เมื่อคุณแม่เริ่มสงสัยว่าตัวเองตั้งท้องหรือไม่ คุณแม่ควรสังเกตตัวเองถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย อารมณ์ และจิตใจ ว่าผิดปกติหรือไม่ แม้ว่าจะเมื่อมั่นใจหรือไม่มั่นใจ ว่าตนเองตั้งครรภ์หรือไม่ คุณแม่ควรจะไปพบแพทย์ เพื่อให้คุณหมอวินิจฉัยอาการและตรวจอย่างละเอียด หลังจากนั้นคุณหมอจะทำการฝากครรภ์ให้กับคุณแม่ เพื่อดูแลพัฒนาลูกน้อยไปตลอดจนครบ 40 สัปดาห์ และบอก
กำหนดคลอด คร่าว ๆ ให้คุณพ่อคุณแม่ได้ทราบและเตรียมพร้อม ... เมื่อทราบ กำหนดคลอด แล้ว คุณพ่อคุณแม่ จะต้องศึกษาและปรึกษาคุณหมอ ถึงวิธีการคลอด ว่าจะคลอดแบบไหนดี ระหว่าง ...
คลอดแบบปกติ คือ การคลอดแบบธรรมชาติ หรือจะผ่าคลอด ในปัจจุบันนี้ การผ่าคลอดได้รับความนิยมสูงมาก เพราะคุณแม่ส่วนใหญ่จะกลัวการเจ็บท้องคลอด เลยเลือกที่จะเจ็บแผลผ่ามากกว่า ซึ่งตามหลักความเป็นจริงแล้ว การคลอดแบบธรรมชาติแผลจะหายเร็วกว่าการผ่าคลออด
และเมื่อตกลงใจที่จะผ่าคลอด การดูฤกษ์ยาม ก็จะตามมา
การดูฤกษ์ผ่าคลอด คุณพ่อคุณแม่ควรเลือก อยู่บนพื้นฐานของความเหมาะสมและความสมบูรณ์ของทารกเป็นหลัก โดยแพทย์จะเป็นผู้ตัดสินเองว่าช่วงเวลานี้เหมาะหรือไม่ การวางแผนผ่าคลอด ไม่ควรกำหนดฤกษ์ก่อนหรือหลังวันกำหนดคลอดที่แพทย์คำนวณให้ โดยให้มากกว่าหรือน้อยกว่า 2 – 4 สัปดาห์ เนื่องจากในช่วง 1 – 4 สัปดาห์สุดท้ายทารกจะอยู่ในช่วงการพัฒนาปอดเพื่อการหายใจ
และในระหว่างการรอคอยการออกมาลืมตามาดูโลกของลูกน้อย คุณแม่ทั้งหลายควรศึกษาข้อมูลหลายๆเรื่อง ไว้ด้วย เช่น การเลี้ยงดูลูกน้อย อาหารชนิดใดเป็น อาหารเพิ่มน้ำนม แม่ เพราะน้ำนมแม่เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง หากคคุณแม่รับประทาน
อาหารเพิ่มน้ำนม แม่มากเท่าไหร่ จะยิ่งเป็นประโยชน์ต่อตัวคุณแม่ และและลูกน้อย เองเท่านั้น
คุณแม่บางท่านที่จะต้องออกไปทำงานนอกบ้าน เมื่อครบกำหนดลาคลอดแล้ว คุณแม้ต้องเตรียมปั๊มนมไว้ให้ลูกน้อย คุณแม่จะต้องศึกษาว่า
เครื่องปั๊มนม แบบไหนถึงจะเหมาะสมกับคุณแม่วัยทำงาน เครื่องปั๊มนม แบบไหน ถึงจะพกพาสะดวก และปกปิดได้มิดชิดเมื่อต้องปั๊มนมนอกสถานที่
หลังจากได้น้ำนมมาแล้ว คุณแม่จะต้องใส่ใจในเรื่อง วิธีเก็บนมแม่ ว่าทำอย่างไรจึงจะเก็บรักษานมแม่ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด หากคุณแม่ต้องปั๊มนมจากที่ทำงานจะต้องทำอย่างไรที่จะเป็น วิธีเก็บนมแม่ ให้ได้คุณภาพมากที่สุด เพื่อลูกน้อย
