ผู้เขียน หัวข้อ: สุขกลางใจใกล้แค่เอื้อม เชื่อมตะวันออก-นครวัด-นครธม ชมสิ่งมหัศจรรย์ของโลก  (อ่าน 45194 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ jai

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,354
  • คะแนน: +0/-0
  • เที่ยวเพื่อชาติ.....ชัยโย
    • touronthai.com
ปราสาทบายน เป็นปราสาทหินของอาณาจักรเขมร อยู่ในบริเวณของใจกลางนครธม สร้างขึ้นเป็นวัดประจำสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7  นับเป็นศาสนสถานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เป็นการปฏิวัติรูปแบบของการสร้างปราสาทที่มีภาพลักษณ์ต่างจากการสร้างรูปแบบเดิมๆ โดยสิ้นเชิง เป็นเพราะพระองค์ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนานิกายมหายาน ซึ่งต่างจากกษัตริย์หลายพระองค์ที่ล้วนแล้วแต่นับถือศาสนาฮินดูหรือศาสนาพราหมณ์

ไกด์บอกว่า เราต้องเดินไปด้วยกัน ไม่เช่นนั้นจะหลงทิศ เพราะ ปราสาทนี้มี 4 ทิศ แต่ละทิศก็เหมือนกันหมด ถ้าเดินไปเรื่อยเปื่อยจะหลงกันได้ค่ะ เราเดินชมกำแพงกันก่อน ตลอดความยาว 35 เมตรและสูง 3 เมตร ถูกสลักเป็นภาพนูนต่ำ แบ่งออกเป็น 3 ชั้น คือภาพด้านบน กลางและด้านล่าง แต่ละทิศ แสงภาพไม่เหมือนกันค่ะ
กำแพงด้านทิศตะวันออก
เป็นขบวนทหารและแม่ทัพนายกองส่วนหนึ่งของขบวนทัพพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
กำแพงด้านทิศใต้
เป็นภาพสลักยุทธภูมิทางเรือของทัพขอมและทัพจาม การปะทะกันทางเรือของสองทัพอย่างนองเลือด
กำแพงด้านทิศเหนือ
ภาพสลักเล่าเรื่องราวในวังของเหล่าพระราชวงศ์
กำแพงทิศใต้ฝั่งตะวันตก
เป็นเรื่องขบวนทัพของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 17, 2016, 02:50:38 PM โดย jai »
เที่ยวเพื่อชาติ.........ชัยโย

ออฟไลน์ jai

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,354
  • คะแนน: +0/-0
  • เที่ยวเพื่อชาติ.....ชัยโย
    • touronthai.com
จากนั้นเดินเข้าไปด้านใน แล้วขึ้นไปด้านบนปรางค์ปราสาทบายนกันค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 17, 2016, 02:51:01 PM โดย jai »
เที่ยวเพื่อชาติ.........ชัยโย

ออฟไลน์ jai

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,354
  • คะแนน: +0/-0
  • เที่ยวเพื่อชาติ.....ชัยโย
    • touronthai.com
ปรางค์ปราสาทบายน มีทั้งหมด 54 ปรางค์ สลักเป็นพระพักตร์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ทั้งสี่ทิศ รวมแล้วมีทั้งหมด 216 พระพักตร์
ลักษณะพระพักตร์ในยุคบายนนี้ มีเค้าหน้าของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ที่มีสีพระพักตร์ดูอ่อนโยน เพื่อสอดส่องดูแลความทุกข์สุขของเหล่าพสกนิกรของพระองค์ให้อยู่เย็นเป็นสุข มีรอยยิ้มมุมปากเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา รอยยิ้มแบบนี้เรียกว่า " ยิ้มแบบบายน"
ไกด์บอกว่า ให้เราใช้จมูกชนพระนาสิกของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรได้ด้วย เราก็ลองทำดู ปรากฏว่าได้ด้วย นักท่องเที่ยวขอลองกันใหญ่เลยค่ะ เป็นที่ฮือฮา ว่าถ้าไม่ได้ชนจมูก จะถือว่ามาไม่ถึงนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 17, 2016, 02:51:26 PM โดย jai »
เที่ยวเพื่อชาติ.........ชัยโย

ออฟไลน์ jai

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,354
  • คะแนน: +0/-0
  • เที่ยวเพื่อชาติ.....ชัยโย
    • touronthai.com
พระพักตร์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรแล้ว ก็ยังมีนางอัปสรอยู่ตามหน้าต่าง ประตู
ลงมาด้านล่าง จะเห็นระเบียงคตชั้นในที่ยังมีความสมบูรณ์อยู่ ส่วนระเบียงคตชั้นนอก หลังคาส่วนใหญ่พังทลายลงหมด มีแต่เสาศิลาทรายที่ทั้งสี่ด้านของเสามีภาพสลักนูนต่ำของนางอัปสรากำลังร่ายรำ และ

จากภาพจะเห็นว่ามีพระพุทธรูปอยู่ที่กลางอาคารโคปุระด้านหน้าของมหาปราสาทบายน พระพุทธรูปองค์นี้ ซึ่งเป็นที่ยืนยันได้ว่า พระชัยวรมันที่ 7 ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนานิกายมหายาน จริงๆ ซึ่งเดิมเป็นพระพุทธรูปนาคปรก มีการนำพระเศียรของ “พระสุคต” แบบโมทกะหล่อใหม่ เข้ามาซ่อมแซมรูปประติมากรรมเดิมที่ “ถูกทุบทำลาย” ในสมัยพระชัยวรมันที่ 8 ที่ทรงหันกลับมาเลื่อมใสศาสนาฮินดูอีกครั้ง

เราออกมาจากปราสาทบายน แล้วเดินไปขึ้นรถอีกทิศหนึ่ง จึงเห็นได้อีกว่า แต่ละทิศก็สวยไม่เหมือนกัน ถ่ายภาพสิครับ จะรออะไร แล้วก็ไปยังปราสาทต่อไปค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 17, 2016, 02:51:44 PM โดย jai »
เที่ยวเพื่อชาติ.........ชัยโย

ออฟไลน์ jai

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,354
  • คะแนน: +0/-0
  • เที่ยวเพื่อชาติ.....ชัยโย
    • touronthai.com
จากนั้นไปชม ปราสาทนครวัด ซึ่งเป็น ๑ ใน ๗ สิ่งมหัศจรรย์ของโลก เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศกัมพูชา และเป็นสิ่งก่อสร้างทางศาสนาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรม ภายใต้ชื่อ "พระนคร" เมื่อปี พ.ศ. 2535 จากองค์การยูเนสโก
ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อพ.ศ.๑๖๕๐ –๑๗๒๐ โดยพระเจ้าสุริยวรมันที่ ๒ เพื่อบูชาแด่พระวิษณุหรือ พระนารายณ์ และเป็นที่เก็บพระศพของพระองค์ เพราะทรงนับถือไวษณพนิกาย บูชาพระวิษณุหรือพระนารายณ์เป็นเทพสูงสุด จึงสร้างสุสานเป็นปราสาทอุทิศให้พระวิษณุ โดยเชื่อว่าเมื่อพระองค์สวรรคตแล้วจะทรงกลับไปเป็นหนึ่งเดียวกับพระวิษณุสถิตอยู่ในนครวัดแห่งนี้ตลอดไป ด้วยเหตุนี้นครวัดจึงถูกสร้างให้หันหน้าไปทางทิศตะวันตก

นครวัดมีอาณาบริเวณกว้างใหญ่มาก ถึง 200,000 ตารางเมตร ใช้หินรวม 600,000 ลูกบาศก์เมตร  มีเสา 1,800 ต้น หนักต้นละกว่า 10 ตัน ใช้แรงงานคนนับแสน และช้างกว่า 40,000 เชือก ชักลากหินมาจากเขาพนมกุเลน ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 50 กิโลเมตร ใช้เวลาสร้างร่วม 100 ปี
ขอบคุณข้อมูลและภาพทางอากาศจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/นครวัด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 17, 2016, 02:52:07 PM โดย jai »
เที่ยวเพื่อชาติ.........ชัยโย

ออฟไลน์ jai

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,354
  • คะแนน: +0/-0
  • เที่ยวเพื่อชาติ.....ชัยโย
    • touronthai.com
การเข้าชมปราสาทนครวัด จะให้ได้ภาพสวยงามควรเป็นเวลาช่วงบ่ายถึงเย็น เพราะปราสาทนครวัดหันหน้าไปทางทิศตะวันตก ทางเข้าชมนครวัดจะมีคูน้ำขนาดใหญ่อยู่รอบด้าน เรียกว่าบาราย ซึ่งปัจจุบันก็ยังสามารถใช้เก็บน้ำได้เป็นอย่างดีค่ะ

เราเดินผ่านสะพานหินเข้าไปมีบางช่วงเกิดการทรุดตัวไปบ้างแล้วจึงเดินได้ข้างเดียว เห็นกำแพงชั้นแรกเรียกว่าโคปุระ จุดนี้ก็ต้องหยุดถ่ายภาพกันอีกแล้ว แม้ว่าคนจะเดินกันขวักไขว่ แต่ก็ต้องรอช่วงจังหวะเหมาะๆ ให้คนน้อยที่สุด คืออยากได้ภาพสวยๆ ก็ต้องอดใจรอกันนิดนึงนะคะ
โคปุระจะมีทางเข้าไปยังปราสาท 3 ประตู เราเลือกไปเข้าทางด้านขวา ซึ่งมีประติมากรรม "พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมี 8 กร” ในพระพุทธศาสนา ที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 สร้างมาไว้ที่นี่  แต่เมื่อถึงสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 8 ก็ถูกคัดแปลงให้กลายเป็นพระวิษณุ 8 กร ในศาสนาฮินดูไปซะงั้น เราสักการะแล้วก็เดินไปชมด้านข้างของโคปุระ เห็นแสงสวยดีก็เลยถ่ายรูปจึงเดินช้ากว่ากลุ่มเลยค่ะ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 17, 2016, 02:52:21 PM โดย jai »
เที่ยวเพื่อชาติ.........ชัยโย

ออฟไลน์ jai

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,354
  • คะแนน: +0/-0
  • เที่ยวเพื่อชาติ.....ชัยโย
    • touronthai.com
จากตรงนี้ไป นักท่องเที่ยวต่างก็แยกย้ายกันเดินเป็นกลุ่มๆ กันไปแล้วค่ะ ใครใคร่เดินไปทางไหนก็เอาที่สบายใจเลยนะคะ เมื่อเดินออกจากโคปุระเราก็จะต้องเดินยาวๆกันอีกครั้ง ทางเดินนี้เรียกว่า สะพานนาค เป็นทางเดินที่เข้าสู่ระเบียงคดชั้นแรก มีบรรณาลัยหรือหอสมุดอยู่ระหว่างทาง ทั้ง 2 ด้าน
เดินถัดจากหอสมุดไปจะเข้าสู่ระเบียงคดประตูกลาง ไกด์พาเราเดินลงไปยังบ่อน้ำด้านข้าง จุดนี้เองเป็นไฮไลท์ ที่จะเห็นปราสาทนครวัดสะท้อนน้ำค่ะ
ด้านข้างมีร้านค้า ร่มรื่นลมพัดเย็นสบาย มีเก้าอี้บริการให้นั่งพักขากันนิดนึง เย๊ เรามาได้ครึ่งทางแล้ว จากนี้ไปเราก็จะตามหานางอัปสรากันแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 17, 2016, 02:53:07 PM โดย jai »
เที่ยวเพื่อชาติ.........ชัยโย

ออฟไลน์ jai

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,354
  • คะแนน: +0/-0
  • เที่ยวเพื่อชาติ.....ชัยโย
    • touronthai.com
เราเดินไปด้านข้างเพื่อขึ้นสู่ระเบียงคด ด้านข้างซ้าย มีบางส่วนกำลังบูรณะอยู่ค่ะ
หัวใจของการชม นครวัด Angkor wat คือการชมภาพสลักบนหินในปราสาทและพื้นที่โดยรอบ และภาพสำคัญที่ปรากฎอยู่รอบระเบียงคดชั้นแรกเป็นภาพแกะสลักนูนต่ำ เป็นมหัศจรรย์แห่งพลังของมนุษย์ ใช้ช่างแกะสลัก 5,000 คน และใช้เวลาถึง 40 ปี มีพื้นที่รวมทั้งหมดราว 1 ตารางกิโลเมตร ซึ่งนับได้ว่าเป็นบนระเบียงคดหินทรายศิลปะขอมที่ใหญ่และยาวทีสุดในโลก

ภาพสลักบนระเบียงคดแบ่งเป็น 8 เรื่องราวได้แก่
1 ภาพสลักเรื่องมหาภารตยุทธ ตอนการยุทธที่ทุ่งกุรุเกษตร   
2 ภาพสลักขบวนทัพของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 "กองทัพเสียมกุก" มีเรื่องราวเกี่ยวกับชาวสยามด้วยค่ะ   
3 ภาพสลักแดนสวรรค์โลกมนุษย์และขุมนรก   
4 ภาพสลักตำนานการกวนเกษียรสมุทร ของเหล่าเทวดาและอสูร   
5 ภาพสลักพระนารายณ์ทำสงคราม
6 ภาพสลักพระนารายณ์ในปางของพระกฤษณะ กำลังปราบท้าวพนาสูร
7 ภาพสลักเหล่าทวยเทพร่วมกันต่อกรกับอสูร เรียกว่า"เทวาสุรสงคราม"   
8 ภาพสลักศึกกรุงลงกา ตอนหนึ่งในรามายณะนารายณ์ในปางของพระราม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 17, 2016, 02:53:25 PM โดย jai »
เที่ยวเพื่อชาติ.........ชัยโย

ออฟไลน์ jai

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,354
  • คะแนน: +0/-0
  • เที่ยวเพื่อชาติ.....ชัยโย
    • touronthai.com
เมื่อเดินผ่านประตูของระเบียงคดเข้าไป จะเห็นบารายรอบตัวปราสาทชั้นใน มีบันไดขึ้นสู่ตัวปราสาท รอบๆ ปราสาทนี้มีระเบียงคดชั้นในที่มีภาพสลักนางอัปสราอยู่รอบๆ และที่ปรางค์ประธาน

ปรางค์ประธาน สูง 60 เมตร ยาว 100 เมตร และกว้าง 80 เมตร มีแผนผังที่ถือว่าเป็นวิวัฒนาการขั้นสุดยอดของปราสาทขอม มีปราสาท 5 หลังตั้งอยู่บนฐานสูง เป็นศูนย์กลางจักรวาล มีกำแพงด้านนอกยาวด้านละ 1.5 กิโลเมตร มีคูน้ำล้อมรอบตามแบบ มหาสมุทรบนสวรรค์ที่ล้อมรอบเขาพระสุเมรุ ตามหลักภูมิจักรวาลของฮินดู อันถือว่าเขาพระสุเมรุเป็นแกนของจักรวาล มีทวีปทั้ง 4 ประกอบอยู่ 4 ทิศ ผุดขึ้นท่ามกลางมหานทีสีทันดร (มหาสมุทร)

มีทางเดินขึ้นที่ชันมาก ประมาณ 50 องศา เมื่อก่อนผู้ที่จะขึ้นไปต้องค่อยๆ ไต่แบบคลานขึ้นไปแต่มีเหตุคนตกลงมาบาดเจ็บและถึงกับเสียชีวิตก็มี ปัจจุบันจึงทำบันไดให้เดินขึ้นไปอย่างปลอดภัยค่ะ แต่คนรอคิวกันขึ้นเยอะมาก ทีแรกเดินเข้ามาก็ งงมาก ว่าเขาต่อคิวทำอะไรกัน แต่พอเดินไปเรื่อยๆ ก็ เห็นทางขึ้น อ๋อ เขาต่อคิวกันขึ้นบนปรางค์ประธานนี่เอง ถ้าเราต่อคิวด้วยคงไม่ทันเวลา ขอเป็นโอกาสหน้าละค่ะ ถ้ามีบุญได้มาอีกครั้ง  ไกด์เล่าว่าด้านบนจะมองเห็นวิวที่สวย เป็นที่เก็บพระศพของพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ซึ่งตอนนี้เหลือเพียงแต่ร่องรอย และมีภาพนางอัปสราลิ้นสองแฉก กับนางอัปสราใส่เหล็กดัดฟัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 17, 2016, 02:53:42 PM โดย jai »
เที่ยวเพื่อชาติ.........ชัยโย

ออฟไลน์ jai

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,354
  • คะแนน: +0/-0
  • เที่ยวเพื่อชาติ.....ชัยโย
    • touronthai.com
เราเดินชมนางอัปสราบริเวณกำแพงรอบปรางค์ประธานกัน ซึ่งนางอัปสราที่นครวัดนี้ มีมากถึง 1636 ตน
นางอัปสรา กำเนิดมาจากพิธีการกวนเกษียรสมุทร ของเหล่าเทวดาและอสูร เพื่อให้ได้น้ำอมฤต และก่อนที่จะได้น้ำอมฤต ได้เกิดนางอัปสรนับหมื่น นับแสนนาง ผุดขึ้นเหนือน้ำ เหล่าเทวดาจึงได้นำนางอัปสราเหล่านั้น มาเป็นผู้รับใช้เทพเจ้า แห่งเทวสถาน นั่นเอง

เป็นการแกะสลักนางอัปสราที่งดงามอ่อนช้อยราวกับมีชีวิตจริง อัปสราแต่ละนางมีใบหน้า เครื่องแต่งกาย ทรงผม ทรงหน้าอกหน้าใจเล็ก-ใหญ่ แหลม-กลมต่างกัน  และกิริยาแตกต่างกันไป ไม่ซ้ำกันเลยค่ะ อึ้งหนักมาก สุดยอดมากๆ ถือว่าช่างแกะสลักต้องมีจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์สูงมากจึงสามารถออกแบบอัปสราที่แตกต่างกันได้มากขนาดนี้ อัปสราที่ดังๆ ก็เช่น อัปสราเซเลอร์มูน  อัปสราเซ็กซี่นุ่งมินิสเกิร์ต  อัปสราลิ้นสองแฉก อัปสราใส่เหล็กดัดฟัน  อัปสรายิ้มเห็นฟัน อัปสรากอดคอเพื่อน  อัปสราคล้องแขนกัน  อัปสราร่ายรำ ดูจากภาพที่ถ่ายมาก็จะเห็นตามที่ได้กล่าวมา เสียดายว่ามีเวลาน้อย จึงถ่ายภาพมาได้เพียงเท่านี้ค่ะ ใครอยากดูว่ามีแบบไหนอีกก็ลองหาเวลามาเดินชมให้จุใจไปเลยค่ะ

ดูภาพแล้ว คลิกอ่านต่อหน้าสุดท้ายเลยจ้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 17, 2016, 02:54:04 PM โดย jai »
เที่ยวเพื่อชาติ.........ชัยโย