปจนถึงยอดบนสุด ก็จะหมุนวนลงสู่ด้านล่างอย่างช้า ๆ จังหวะนี้เองที่กล้องถ่ายรูปขนาดใหญ่ จะคอยจับภาพคนในแคปซูล แล้วนำไปขายที่ซุ้มเล็ก ๆ ตรงปากทางออกตัวอาคาร เหมือนแหล่งท่องเที่ยวบ้านเราเลยอ่ะ ราคาจะประมาณ 10 ปอนด์ ปอนด์นึงก็ประมาณ 45-50 พอคิดเป็นเงินไทยแล้วแพงมว๊ากกกกกกก
-
:P และภาพเหล่านี้ได้มาจากการที่ขึ้นไปอยู่บนกระเช้ายักษ์ลอนดอนอาย รวมทั้งภาพของหอนาฬิกาบิ๊กเบน ที่บอกว่าถ่ายได้จากมุมสูงด้วยค่ะ
ภาพพวกนี้จะมีโอกาสได้ถ่ายแค่ครั้งเดียวในช่วงเวลาที่เราอยู่ในกระเช้ายักษ์ การขึ้นกระเช้ายักษ์ ยิ่งถ้าวันไหนอากาศดี คนก็จะยิ่งเยอะแต่เช้า
ซื้อตั๋วแล้วก็อาจจะต้องใช้เวลารอนานพอสมควรสำหรับที่จะถึงคิวเราได้ขึ้น แต่ในตั๋วจะมีบอกเวลาไว้ว่าเราจะได้ขึ้นเวลาเท่าไหร่
-
:( ระหว่างรอขึ้นกระเช้ายักษ์ ถ้าคิดว่ามีเวลาเหลือ เราก็เข้าชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ สิ่งที่ชอบมากที่สุดในนี้ก็คือเจ้านกเพนกวินค่ะ
นอกนั้นก็จะเป็นแบบทั่ว ๆ ไป คล้ายกับในบ้านเรา
-
ว้าว หายไปซะนาน กลับมาแจ่มเลยครับ :D
-
กลับมาเขียนต่อ ต้องให้จบในปีนี้ ฮ่าาาาาาา
สงสัยต้องงดออกทริป กับแอ๊ดมินสักพัก จะได้มีเวลามาเขียนเรื่องนี้ให้จบ
ไปต่อกันที่นี่เลยดีกว่าค่ะ
"จัตุรัสทราฟัลการ์ หลักกิโลเมตรที่ศูนย์ของลอนดอน
ไฮไลท์ของทีนี่มีหลายอย่างให้ชม
แท่นหินอนุสาวรีย์ทรงสูง 162 ฟุต สิงโตสำริด 4 ตัว ขนาดใหญ่ ที่จะอยู่ตามมุมทั้ง 4 ด้าน ที่ผู้คนที่ไปชมส่วนมากมักจะชอบปีนขึ้นไปนั่งและถ่ายรูป
อาคารเนชั่นแนลแกลเลอรี่ หอศิลป์ภาพเหมือนที่เข้าชมได้ฟรี ไม่เสียเงิน และโบสถ์เก่าเซนต์มาร์ตินอินเดอฟิลส์ ซึ่งสามารถชมความงาม
ในโบสถ์ได้ฟรีเช่นกัน
มาชมรูปสิงห์โตสำริดกันก่อนนะค่ะ ว่ามีขนาดใหญ่แค่ไหน
-
::) มาชมภาพอนุสาวรีย์ทรงสูง และบริเวณรอบ ๆ จตุรัสกันค่ะ
-
:-X อาคารเนชั่นแนลแกลเลอรี่ (National Gallery) เป็นสถานที่เก็บภาพสำคัญ ๆ ของอังกฤษ
:-[ และ อาคารเนชั่นแนลพรอทเทรดตแกลลอรี่ (National Portrait Gallery) หอศิลป์ภาพเหมือน
ที่เข้าชมได้ฟรีไม่เสียเงินและสามารถถ่ายรูปด้านในได้
-
:-[ :-X โบสถ์เซนต์มาร์ตินอินเดอร์ฟิลคส์ (St Martin in The Fields)
-
::) มาถึงตรงนี้ ขอแทรกสิ่งทั่ว ๆ ไป ในลอนดอนให้ทราบกันสักเล็กน้อย
การเรียนขับรถของที่นี่ ที่รถจะมีตัวหนังสือบอกไว้ว่า เป็นรถสำหรับการเรียนการสอนในการขับรถ
จากภาพด้านล่่างจะเห็นได้ว่า มีรถที่ไม่ได้ใช้แล้ว จอดทิ้งไว้ในบ้าน แต่รถพวกนี้เค้าเอามาดัดแปลง
และตกแต่งเป็นห้องนอนได้อย่างสบาย สบาย
ถ้าใครรู้เส้นทางเป็นอย่างดี สามารถเช่าจักรยานได้ตามศูนย์ที่จอดไว้ และเมื่อปั่นไปถึงยังอีกที่นึง
ที่มีศุนย์จักรยานจอดไว้ ก็สามารถจอดคืนได้ โดยไม่ต้องนำมาจอดคืนที่เดิม
-
:P ::) ชมความงามของพระราชวังบักกิ้งแฮม
:P ??? หลังจากที่ชมจัตุรัสแล้ว เดินข้ามถนนไปยังโค้งประตูคอนกรีตขนาดใหญ่ (Admiralty Arch)
เพื่อเข้าสู่ถนนเดอะมอลล์ (The Mall) ซึ่งเป็นถนนหลักที่ใช้เดินไปยังพระราชวังบักกิ้งแฮม (Buckingham Palace)
ก่อนอื่นขอกล่าวถึงประวัติพระราชวังบักกิ้งแฮม สักเล็กน้อย
8) ??? พระราชวังบักกิงแฮม (อังกฤษ: Buckingham Palace) เดิมชื่อ คฤหาสน์บักกิงแฮม เป็นพระราชวังที่เป็นที่ประทับเป็นทางการของราชวงศ์อังกฤษ
ตั้งอยู่ที่กรุงลอนดอนในสหราชอาณาจักรเป็นสถานที่ที่ใช้สำหรับการเลี้ยงรับรองของรัฐและยังเป็นสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวสำคัญที่หนึ่งของกรุงลอนดอน
และยังเป็นที่รวมพลังใจทั้งในการฉลองและในยามคับขันของชาวอังกฤษ
8) :o พระราชวังบักกิงแฮมแต่เดิมชื่อ “คฤหาสน์บักกิงแฮม” (Buckingham House)
-
:-[ :P สิ่งหนึ่งที่ทุกคนมาเที่ยวที่พระราชวังบักกิ้งแฮม แล้วจะพลาดไม่ได้ก็คือการผลัดเปลี่ยนเวรยามของทหารประจำป้อม
กว่าผู้เขียนจะได้ดูก็ต้องเดินทางไปที่นี่ถึง 4 ครั้ง เนื่องจากมีการผิดพลาดเรื่องวัน เพราะการผัดเปลี่ยนเวรของทหารที่นี่
ไม่ได้มีทุกวัน จะมีวันเว้นวัน และต้องเชคจากทาง www ว่าเดือนไหน จะมีการผลัดเปลี่ยนเวรกันวันไหน เดือนนี้เลขคู่
เดือนต่อไปเลขคี่ แต่ก็ไม่พ้นความพยายามไปได้ ไปถึงที่แล้วต้องรอชมให้ได้ แม้ว่าคนจะเยอะมากก็ต้องยอม ต้องไปจองที่
กันแต่เช้าเหมือนกันค่ะ จะมีการผลัดเปลี่ยนเวรเวลาประมาณ 11.15 น และใช้เวลาในการผลัดเปลี่ยนประมาณ 30 นาที
-
:-X :-[ การที่จะถ่ายรูปทหารได้อย่างชัด ๆ นั้น มีวิธีเดียวค่ะ ต้องหามุมดี ดี และใช้เลนส์ซูมอย่างเดียวเลยค่ะ
มาดูกันนะค่ะว่าผู้ดีอังกฤษเค้าแต่งตัวเข้าวังกันนั้น เค้าแต่งตัวกันยังไง
-
:P ??? ร่มรื่นไปกับสวนสาธารณะกรีนพาร์ค
ทัวร์พระราชวังแบบชิว ๆ เรียบร้อยแล้ว ทีนี้ก็เดินไปทางด้านขวามือ (หันหน้าเข้าหาพระราชวัง) เพื่อลัดเข้าสวนสาธารณะ
ซึ่งเป็นสวนสาธารณะใกล้ ๆ พระราชวังไปยังถนนพิกคาดิลลี่ สวนสาธารณะที่นี่จะร่มรืนมากค่ะ
-
:P ::) ตื่นตาตื่นใจกับย่านพิกคาดิลลี่ เซอร์คัส (Piccadilly Circus)
:-[ :-X วงเวียนแห่งความรักกลางมหานครลอนดอน ในอดีตเชื่อว่าตำแหน่งนี้เป็นศูนย์กลางของจักรวาล และเป็นวงเวียนที่บรรจบของถนน 6 สาย
มีน้ำพุ และรูปปั้นอีรอสตรงกลาง เป็นรูปปั้นกามเทพกำลังแผลงสอนลงมายังหัวใจ ของหนุ่มสาวที่มักมานั่งจู๋จี๋กัน เป็นที่นิยมของหนุ่มสาวมานั่งพลอดรักกัน
คงเหมือนกับเสาชิงช้าบ้านเรา
:-[ :P บริเวณนี้จะคึกคัดอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้น จะต้องระวังพวกมิจฉาชีพกันด้วย แต่โดยรวมก็ถือว่าโอเครค่ะ เพราะจะมีตำรวจเดินตรวจตราอยู่ตลอดเวลา
-
:-X :-[ ถึงแม้ว่าจะมืดค่ำ ผู้คนก็ยังพลุกพล่านอยู่ตลอดเวลา
-
:P ::) นอกจากนี้บริเวณใกล้ ๆ พิกคาดิลลี่ ยังมีพิพิธภัณฑ์ริบลี่ (Rily's Believe it or Not Museum)
ที่รวมสุดยอดสิ่งแปลกประหลาดในโลกนี้มาให้ได้ชมกัน อาทิ คนหัวเล็ก คนตัวสูงที่สุดในโลก
แต่ราคาค่าตั๋วคอนข้างแพง ดูแค่รูปจากข้างนอกก็พอค่ะ
-
ท่องไชน่าทาว
::) :P นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะไปลิ้มรสเป็ดย่าง ซึ่งเป็นอาหารที่มีชื่อของนี่กันและจะมีร้านที่มีชื่ออยู่ร้านนึงคือร้าน โฟรีซีซันส์ (Four Seasons)
แต่บอกตรง ๆ นะค่ะ อยากที่ได้กินมา ขอบอกว่า เป็นที่ MK อร่อยกว่าเยอะเลยค่ะ
ที่เห็นเม็ดกลม ๆ สีขาว นั่นคือลูกอมนะค่ะ (เหมือนลูกเหม็นมาก)
-
ไชน่าทาว์ ถึงแม้ว่าจะค่ำ ผู้คนก็ยังพลุกพล่านอยู่
-
??? 8) เดอะควีนส์แกลเลอรี่ (The Queen's Gallery)
เป็นห้องจัดแสดงงานศิลปะ และสถานที่จัดเก็บของสะสมของราชวงศ์ของพระราชินีอลิซาเบทที่ 2
ถ้าเข้าชมด้านในจะเสียเงิน จำนวนพอสมควร และบางอย่างก็ไม่สามารถถ่ายรูปได้
รูปที่นำมาให้ชม เป็นเพียงด้านนอกและส่วนหนึ่งที่สามารถถ่ายรูปมาได้
-
8) :( เดอะรอยัลมิวส์ (The Royal Mews) สถานที่เก็บพระราชพาหนะของราชวงศ์
ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับพระราชวังบักกิ้งแฮม ถัดจากเดอะควีนส์แกลเลอรี่
ค่าเข้าที่นี่ก็จะมีเสียค่าใช้จ่ายเหมือนกัน
-
;D >:( :o ภาพด้านล่างจะเป็นพระราชพาหนะ แต่ละคันก็จะมีความแตกต่างกันออกไป
-
::) :P รถที่ใช้ในพระราชพิธีสำคัญ
-
:P :-[ แต่คันนี้เป็นคันที่สวยงามและใหญ่ที่สุดในนี้ เสียดายมากที่ตอนนั้น
ยังไม่มีเลนส์วาย เลยเก็บภาพมาได้แค่นี้