ผู้เขียน หัวข้อ: ทริปภูสอยดาว  (อ่าน 51975 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 13 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
แหมๆๆๆ เล่ามามีแต่ป้าย ประทับใจป้ายจังนะครับ ;D
ตาผมเล่าละกัน
พอกลับมาถึงบ้านเละเทะไปหมด เจ้าลูกแมวทั้ง 3 ดูโตขึ้นผิดหูผิดตา อาหารแมวหมดเกลี้ยง ก็ต้องเวฟปลาทูให้แมวกิน แล้วเข้านอน เช้ามาเลือกรูปทริปนี้ถ่ายไม่เยอะ เพราะเป็นคนขับด้วย บางช่วงต้องนอนเอาแรง แต่ก็ได้รูปมา มากกว่า 500 รูปนะเริ่มเรื่องจาก
ขับรถออกจากกรุงเทพฯ รับผู้โดยสารช้ากว่าเวลาที่กำหนดเพราะไฟฟ้าที่บ้านดับไป 2 ดวง การเก็บข้าวของเลยยุ่งยากกว่าปกติ จากนัดหมาย 4 ทุ่มเอาเข้าจริงถึงหน้าปตท. สำนักงานใหญ่ 5 ทุ่ม เจอสัมภาระขนาดยักษ์กว่าจะยัดเข้าไปในรถได้หมดใช้เวลานานพอสมควร มุ่งหน้าสู่อำเภอชาติตระการ เข้าซื้อของที่ตลาดเพิ่มเติม เวลาประมาณ 6 โมงเช้า ออกจากตลาดไปภูสอยดาว ถึงเกือบ 8 โมง เพราะทางโค้งและแคบ มีการถ่ายภาพทางผ่านเป็นระยะๆ วิวเทือกเขากับหมอกบามเช้าสวยมาก นักเรียนกำลังรอรถเดินทางไปเรียน พอถึงที่ทำการอุทยานฯ เอาของลงจากรถติดต่อลูกหาบ ราคาเปลี่ยนจาก 15 บาท/กก. เป็น 20 บาท/กก. เมื่อไม่นานมานี้ กรอกแบบฟอร์มการเข้าชมลงชื่อลูกทริป มัดจำขยะ 100 บาท (ได้คืนตอนเอาขยะมาคืน) จากนั้นจะได้แทกติดสัมภาระ ลูกหาบจะแยกของที่เราจัดไว้ออก จัดใหม่ให้ได้ชุดละ 20-30 กก./คน เราก็ไปกินข้าวที่ร้านของอุทยาน (ข้าวเที่ยงต้องหิ้วขึ้นเอง) หลังจากนั้นก็เดินๆๆๆ
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
ภาพข้างบนภาพแรกเป็นช่วงก่อนขึ้นเนินส่งญาติ เดินจากน้ำตกภูสอยดาว ตามทางผ่านลำธารมีลูกหาบแซงขึ้นมาเป็นระยะๆ เราก็หลบให้เค้าไปก่อน ระหว่างทางมีต้นงิ้วขนาดใหญ่ล้มขวางอยู่ก็ต้องข้ามอย่างระวังหนามขนาดใหญ่แหลมด้วยเต็มไปหมด พอข้ามไปได้ซักพักก็เป็นเนินส่งญาติ หลายๆ คนพอเดินขึ้นเนินส่งญาติเสร็จก็จะหยุดพักเป็นเนินที่ชันพอสมควร แล้วก่อนเนินส่งญาติก็ต้องเดินขึ้นบันไดหลายต่อหลายขั้นสิ้นสุดเนินส่งญาติจะเห็นป้ายเขียนบอกไว้ประมาณว่าจะพิสูจน์ศักยภาพตนเองต่อไปหรือจะเดินกลับ เพราะหนทางข้างหน้ายังมีอีกหลายเนินนั่นเอง ลูกหาบจะหยุดพักทุกเนิน ประมาณ 10 นาทีก่อนเดินต่อ
ผมแวะเก็บภาพเจ้าหนอนหน้าตาน่ากลัว สีขาว ซึ่งไม่ง่ายเลย เพราะมือเริ่มจะสั่นหน่อยๆ แล้ว หลังจากเดินต่อไปอีกสักพักก็เป็นจุดเริ่มต้นของเนินปราบเซียน จากจุดนี้คุยกับลูกหาบได้ความว่า หลังจากเนินปราบเซียนไปก็ไม่ยากเท่าไหร่แล้วละ ทางเดินขึ้นภูสอยดาวนั้นมีทั้งบันไดเหล็กบันไดแบบเอาแผ่นไม้มาประกบกัน และไม่มีบันได เมื่อถึงเนินปราบเซียนก็เป็นอันว่าเราเดินมาได้ 2,300 เมตร จากทั้งหมด 6,500 เมตร
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
เมื่อผ่านพ้นเนินปราบเซียนมาได้ จะมีจุดพักกลางทาง สร้างเป็นกระท่อมให้นั่งพักสบายๆ ปกติเป็นจุดนั่งพักกินข้างเที่ยงเพราะถ้าหากเดินขึ้นช่วงเช้า มักจะมาถึงตรงนี้ตอนเที่ยงหรือใกล้เคียงพอดี หรือจะเดินต่อไปอีกหน่อยจะมีโขดหินใหญ่กว้างพอประมาณให้นั่งพักก่อนเดินขึ้นเนินป่าก่อ
ระหว่างทางช่วงนี้จะมีช่วงป่าโปร่งมองเห็นทิวทัศน์อันสวยงามของภูสอยดาวได้บ้าง บางช่วงมีแดด บางช่วงมีฝนตก อากาศเย็นสบายแต่ร่างกายเราจะรู้ดีว่ามีออกซิเจนอยู่เบาบาง เดินถึงตรงนี้หลายคนจะหายใจแรงๆ ให้เพื่อนข้างๆ ได้ยิน (ที่จริงหอบมาตั้งแต่เนินแรกแล้ว)
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
เรานั่งพักกินข้าวเที่ยงตอนบ่าย 2 โมงที่ป้ายเนินป่าก่อ เพราะจุดพักทั้งสองจุดที่บอกไว้ในกระทู้ข้างบนมีคนนั่งอยู่เต็มไปหมด และเราเพิ่งกินข้าวเช้ามาเมื่อตอน 9 โมงที่อุทยาน กินข้าวแค่ 3-4 คำ ก็เดินต่อเพราะไม่กล้ากินมากเดี๋ยวจะจุกระหว่างทาง การเดินภูสอยดาว เราต้องถือขวดน้ำของเราเอง เราเลือกน้ำขวดเล็กคนละขวด เทคนิคการดื่มน้ำระหว่างเดินป่าบนเขาสูงชันคือการจิบทีละนิดๆ แต่จิบบ่อยๆ จะได้ไม่จุกและมีน้ำพอจนถึงปลายทาง ลูกหาบบางคนจะถือเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลมขึ้นมาด้วย เพื่อขายระหว่างทาง (แพงนะ)

พอเดินทะลุเนินเสือโคร่งก็จะเป็นจุดเริ่มต้นเนินมรณะ ซึ่งเป็นเนินที่ทำให้ใครหลายคนเข็ดขยาด เป็นเนินในตำนานเล่าขานต่อๆ กันระหว่างนักท่องเที่ยวผจญภัยที่มาที่นี่ เนินมรณะนอกจากเป็นเนินที่สูงชันประกอบไปด้วยบันไดจำนวนมาก และมีระยะทางยาวมากแล้ว ระหว่างการเดินเราจะมองไม่เห็นยอดเขาอันเป็นปลายทาง พอพ้นโค้งบันไดแต่ละโค้งมักจะนึกว่าถึงแล้วอยู่ตลอดเวลาแต่ที่จริงยังไม่บันไดต่อขึ้นไปอีก การเดินขึ้นเนินมรณะ ส่วนใหญ่จะพักทีละโค้ง เพราะขาเริ่มจะไม่ฟังคำสั่งของเราและยกไม่พ้นขั้นบันไดอยู่บ่อยๆ แต่ก็มีบางช่วงที่มองเห็นวิวได้กว้างและสวยมากคุ้มค่าเหนื่อยเลยทีเดียว เราใช้วิธีการหยุดถ่ายรูปเป็นช่วงๆ ให้หายเหนื่อยไปด้วยในตัว ก่อนจะเดินต่อไปอีก

ก่อนขึ้นเนินมรณะเราจะพักกันให้เต็มที่ ตรงป้ายเริ่มต้นเนินมรณะ ถ่ายรูปยอดเขาและนักผจญภัยที่เดินไปถึงก่อน ที่พยายามจะเคลื่อนตัวขึ้นไปอย่างช้าๆ จนสังเกตได้ เป็นจุดเล็กๆ ค่อยๆ ขยับๆ ขึ้นไปทีละนิดๆ
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
เนินมรณะต่อครับ ภาพระหว่างการเดินขึ้นมรณะจะมากเป็นพิเศษ เพราะวิวสวยและเหนื่อย ขายกไม่ค่อยขึ้น หัวใจสูบฉีดเลือดเร็วมาก ปากซีด ขาสั่น มือไม่นิ่ง ฯลฯ เป็นอาการโดยทั่วไป ในใจคิดแต่ว่าพอหมดบันไดนี้แล้วคงจะถึง แต่ก็ต้องผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะนั่งทีต้องหาหินหรือท่อนไม้สูงๆ นั่ง ไม่ควรนั่งยองๆ เพราะจะลุกไม่ขึ้นได้ เทคนิคอีกประการหนึ่งที่ได้จากลูกหาบคือ จะให้ดีต้องอย่านั่ง อยากจะพักให้ยืนเอา พยายามเดินเรื่อยๆ รักษาความเร็วการเดินแต่ละก้าวให้คงที่ไม่ว่าจะทางราบหรือขึ้นเนิน แล้วจะไม่ค่อยรู้สึกปวดขา ทั้งนี้ก็แล้วแต่บุคคลกันไปนะครับ ตัวผมเองใช้วิธีควบคุมจังหวะการเดินให้เร็วสม่ำเสมอ หายใจเข้าและออก 1 ครั้ง จะได้ 4 ก้าวตลอดเวลา การพกพาน้ำดื่มขึ้นมาก็เป็นเรื่องสำคัญ หากทำได้ควรพกเครื่องดื่มเกลือแร่มาด้วย เอาน้ำเทใส่ขวดพลาสติก อย่าเอาขวดแก้วมามันหนัก
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
เมื่อสุดเนินมรณะแล้ว ก็จะเป็นทางเดินไปลานสน ระยะทางไม่ไกลแต่ก็ไม่ใกล้ เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวรู้สึกแย่มากที่สุดเพราะหลายๆ คนคิดว่าพ้นเนินมรณะแล้วจะถึงจุดหมาย ที่ไหนได้มันยังต้องไปอีกไกล แต่ในที่สุดผมก็มานั่งอยู่ข้างป้ายผูพิชิตลานสนด้วยเวลารวมทั้งสิ้น 6 ชั่วโมง ขาทั้งสองข้างยังทำงานได้ปกติ ลืมบอกไปว่า ผมมีปัญหาที่เข่าข้างขวาเพราะทำงานนั่งโต๊ะมาเป็นสิบปี หลังจากนั้นก็มาขับรถเดินทางตลอดบางครั้งต้องขับรถ นานกว่า 12 ชั่วโมง อยู่บ้านก็ปวดเข่าอยู่แล้ว แต่ก็ยังเอาซัพพอร์ทใส่แล้วเดินขึ้นภูสอยดาวได้ไม่มีปัญหา นอกจากนี้ระหว่างทางยังพบรุ่นพี่ที่เลิกเดินป่าไปเป็นสิบปีแล้วกลับมาเริ่มเดินใหม่ อายุไม่ใช่น้อยๆ กันเลย ยังเดินขึ้นมาได้ หากอ่านเว็บไหนแล้วคิดว่าภูสอยดาวมันโหดอย่างนั้นโหดอย่างนี้ ก็อย่าเพิ่งกลัวมากเกินไป ก่อนเดินทางผมเดินทางเรียบรอบหมู่บ้านวันละ 2 กิโลเมตร 3 วัน พอไปจริงเลยไม่รู้สึกเท่าไหร่ หากไม่หยุดถ่ายรูปมากไปหน่อยคงทำเวลาได้ดีกว่านี้ อยู่ที่การเตรียมตัวให้พร้อมมากกว่าครับ

กระทู้เมื่อครู่ตกไปหน่อย ก่อนถึงลานสนมีดอกลิลลี่สวยๆ อยู่สูงกว่าหัวด้านขวา ต้องสังเกตหน่อยครับ สวยดี ;D
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
มาถึงตรงนี้อยากเว้นวรรคไว้ให้เพื่อนๆ ร่วมทริปได้มาเล่ากันบ้างก่อนจะเล่าถึงการอยู่บนภูสอยดาว ภาพดอกหงอนนาค น้ำตกต่างๆ เรื่องราวจะได้ปะติดปะต่อกัน

ทิปสำหรับทริป

แกสกระป๋องสำหรับมือใหม่ อาหารที่เห็นในเมนูตามโปรแกรมของเราตั้งแต่กระทู้แรกๆ นั้นใช้แกสกระป๋องประมาณ 4 กระป๋อง (เอาไป 6 ติดอยู่ที่เตาอีก ครึ่งกระป๋อง เหลือ 2 กระป๋องขายให้เพื่อนบ้านเต็นท์ข้างๆ)

ถังน้ำ มีให้เช่า สำหรับตักน้ำทั้งจากลำธารมาที่เต็นท์สำหรับล้างขาก่อนเข้าเต็นท์ หรือตักน้ำฝนมาทำอาหาร ล้างจาน ที่เต็นท์ ถังน้ำให้ห้องน้ำห้องส้วม มีเป็นของส่วนรวมต้องตักน้ำจากลำธารมาเอง

น้ำดื่ม เราดื่มน้ำบรรจุขวด 12 ลิตร สำหรับ 7 คน อยู่ได้ เหลือด้วย แต่ถ้าเอามาทำอาหารจะไม่พอครับ สำหรับเครื่องดื่มต่างๆ เช่นน้ำอัดลมสามารถสั่งได้จากลูกหาบโดยการบอกหมายเลขแทกสัมภาระและรายการที่ต้องการ วันรุ่งขึ้นลูกหาบจะนำมาส่งให้ ราคาเครื่องดื่ม น้ำอัดลมกระป๋อง 30 บาท น้ำอัดลมขวดใหญ่ 60 บาท ไม่รวมค่าหาบขึ้นมาคิดตามน้ำหนักของเครื่องดื่มนั้นๆ

หุงข้าว ใช้สูตร ข้าว 1 ส่วน น้ำ 1.5 ส่วน เช่นข้าวสาร 4 แก้ว น้ำ 6 แก้ว หุงตามปติ พอเดือดจนน้ำล้นหม้อ ให้หรี่ไฟ ให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ ปล่อยไว้จนได้ข้าวสวยพอดี ขอบคุณพี่ ป.ปลา สำหรับสูตรนี้ครับ สำหรับ 7 คน ใช้ข้าวสารประมาณ 3 กิโลกรัม ก็จบทริป เราซื้อมา 5 กิโลกรัม ก็จะเสียค่าลูกหาบทั้งขึ้นและลงไปเปล่าๆ

เศษอาหาร ปกติเวลาทำกับข้าวแล้วกินกันไม่หมด จะแบ่งให้เจ้าหน้าที่และลูกหาบ จะได้ไม่ต้องขนลงมาให้เสียค่าลูกหาบเพิ่ม แต่ในจานของเราเองจะให้ใครต่อก็ไม่ได้ เจ้าหน้าที่อนุญาตให้ฝังได้ โดยไปยืมจอบที่จุดบริการนักท่องเที่ยว

ผ้าห่ม-ถุงนอน เนื่องจากอากาศตอนกลางคืนหนาวอย่าบอกใคร จึงมีผ้านวมและถุงนอนให้เช่า คืนละ 50 บาทสำหรับผ้านวม 30 บาท สำหรับ ถุงนอน แต่มีกฎว่าห้ามทำเปียกครับ เพราะบนนั้นหาแดดยาก

ค่าลูกหาบ คิดทั้งขาขึ้นและขาลง โดยจะชั่งน้ำหนักที่จุดเริ่มต้นน้ำตกภูสอยดาว ลูกหาบที่หาบสัมภาระให้เราจะเป็นคนเดิมทั้งขึ้นและลง โดยนัดหมายวันที่จะลงกันไว้ในฟอร์มที่กรอกตอนขึ้นมา

ค่าเดินทาง สำหรับผู้ขับรถไปเองย่อมจะรู้อัตราสิ้นเปลืองของรถตัวเอง ระยะทางกรุงเทพฯ-ภูสอยดาว ประมาณ 1,100 กิโลเมตรเศษ รถของเรากิโลเมตรละ 3 บาท ก็ประมาณ 3,300 บาท เช่ารถตู้อันนี้ไม่มีข้อมูลเพราะรถตู้แต่ละคันราคาต่างกัน บางคันเป็นแกสบางคันเป็นน้ำมันครับ

เอาละคิดออกเท่านี้ หากมีเพิ่มเติมจะเขียนให้อีก  ;)
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Ownn

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 74
  • คะแนน: +0/-0
Re: ทริปภูสอยดาว
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: กันยายน 21, 2010, 01:38:56 AM »
ตามมาชมครับ  :)
"ชีวิตคือการเดินทาง" ... ออกไปเดินทางท่องเที่ยวกันเถอะ ^_^

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
Re: ทริปภูสอยดาว
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: กันยายน 21, 2010, 07:41:41 AM »
ไม่ควรชมอย่างเดียวนะครับ ควรจะเล่าด้วยภาพของตัวเองเหมือนกัน  :)
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
รอถึงตอนนี้แล้วคาดว่าคงไม่มีใครมาเขียนต่อ งั้นเล่าต่อดีกว่าจะได้จบเรื่อง แล้วท่านใดจะเสริมส่วนไหนก็เขียนเข้ามาละกันครับ

เมื่อมาถึงลานสน ต่อจากนี้ไปก็แค่พาสังขารอันเหนื่อยอ่อนเดินไปลานกางเต็นท์ เป็นทางราบเดินสบายๆ มีทุ่งหงอนนาคให้ชมตลอดทาง ก็เลยแวะเก็บภาพมาได้บ้างถึงแคมป์ เพื่อนๆ ที่เดินทางมาถึงก่อนก็จัดการกางเต็นท์ให้เป็นที่เรียบร้อยก็เข้าพักรอเวลาชมพระอาทิตย์ตกอันเลื่องชื่อบนภูสอยดาว ด้วยความที่เป็นคนขับรถมาตลอดคืนผมก็เลยเข้านอนเลย  ;D
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน