เรื่องเล่าจากทริปชมพูภูคา วันที่ 2 ตอนภูลังกา กับภูคา

[Tommy]

(ต่อจากตอนที่แล้ว เปิดตำนานชมพูภูคา ต้องไปดูที่ดอยภูคา http://touronthai.com/forum/index.php?topic=430.0)

ขออภัยที่ทิ้งช่วงน๊านนน ... นาน เพราะว่าเน็ตเน่าไป 1 วันเต็มๆ ตอนนี้กลับมาใช้ได้เป็นปรกติแล้ว ก็จะเล่าเรื่องต่อละกันนะครับ

ว่าแต่ว่าสมาชิกชาวเราหายไปไหนหมด ลงภาพที่เฟสบุคแล้วไม่เอามาลงที่นี่บ้างเหรอ 

วันที่สองของการเดินทางก็ตื่นเช้าที่ภูลังการีสอร์ท ล้างหน้าล้างตา ถ่ายรูปกินข้าวต้ม ชมพระอาทิตย์ขึ้น วิวที่ภูลังการีสอร์ทเคยเห็นแต่ในบล็อคที่คนอื่นๆ ถ่ายมา เราก็จำๆ ไว้ ว่ามีมุมไหนที่พอจะดูดีดูสวย ก็เอามาประยุกต์ใช้ ตอนพระอาทิตย์ขึ้น หุบเขาหน้ารีสอร์ทจะมีหมอกจางๆ ลอยขึ้นมา เทือกเขาน้อยใหญ่มีหมอกปกคลุมเต็มพื้นที่ มองเห็นไฟหน้ารถที่แล่นอยู่บนถนนซึ่งเป็นทางที่เราเดินทางมาเมื่อคืน อยู่ใต้กลุ่มหมอก ความสวยงามเกินบรรยาย ส่วนภาพถ่ายก็ไม่แน่ใจว่าจะสวยเหมือนของจริงหรือเปล่า อยากให้สมาชิกลองไปชมด้วยตัวเองครับ

สำหรับภาพวิวสวยๆ แบบนี้ทัวร์ออนไทยดอทคอมขอจัดเต็ม 800 pixel ไปเลย

[Tommy]

ชมวิวภูลังกากันต่อครับ พอพระอาทิตย์ขึ้นสูงเรื่อยๆ ก็จะมีแสงแบบเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ให้ถ่ายรูปกันได้หลากหลายอารมณ์ทีเดียว

สำหรับภูลังการีสอร์ทในช่วงเทศกาลที่เรามามีปัญหาเรื่องการขาดแคลนน้ำ ไม่เพียงพอสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาพร้อมกันจำนวนมากๆ อันนี้ก็เข้าใจครับไม่ว่ากัน เพราะบ้านหนึ่งหลังจะนอนกันได้ 10 คน เฉพาะกลุ่มเราก็มากัน 14 คน แล้ว จนต้องมีการกางเต็นท์หน้าบ้านเพิ่มอีก จะให้น้ำไม่ขาดได้ไงละครับ รวมๆ แล้วถือว่าดีเยี่ยมสำหรับนักเดินทางและชื่นชอบการถ่ายภาพแบบเราๆ

[Tommy]

ต่ออีกๆ สวยๆๆๆ ภูลังการีสอร์ทสวยถูกใจจริงๆ

[Tommy]

แถมๆๆ วิวภูลังการีสอร์ทอีก 3 รูปก่อนออกเดินทางอำลาจากกันด้วยดี ไปต่อกันที่ภูคา หน้าบ้านที่เรานอนกันมีต้นไม้ที่ดอกสวยมากต้นหนึ่ง แต่งานนี้ไม่รู้จริงๆ ว่าชื่อดอกอะไร ไว้จะหาข้อมูลมาให้ครับ

[Tommy]

ระหว่างการเดินทางไปภูคา ก็ผ่านวิวสวยๆ ที่เราไม่เห็นเมื่อคืนนี้ตอนขามา เช้าวันนี้ก็ไม่ปล่อยปละละเลย เก็บมาให้หมด โดยเฉพาะเมื่อมีวิวสวยๆ ก็ต้องมีภาพการกระโดดกันบ้าง เอาแบบฮาๆ ไปเลยครับ

[Tommy]

ระหว่างทางการข้ามขุนเขาจากภูลังกาไปยังภูคา ภาพรถตู้ของสมาชิกร่วมทริปกำลังตามมาทัน เราหยุดถ่ายภาพกันตรงนี้พอรถตู้มาถึงต่างก็พากันลงมาเก็บภาพกันหมด ดูทุกคนจะชื่นชอบวิวที่ตรงนี้เหมือนกัน 

[Tommy]

จากนั้นไม่นานมากนัก เรามาถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยภูคาเอาสมุดพาสปอร์ตไปประทับตราอุทยาน กินกาแฟ หลังจากนั้นก็จะเดินชมรอบๆ บริเวณอุทยานแห่งชาติดอยภูคา เจอต้นดอกเสี้ยวดอกขาว ที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงปลูกไว้ เมื่อ 28 กุมภาพันธ์ 2539 ต้นเสี้ยวดอกขาว เป็นไม้ยืนต้น ดอกมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ออกดอกระหว่างเดือน กุมภาพันธ์-เมษายน สูงประมาณ 8-15 เมตร พบมากโดยทั่วไปในภาคเหนือครับ

[กิ๊บครับ hs4jfz]

เห็นภาพจากกล้องพี่ทอมแล้ว....เทพมากๆครับพี่
พี่ทอมน่าจะเปิดคอร์สสอนน้องๆหน่อยน่ะครับ เกี่ยวกับเรื่องมุมมอง เทคนิคการจัดองค์ประกอบ วัดแสง ฯลฯ
ผมก็ถ่ายที่เดียวกัน แต่ภาพออกมาคนละเรื่องเลยครับ K.A.K. สุดๆ....

[Tommy]

เห็นภาพจากกล้องพี่ทอมแล้ว....เทพมากๆครับพี่
พี่ทอมน่าจะเปิดคอร์สสอนน้องๆหน่อยน่ะครับ เกี่ยวกับเรื่องมุมมอง เทคนิคการจัดองค์ประกอบ วัดแสง ฯลฯ
ผมก็ถ่ายที่เดียวกัน แต่ภาพออกมาคนละเรื่องเลยครับ K.A.K. สุดๆ....

นี่ระหว่างออกทริปด้วยกันก็เป็นการเปิดสอนอย่างหนึ่งนะครับ ถ้าสงสัยก็ถามครับบอกหมด ส่วนเรื่องความเทพนั้น คงไม่ขนาดนั้นครับ เห็นภาพจากกล้องคุณ VIP ก็สวยเหมือนกันนา เห็นแล้วอยากได้ D90  :'(

[Tommy]

เอ้าเล่าต่อๆ มาถึงดอยภูคาแล้ว ได้เวลาเดินทางไปยังจุดชมดอกชมพูภูคา ซึ่งเป็นดอกไม้อันเป็นเอกลักษณ์ของดอยภูคา และของอุทยานแห่งชาติภูคาด้วย เนื่องจากทริปนี้เราจองเต็นท์ของทางอุทยานแห่งชาติภูคาไว้แล้ว ลานกางเต็นท์อุทยานแห่งชาติภูคา อยู่ห่างจากที่ทำการประมาณ 4 กิโลเมตร ชื่อว่าลานดูดาว เป็นลานกว้างไม่มากนัก มีเต็นท์กางอยู่ประมาณ 20 หลัง มีพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวเอาเต็นท์มาเองได้อีกไม่มาก มีจุดชมวิวพระอาทิตย์ตก โดยสร้างเป็นศาลา ในช่วงเทศกาลศาลาหลังนี้มีช่างภาพมากระจุกกันอยู่มากมาย เพื่อถ่ายภาพแสงสุดท้ายของวันกันที่นี่ ก่อนจะถึงลานดูดาวซึ่งเป็นลานกางเต็นท์ จะมีทางเดินศึกษาธรรมชาติเข้าไปพบน้องชมพูภูคา ระยะทางในการเดิน 700 เมตร เป็นทางเดินข้่ามสันเขา ชันเอาเรื่องเหมือนกัน แต่เนื่องจากระยะสั้นๆ ทำให้ไม่เหนื่อยกันมาก แค่พอหอบฟืดๆๆ นิดหน่อย