ผู้เขียน หัวข้อ: ทริปปฎิบัติการพิเศษ"15,000 ไมล์จากอัลไตสู่สุวรรณภูมิ"สานสัมพันธ์ไทย-จีน ภาค#1  (อ่าน 31458 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ jai

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,354
  • คะแนน: +0/-0
  • เที่ยวเพื่อชาติ.....ชัยโย
    • touronthai.com
วันที่ 11 (24 พ.ย.58)
วันนี้ หนาวเป็นพิเศษเมืองจางเย่ขาวไปทั้งเมืองเมื่อคืนหิมะตกหนัก ต้องปรับแผนการเดินทางจากรถยนต์เป็นรถไฟความเร็วสูง
จากเมืองจางเย่(มณฑลกานซู)-ซีหนิง(มณฑลชิงไห่)-หลันโจ(มณฑลกานซู)


- ล้อหมุนออกเดินทาง 8.30 น.) คณะเดินทางสัมผัสอากาศหนาวเย็นวันนี้ติดลบ 15 องศา C 
แต่เช้านี้...คณะเดินทางติดอยู่ในโรงแรมที่พักเนื่องจากเมื่อคืนหิมะตกหนักจากกำหนดการออกเดินทางเดิม 8.30 น.จึงถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด การประชุมกลุ่มทีมทำงานปรับวางแผนการเดินทางใหม่จึงเกิดขึ้นทันที เพราะถนนหลายสายถูกปิดการจราจรลง (เนื่องจากถนนบางเส้นถนนลื่นจากน้ำแข็งหิมะ) และถนนบางสายกำลังเก็บกวาดทำความสะอาดหิมะ 
ทีมงานจึงมองความปลอดภัยของคณะเดินทางเป็นหลัก เป้าหมายส่วนหนึ่งเพื่อบูรณาการการเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยเป็นไปตามกำหนดเวลาที่ได้มีการประชุมเตรียมงานระหว่างประเทศไปแล้ว จึงขอยกเลิกโปรแกรมการเดินทางตามเส้นทางสายไหมวันนี้ (เมืองอู่เว่ย/วัดขงจื้อ/หวงเหอหมู่ชิง/สุ่ยเฌอ/วัดเจดีย์ขาว-หลันโจว)....แล้วจัดโปรแกรมการเดินทางตามเส้นทางสายใหม่ทดแทน (โดยได้รับการอนุมัติจากทีมงานรัฐบาลกลางที่ปักกิ่ง)

สรุป การเดินทางเช้านี้เดินทางท่องเที่ยว&วัฒนธรรม กับวิถีชีวิตตลาดเช้าของชาวเมืองเจียงเย่ อดีตเป็นเมืองเส้นทางสายไหมที่นักเดินทาง มาร์โคโปโล มาพักค้างอยู่เมืองนี้หลายคืน ทราบจากอดีตทูตวัฒนธรรมจีนประจำประเทศไทยที่ร่วมเดินทางกับคณะเราเล่าให้ฟังว่า สินค้า สมุนไพร อาหาร เนื้อสัตว์ จากเมืองนี้ก็ถูกส่งไปจำหน่ายเมืองไทย ในย่านเยาวราชเช่นกัน
วันนี้ตามรอยเส้นทางสายไหม ปรับเป็นการเดินทางเส้นทางสายใหม่แทน ด้วยการปรับเป็นการเดินทางโดยเส้นทางรถไฟความเร็วสูง(ทดแทน) เป็นเส้นทางรถไฟสาย ลาซา(ทิเบต)-เมืองเจียงเย่(มณฑลกานซู)-ซีหนิง(มณฑลชิงไห่)-เมืองเอกหลันโจว(มณฑลกานซู)
 
วันนี้ทำให้คณะเดินทางเห็นการพัฒนาความเจริญ&เปลี่ยนแปลงการคมนาคมของจีนเร็วมากๆ คนขึ้นรถไฟมีระเบียบขึ้น(ยืนเข้าแถวรอขึ้นรถไฟตามตรงตามตู้&เบอร์ที่นั่ง) สะดวก สะอาด(มี จนท.เก็บขยะบนรถไฟทุกๆ30นาที) บนรถไฟมีการสื่อสารทั้งภาษาจีนและภาษาอังกฤษเพื่อนักท่องเที่ยวทราบตลอดเส้นทาง วิวสองข้างทางสวยงามเต็มไปด้วยวิถีชีวิตและหิมะ
เย็นพบกับการต้อนรับของคณะเดินทางฯจากผู้แทน รัฐบาลท้องถิ่นเมืองหลันโจว รองอธิบดีกรมวัฒนธรรมมณฑลกานซู ผอ.กองวิเทศสัมพันธ์กรมวัฒนธรรมมณฑลกานซู(อดีต ทหารหญิงของรัฐบาลจีนย้ายสังกัดมาอยู่กระทรวงวัฒนธรรมจีน) แลกเปลี่ยนแนวคิดวัฒนธรรมกับการท่องเที่ยวจีน-ไทย

คืนนี้อากาศที่นี่อุ่นขึ้นมาหน่อยประมาณ ลบ 1 องศา C ทีมงานแอบหนีเที่ยวกลางคืนเมืองหลันโจว กับตลาดเก่ากลางคืน ของถูกมากๆ เช่น ถุงเท้า 15 คู่ 20 หยวน (100 บาท) เฉลี่ยคู่ละ 6 บาทกว่าๆ
เที่ยวเพื่อชาติ.........ชัยโย

ออฟไลน์ jai

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,354
  • คะแนน: +0/-0
  • เที่ยวเพื่อชาติ.....ชัยโย
    • touronthai.com
วันที่ 12 (25 พ.ย.58)
วันนี้เป็นวันลอยกระทง วันเพ็ญเดือนสิบสอง ของเมืองไทย คณะเดินทางออกจากเมืองเอกหลันโจว(มณฑลกานซู)
มุ่งหน้าสู่ครึ่งทางของการเดินทางตามเส้นทางสายไหมในจีน สู่เมืองเป่าจี(มณฑลส่านซี)


- ล้อหมุนออกเดินทาง 8.30 น.) คณะเดินทางสัมผัสอากาศหนาวเย็นวันนี้อากาศอุ่นขึ้นมาเป็น 1-2 องศา C
เช้านี้ก่อนออกเดินทางต่อก็ได้มีโอกาสยลโฉมบรรยากาศเมืองหลันโจว.....หากนับย้อนหลังไปในอดีตกาล เส้นทางสายไหม อันเป็นเส้นทางค้าขายระหว่างจีนกับทวีปยุโรป แอฟริกาก็น่าจะผ่านเมืองหลันโจวแห่งนี้ และเขาเล่าว่าเมื่อครั้งที่ พระเสวียนจั้ง (พระถังซำจั๋ง) เดินทางไปอัญเชิญพระไตรปิฎกที่ประเทศอินเดีย ท่านน่าจะธุดงค์ผ่านดินแดนแห่งนี้ที่กลายเป็นเมืองหลานโจว เช่นกัน

แม่น้ำฮวงโห (Huang He) หรือ แม่น้ำหวงเหอในภาษาจีนกลางเป็นแม่น้ำที่ยาวเป็นอันดับ 2 ของจีนรองจากแม่น้ำแยงซีเกียง ความยาวของฮวงโหนั้นอยู่ที่ 5,464 กิโลเมตร ไหลผ่านหลันโจวเส้นทางสายแพรไหม จึงทำให้เมืองนี้เป็นเมืองเก่าและเมืองใหญ่ เมืองเศรษฐกิจอีกเมืองหนึ่งของจีน

- ชมมรดกโลก ถ้ำผาพุทธศิลปม่ายจีซาน
ม่ายจีซาน (maijishan) ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของ นครเทียนสุ่ย มณฑลกานซู่ ของจีน ลักษณะภูเขาที่คล้ายกับกองข้าวสาลีในทุ่งนา ภูเขานี้จึงได้ชื่อว่า ภูเขา ม่ายจีซาน ซึ่งหมายความว่า"ภูเขากองข้าวสาลี"

- เมื่อเราเดินตาม ทางกระดานหน้าผา ชมปฏิมากรรมสวยงาม มีอายุนานนับพันปี สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยราชวงศ์จิ้นตะวันออกตอนปลาย (ค.ศ.384-417) พร้อมกับช่วงการเปิดเส้นทางสายไหม อุโมงค์พระที่ใหญ่ที่สุดกว้าง 31 เมตร อุโมงค์ส่วนมากเจาะที่ชะโงกผา

สรุปแล้ว เป็นศิลปเชิงช่างแบบโบราณสืบทอดกันมาภายใน อุโมงค์ม่ายจีซาน สัมผัสสุดยอดความ งามของศิลปะแห่งชาติที่ได้สั่งสมความงดงามประณีตของยุคสมัยต่างๆถึง 6 ราชวงศ์ (ช่วงราชวงศ์หวูสมัยสามก๊กถึงช่วงราชวงศ์ใต้เหนือในคริสต์ ศตวรรษที่ 3-6) และศิลปะลีลาใหม่ของยุคราชวงศ์ถัง และซ่ง (คริสต์ศตวรรษ 7-13) เสมือนเป็น “หอนิทรรศการปฏิมากรรมแห่งภูผาบูรพาทิศ”
- คณะเดินทางออกเดินทางสู่เมืองเป่าจี มณฑลส่านซี ร่วมงานเลี้ยงแบบท้องถิ่นแบบสบายในวันนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 27, 2015, 01:16:47 PM โดย jai »
เที่ยวเพื่อชาติ.........ชัยโย

ออฟไลน์ jai

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,354
  • คะแนน: +0/-0
  • เที่ยวเพื่อชาติ.....ชัยโย
    • touronthai.com
วันที่ 13 ของการเดินทาง : (26 พ.ย.58)
ตามเส้นหาจุดหมายปลายทางเส้นทางสายไหม บนเส้นทางพระพุทธศาสนา ณ เมืองซีอาน มณฑลส่านซี

     -  ล้อหมุนออกเดินทาง 8.30 น. คณะเดินทางสัมผัสอากาศหนาวเย็นวันนี้ประมาณ 5 องศา C       
     -  คณะคาราวานออกเดินทางสู่เมืองเอกซีอาน มณฑลส่านซี เข้าเล่าว่า คนสุโขทัยซึ่งได้มีการสถาปนาเป็นบ้านพี่เมืองน้องกับเมืองซีอานมาตั้งแต่ปี 2550 ได้มีการนำพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะสุโขทัย ไปประดิษฐานที่วัดฝ่าเหมิน เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างเมืองซึ่งกันและกัน

        ชมเจดีย์ฝ่าเหมิน โบราณสถานที่มีความเก่าแก่และสำคัญเนื่องจากเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ(ส่วนข้อนิ้วพระหัตถ์ถือเป็นสิ่งที่สุดในวงการพุทธศาสนา) เขาเล่าอีกเหมือนกันว่า เจดีย์นี้สร้างขึ้นมาตั้งแต่ในสมัยที่พระเจ้าอโศกมหาราชแห่งแคว้นมคธ ส่งคณะพระสงฆ์ไปเผยแผ่พุทธศาสนาในดินแดนต่าง ๆ และให้ไปสร้างเจดีย์ถึง 84,000 องค์ ตามจำนวนของพระธรรมขันธ์ เจดีย์ที่คณะสงฆ์มาสร้างไว้ที่นี่ก็คงไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่ก็ได้นำพระบรมสารีริกธาตุส่วนที่เป็นข้อนิ้วมาประดิษฐานไว้ด้วย เมื่อพระเจ้าอโศกมหาราชสวรรคตเมื่อ พ.ศ.312
        พ.ศ.1161-1450 ถือว่าเป็นวัดประจำราชวงศ์ถัง และเมื่อปี พ.ศ.2112 เจดีย์ก็ได้พังลงเพราะแผ่นดินไหว ชาวบ้านก็เลยช่วยกันบริจาคเงินสร้างขึ้นมาใหม่เป็นเจดีย์อิฐแบบที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน โดยใช้เวลาสร้างถึง 30 ปี

        ในช่วงของการปฏิวัติวัฒนธรรมจีน (พ.ศ.2509-2519) พวกเด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูจากคอมมูน ที่เรียกกันว่ากลุ่มกองทัพพิทักษ์แดง หรือ เรดการ์ด จะมารื้อเจดีย์แห่งนี้ จนเกิดการเผาตัวเสียชีวิตของพระสงฆ์เพื่อประท้วง ความคิดที่จะรื้อเจดีย์ก็เลยเลิกไป
         พ.ศ.2537 รัฐบาลไทยได้เคยอันเชิญพระบรมสารีริกธาตุข้อนิ้วพระหัตถ์จากวัดฝ่าเหมินแห่งนี้มาประดิษฐานอยู่ที่ประเทศไทยนานถึง 85 วัน  และไทยก็เป็นประเทศแรกที่รัฐบาลจีนได้อนุญาตให้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุไปประดิษฐานนอกประเทศ

        ปัจจุบัน ด้านข้างของวัดตรงนี้สร้างขึ้นใหม่ยิ่งใหญ่มากๆห้ามพลาดเมื่อไปเยือน เพื่อเป็นการรองรับนักท่องเที่ยว
        ชม “ต้าเยี่ยนถ่า หรือ เจดีย์ห่านป่าใหญ่” วัดนี้เคยเป็นอารามหลวงที่สร้างขึ้นโดยฮ่องเต้ถังเกาจง เพื่อตอบแทนคุณมารดา หลังจากสร้างเสร็จได้นิมนต์พระถังซัมจั๋งมาเป็นเจ้าอาวาส และแปลพระคัมภีร์พระไตรปิฏกที่นำมาจากอินเดีย พระถังซัมจั๋งได้เป็นผู้ออกแบบร่วมสร้างเจดีย์ห่านป่า ขึ้นเพื่อเก็บพระไตรปิฏก ลักษณะของเจดีย์จะคล้ายแบบอินเดียมี 7 ชั้นสูง 64.7 เมตร ในสมัยก่อนจะสร้างเจดีย์ด้วยดินทั้งหมด แต่พอมาในสมัยราชวงศ์หมิง ได้รับการบูรณะเป็นอิฐจนถึงปัจจุบัน
 
         คณะร่วมงานเลี้ยงต้อนรับโดยรัฐบาลเมืองซีอาน มณฑลส่านซี โดยรองอธิบดีกรมวัฒนธรรมมณฑลส่านซี พร้อมสัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชน TV
มณฑลส่านซี พักที่โรงแรม 5 ดาวเมืองเอกซีอาน มณฑลส่านซี

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 28, 2015, 09:19:48 AM โดย jai »
เที่ยวเพื่อชาติ.........ชัยโย

ออฟไลน์ jai

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,354
  • คะแนน: +0/-0
  • เที่ยวเพื่อชาติ.....ชัยโย
    • touronthai.com
ติดตามชมต่อ ภาค#2 ครับ

ภาพและเรื่อง โดย คุณสมชาย ชมภูน้อย ผอ.ททท.ภูมิภาคภาคกลาง
ขอขอบคุณ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคกลาง และคุณสมชาย ชมภูน้อย ผอ.ททท.ภูมิภาคภาคกลาง ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 28, 2015, 11:36:31 AM โดย jai »
เที่ยวเพื่อชาติ.........ชัยโย