วันที่เจ็ดของการเดินทาง
คาราวานขับรถเที่ยวพิชิต 19 จังหวัดภาคกลาง คณะสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศ พันธมิตร ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวกว่า 120 ชีวิต
ในวันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม 2558 (เจาะลึกพื้นที่จังหวัด พระนครศรีอยุธยา – ปทุมธานี – นนทบุรี – ฉะเชิงเทรา)
ททท.เชิญชวนแต่งกายวิถีไทยใน Theme : กรุงเทพฯและปริมณฑล สุขหรรษา (แต่งกายทันสมัยเก๋ไก๋ไม่เหมือนใคร)
กำหนดการเดินทาง
08.00 น.คณะคาราวานออกเดินทาง
ช่วงเช้า : UNSEEN โชว์รูมสินค้าที่ใหญ่ที่สุดดุจดังพระราชวังชมผลงานหัตถกรรม ตามโครงการพระราชดำริ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ณ ศูนย์ศิลปาชีพระหว่างประเทศ และศูนย์ศิลปาชีพบางไทร จังหวัดระนครศรีอยุธยา
- ชมนิทรรศการแสดงพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดปทุมธานี
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวันแบบง่ายๆ ก๋วยเตี๋ยวเรือรังสิต จังหวัดปทุมธานี
(ททท.ภูมิภาคภาคกลาง เป็นเจ้าภาพ)
ช่วงบ่าย : UNSEEN สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์และแก้ปีชงทุกปีเกิด ณ วัดเล่งเน่ยยี่ 2 จังหวัดนนทบุรี
- สักการะพระพิฆเนศ ปางนั่งประทานพร(ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย) แหล่งท่องเที่ยวใหม่ ณ วัดโพรงอากาศ จังหวัดฉะเชิงเทรา
ช่วงเย็น : เข้าที่พัก โรงแรม ซันธารา เวลเนส รีสอร์ท จังหวัดฉะเชิงเทรา
ตัดสิน&มอบรางวัลผู้ที่แต่งกายเข้าบรรยากาศวิถีไทย ใน Theme กรุงเทพฯและปริมณฑล สุขหรรษา และมอบประกาศนียบัตรให้ผู้เข้าร่วมโครงการขับรถเที่ยวภาคกลางพิชิต 19 จังหวัดภาคกลาง
รับประทานอาหารค่ำ ณ ที่พัก (ททท.ภูมิภาคภาคกลาง เป็นเจ้าภาพ)
พักผ่อนตามอัธยาศัย
โชว์รูมสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก
The Support Arts and Craft International Centre of Thailand
ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เป็นเสมือนประตูบานสำคัญที่เปิดตลาดการค้าและขยายงานศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านออกสู่ตลาดโลก รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการออกแบบที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพมาตรฐาน รักษาเอกลักษณ์ความเป็นไทย พัฒนาความแปลกใหม่ให้ผลิตภัณฑ์ (เข้าชมฟรี) คลิกๆ ดู
http://www.tiewpakklang.com/unseen/269/ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร
ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยามีเนื้อที่ประมาณ 1,000 ไร่ เป็นแหล่งเรียนรู้ทางภูมิปัญญาทางด้านศิลปหัตถกรรมของไทย โดยมุ่งเน้นการฝึกอาชีพให้แก่เกษตรกร เพื่อเป็นรายได้พิเศษจากช่วงที่ว่างจากงานเกษตรกรรม
ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรนี้ริเริ่มจากการที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินตามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปทรงเยี่ยมราษฎรในทุกแห่งหน ทั่วทุกภาคของประเทศไทย เป็นระยะเวลาหลายสิบปีแล้ว พระองค์ทรงตระหนักถึงปัญญาหายากจนของราษฎร จึงทรงมีพระราชประสงค์จะจัดหาอาชีพให้ราษฎรทำเพื่อเพิ่มพูนรายได้ให้เพียงพอแก่การยังชีพ ในภาวะปัจจุบัน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถทรงสนพระทัยในงานฝีมือพื้นบ้านหรือศิลปกรรมพื้นบ้านที่จัดทำขึ้นโดยใช้วัสดุในท้องถิ่นมาก จึงส่งเสริมในเรื่องนี้โดยการจัดให้มีครูออกไปฝึกสอนราษฎรเป็นการช่วยปรับปรุงคุณภาพ ของงานให้ดียิ่งขึ้น การส่งเสริมศิลปาชีพในครั้งนั้นได้เติบโตตามลำดับ จนกระทั่งพัฒนามาเป็นศูนย์ศิลปาชีพบางไทรอย่างในปัจจุบัน
ภายในศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ประกอบด้วยสถานที่และสิ่งที่น่าสนใจหลายแห่ง อาทิ
ศาลาพระมิ่งขวัญ เป็นอาคารทรงไทยประยุกต์ จตุรมุขสูง 4 ชั้น ตั้งตระหง่านอยู่กลางศูนย์ศิลปาชีพบางไทร เป็นศูนย์สาธิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพของศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ และศูนย์ศิลปาชีพอื่น ๆ ทั่วประเทศ จัดแสดงนิทรรศการผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพชิ้นยอดเยี่ยม และห้องประชุมสัมมนา
หมู่บ้านศิลปาชีพ ให้ความรู้เกี่ยวกับการสร้างบ้านเรือนของคนไทย สาธิตวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ตลอดจนศิลปวัฒนธรรมไทยจากทั่วประเทศ และการสาธิตงานศิลปาชีพ นอกจากนี้ยังมีการแสดงนาฏศิลป์ และการละเล่นพื้นบ้านทั้ง 4 ภาคให้ชมด้วยในวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์วันละ 1 รอบ ระหว่างเวลา 16.30 -17.30 น.
อาคารฝึกอบรมศิลปาชีพ รวมทั้งสิ้น 29 แผนก นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมวิธีการฝึกอบรมศิลปาชีพของศูนย์ฯได้ทุกขั้นตอนและการผลิตงานศิลปาชีพ ที่มีความประณีตวิจิตรซึ่งต้องใช้เวลาอันยาวนานเพื่อให้ได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ
นอกจากนี้ภายในศูนย์ศิลปาชีพบางไทรยังมีสถานที่น่าสนใจอื่นๆ อีกมากมาย ได้แก่
วังปลา เป็นสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำจืดพื้นเมืองของไทย และ
สวนนก เป็นกรงนกขนาดใหญ่ 2 กรง ภายในมีนกพันธุ์ที่หาชมได้ยากมากกว่า 30 ชนิด มีการจัดสภาพแวดล้อมภายในให้เหมือนธรรมชาติ อาทิ น้ำตกและธารน้ำจำลอง มีป่าจำลองที่ร่มรื่นใกล้เคียงกับธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีสะพานแขวนให้นักท่องเที่ยวเดินขึ้นไปชม และถ่ายภาพนกจากด้านบนของกรงได้อย่างชัดเจน
ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร เปิดให้เข้าชมวันอังคาร-ศุกร์ เวลา 08.30–16.30 น. วันเสาร์ อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08.30–17.00 น. อัตราค่าเข้าชม ชาวไทย ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการรถไฟเล็กได้โดยไม่เสียค่าบริการ สอบถามรายละเอียดที่ประชาสัมพันธ์ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร โทร. 0 3536 6252-4, 0 3528 3246-9
สถานีต่อมา อลังการวัดจีน ยิ่งใหญ่ดุจพระราชวัง Wat Leng Nei Yi 2
ชมความงดงามตระการตาและยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรมจีนที่งดงามและสมบูรณ์แบบ จนหลายคนเปรียบไว้ว่าเหมือนได้เดินอยู่ในพระราชวังจีน ณ วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ คณะสงฆ์จีนนิกายรังสรรค์ (วัดเล่งเน่ยยี่ 2) ตั้งอยู่ที่อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี เป็นวัดจีนสาขา 2 ที่ใหญ่กว่าวัดเล่งเน่ยยี่ 1 วัดดังที่ย่านเยาวราช กรุงเทพฯ
สนใจรายละเอียด คลิกๆ
http://www.tiewpakklang.com/unseen/243/ “วัดโพรงอากาศ” อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา มีองค์พระพิฆเนศ ปางนั่งประทานพร องค์ใหญ่ที่สุดในโลก นับเป็นอีกหนึ่งวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนาที่โดดเด่นด้วยพระอุโบสถที่มีมหาเจดีย์สีทองอร่าม เป็นภาพที่สวยงามอย่างมาก โดยตัวอุโบสถใช้เสาทั้งหมด 196 ต้น และยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุจากประเทศอินเดีย อีกด้วย
วัดนี้เกิดจากชาวบ้านที่เลื่อมใสในตัวพระอาจารย์สมชาย พุทฺธสโร ระหว่างออกธุดงด์ จึงได้บริจาคที่ดินบริเวณตำบลโพรงอากาศ อำเภอบางน้ำเปรี้ยว รวมเนื้อที่ทั้งหมด ๔๘ ไร่ และพระอาจารย์สมชาย พุทฺธสโร ได้เริ่มก่อสร้างอุโบสถในปี พ.ศ. ๒๕๓๙ อุโบสถใหญ่ที่สร้างแล้วเสร็จเป็นทรงมหาเจดีย์ สีทองอร่ามสวยงามจนเป็นจุดเด่นภายในตำบลโพรงอากาศสามารถมองเห็นได้แต่ไกล
นอกจากนี้วัดโพรงอากาศ ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการสักการะพระพุทธรูปจำลอง ทั้ง หลวงพ่อโสธร , หลวงพ่อวัดบ้านแหลม , หลวงพ่อโต ,หลวงพ่อวัดไร่ขิง และหลวงพ่อวัดเขาตะเครา หรือว่าจะเป็นองค์พระพิฆเนศ ปางนั่งประทานพร องค์ใหญ่ที่สุดในโลก
การเดินทาง
จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ไปจังหวัดฉะเชิงเทรา ก่อนเข้าตัวจังหวัดฉะเชิงเทราจะมีป้ายไป ฉะเชิงเทรา-กรุงเทพ ตรงไปจนเห็นทางไปฉะเชิงเทรา ให้ขึ้นสะพานลอยไปกรุงเทพ ตรงไปจะเจอสามแยก ให้เลี้ยวขวาเข้าอำเภอบางน้ำเปรี้ยว วิ่งไปประมาณ 6 กม. จะเจออีกสามแยกให้เลี้ยวซ้าย วิ่งไปอีกประมาณ 3.5 กม. จะเห็นอุโบสถของวัดโพรงอากาศเด่นแต่ไกล ให้เลี้ยวเข้าซอยตามป้าย