ผู้เขียน หัวข้อ: ททท.ภาคกลางจัดคาราวานพิชิต 19 จว.กระตุ้นการท่องเที่ยวภาคกลาง  (อ่าน 54971 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
จากนั้นคณะคาราวานเดินทางไปร่วมรับประทานอาหารที่ ฟาร์มอัลปาก้า ที่เที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดราชบุรี เลี้ยงแครอทเจ้าอัลปาก้าที่น่ารักน่าชัง

ต่อด้วยการเดินทางชม Unseen หนังใหญ่ หนังไทย Nang Yai or Shadow Puppet ay Wat Khanon
ชมตัวหนังใหญ่กว่า 300 ตัวที่รำลือว่าเก่าและมากที่สุดในประเทศไทย ร่วมสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมล้ำค่ากับการแสดงเชิดหนังใหญ่จากนักเรียนโรงเรียนวัดขนอน ณ พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดขนอน อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี หนังใหญ่ที่สุดในโลกต้องใช้คนเชิดถึง 4 คนก็มีให้ชมที่นี่

วัดขนอน จะมีการแสดงเชิญหนังใหญ่ทุกวันเสาร์ เวลา 10.00 น. และวันอาทิตย์ เวลา 11.00 น. ชมฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย


 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 04, 2015, 02:45:42 PM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
จากราชบุรี เรายังคงมุ่งหน้าเดินทางกันสู่จังหวัดต่อไป คือกาญจนบุรี เริ่มต้นด้วยการเข้าไปเยี่ยมจามจุรียักษ์ ที่มีกระแสว่าหักโค่นเนื่องจากลมพายุ เพื่อให้เห็นว่าต้นจามจุรีนี้ยังอยู่ดีเหมือนเดิม ต้นจามจุรียักษ์ หรือ ต้นก้ามปูยักษ์ เป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจและยังไม่ไกลจากตัวเมืองกาญจนบุรีมากนัก นักท่องเที่ยวเมื่อมาถึงก็จะได้รับประสบการณ์อันมีค่าและตะลึงตื่นเต้นในความใหญ่โตและสวยงามของต้นไม้ทั้งตัวลำต้นขนาดยักษ์และกิ่งก้านสาขาอันตระการตางดงามอย่างน่ามหัศจรรย์ ผู้ไปชมจะยิ่งเกิดความตื่นเต้นประทับใจมากขึ้นเมื้อได้ทราบว่าข้อมูลของต้นจามจุรียักษ์ หรือต้นก้ามปูยักษ์นี้นั้นมีความน่ามหัศจรรย์ขนาดไหน อายุของต้นจามจุรียักษ์นี้มีมากกว่า 100 ปี ขนาดของลำต้นนั้นมีความใหญ่ยักษ์ถึงขนาด 10 คนโอบ รัศมีทรงพุ่มของต้นเฉลี่ยประมาณ 25.87 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางของร่มเงาใหญ่ประมาณ 51.75 เมตร ความสูงของต้นจากพื้นดินสู่ยอดต้นประมาณ 20 เมตร และเนื้อที่ของพุ่มนั้นมีถึงประมาณ 1 ไร่ 2 งาน 4 วา ซึ่งนับว่าหาชมต้นไม้เช่นนี้ได้ยากมากในปัจจุบัน
สำหรับการเข้าชมต้นจามจุรียักษ์นี้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด เข้าชมได้ระหว่างเวลา 6.00 น ถึง 18.00 น ในพื้นที่รับผิดชอบของกองการสัตว์และเกษตรกรรมที่ 1 กรมการสัตว์ทหารบก อยู่ที่บ้านกสิกรรม หมู่ที่ 5 ตำบลเกาะสำโรง อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี นักท่องเที่ยวสามารถใช้เส้นทางเดินทางด้วยทางหมายเลข 3429 ที่แยกจากด้านหน้าศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรีตรงไปข้ามสะพานแม่น้ำแม่กลอง ผ่านป้อมตำรวจแม่กลอง จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายที่ทางสามแยกวัดถ้ำเขาแหลมไปตามทางอีกประมาณ 5 กิโลเมตรก็จะพบทางสามแยก ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปยังเส้นทาง 3209 และขับต่อไปจนเข้าเขตพื้นที่กรมการสัตว์ทหารบก จากนั้นต่อไปจะมีป้ายบอกเส้นทางไปยังต้นจามจุรียักษ์ตลอดเส้นทาง
          ข้อมูลจาก http://thai.tourismthailand.org

วัดเมตตาธรรมโพธิญาณ  จ.กาญจนบุรี อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวทางศาสนาที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ตัววัดสร้างเป็นสถาปัตยกรรมแบบจีน โดยใช้ไม้ในการก่อสร้าง ภายในประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่แกะสลักจากไม้สูง 12 เมตร นอกจากนั้นยังมีเจ้าแม่กวนอิมปางต่าง ๆ ที่เเกะสลักจากไม้หอมกว่า 100 ปาง และยังมีองค์ไท้ส่วยเอี้ยหลายปางให้กราบไหว้ ขอโชค ขอลาภ เสี่ยงทาย แก้ปีชง สะเดาะเคราะห์ เสริมชะตาบารมี ใครที่เกิดปีไหนให้ไปกราบไหว้ไท่ส่วยเอี้ยปางที่ทางวัดแนะนำ โดยเฉพาะการสะเดาะเคราะห์แก้ปีชง มีผู้นิยมไปทำกันมาก 

การเดินทาง อยู่ห่างจากตัวเมือง ประมาณ 15 กิโลเมตร ใช้เส้นทางไปไทรโยค แล้วเลี้ยวไปทางตำบลบ้านเก่า (ทางหลวง 3229) ขับไปจนถึงแยกแล้วเลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวง 3228 ตั้งอยู่เลยจากวัดถ้ำพุหว้าประมาณ 1 กิโลเมตร 

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่  หมู่ที่ 7 ตำบลหนองหญ้า  อำเภอเมือง  จังหวัดกาญจนบุรี 71120 โทร.  081-215-6882

หรือ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานกาญจนบุรี โทรศัพท์. 0 3451 1200, 0 3451 2500
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 04, 2015, 10:51:30 AM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าแม่กวนอิมแกะสลักจากไม้ เทพเจ้าแห่งโชคลาภ และเทพเจ้าอีกหลายองค์ เพื่อความเป็นสิริมงคลในการเดินทางของชาวคณะ จากนั้นมุ่งหน้าสู่สะพานข้ามแม่น้ำแคว ที่เราจะได้ร่วมรับประทานอาหารมื้อเย็น บนแพที่ล่องไปตามแม่น้ำ ชมบรรยากาศยามเย็นของอาทิตย์อัสดง พบปะสังสรรค์ทำความรู้จักมิตรสหายร่วมอาชีพ ร่วมอุดมการณ์ ทั้งชาวไทย ชาวจีน และชาวเวียดนาม พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าทิ้งไว้เพียงแสงสีแดงที่สวยงามให้เราเก็บภาพ เป็นอีกหนึ่งความทรงจำในการเดินทางพิชิต 19 จังหวัดภาคกลาง กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 04, 2015, 11:16:36 AM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
จบการเดินทางทริป คาราวานเที่ยวภาคกลาง พิชิต 19 จังหวัด ในวันที่ 3 ลงอย่างแฮปปี้ ทุกคนเดินทางเข้าที่พัก Prelude โรงแรมใหม่ในตัวเมืองกาญจนบุรี สะอาด กว้างขวาง เครื่องอำนวยความสะดวกครบ พร้อมฟรี wi-fi แรงตลอด

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม 2558  (กาญจนบุรี – สุพรรณบุรี – อ่างทอง - ชัยนาท)
 เชิญชวนแต่งกายวิถีไทยใน Theme : เที่ยวเมืองเก่าเล่าประวัติศาสตร์
08.00 น.​ออกเดินทาง
ช่วงเช้า​​ : ชมนิทรรศการ อนุสรณ์แห่งการตื่นรู้‬ แหล่งการเรียนรู้พุทธประวัติ หลักคำสอน และการเดินทาง​​ของพระพุทธศาสนา แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ณ วัดทิพย์สุคนธาราม อำเภอห้วยกระเจา จังหวัด​​กาญจนบุรี
12.00 น.​ รับประทานอาหารกลางวัน ณ นพรัตน์ภัตตาคาร จังหวัดสุพรรณบุรี ตรงข้ามวัดป่าเลยก์ไล ​​​​(ททท.ภูมิภาคภาคกลาง เป็นเจ้าภาพ)
ช่วงบ่าย : ​​นมัสการพระยูไล แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ล่าสุดของจังหวัดสุพรรณบุรี ณ อุทยานมังกรสวรรค์ ​​พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี
 ​​ - ชม UNSEEN พระอุโบสถที่ถูกปกคลุมด้วยรากไม้ของต้นโพธ์ 4 ต้น โอมอุ้มโบสถ์ไว้ทั้ง 4 ทิศ ณ ​​วัดสังกระต่าย ต.ศาลาแดง อ.เมือง จ.อ่างทอง
​​  - ชม งานศิลปะจากเศษเหล็ก ณ บ้านหุ่นเหล็ก จังหวัดอ่างทอง
ช่วงเย็น : ​​เข้าที่พักจังหวัดชัยนาทในบรรยากาศบ้านๆ มนต์รักลูกทุ่ง
​​  ตัดสิน&มอบรางวัลผู้ที่แต่งกายเข้าบรรยากาสวิถีไทย ใน Theme เที่ยวเมืองเก่าเล่าประวัติศาสตร์
​​  รับประทานอาหารค่ำ (ททท.สำนักงานสุพรรณบุรี เป็นเจ้าภาพ)
​​พักผ่อนตามอัธยาศัย

เช้าวันที่ 4 ของการเดินทาง ออกจากที่พักในเมืองกาญจนบุรี เดินทางตามโปรแกรม มาสักการะพระพุทธเมตตาประชาไทยไตรโลกนาถคันธารราฐอนุสรณ์ วัดทิพย์สุคนธาราม อำเภอห้วยกระเจา จังหวัด​​กาญจนบุรี พระพุทธรูปอิริยาบถยืนสูงทัดเทียมกับภูเขาที่อยู่ด้านหลัง เด่นตระหง่านท่ามกลางพื้นที่อันกว้างขวางและสวยงามด้วยอาคารสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์ ชมพิพิธภัณฑ์การก่อสร้างองค์พระที่ผ่านกระบวนการออกแบบด้านวิศวกรรม รับแรงลมและแผ่นดินไหวอย่างน่าทึ่ง

จากนั้นเดินทางมุ่งหน้าสู่จังหวัดสุพรรณบุรี รับประทานอาหารกลางวัน ที่ร้านนพรัตน์ภัตตาคาร ตรงข้ามวัดป่าเลยก์ไล
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 04, 2015, 03:47:16 PM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
อิ่มหนำสำราญเบิกบานใจกันดีแล้ว ออกเดินทางสู่อุทยานมังกรสวรรค์ หมู่บ้านมังกรสวรรค์ ลี่เจียง ที่ยกเอาเมืองจีนมาจำลองไว้ที่สุพรรณบุรี บนหอชมวิวยังมองเห็นทั่วหมู่บ้าน และมังกรสวรรค์ขนาดใหญ่สัญลักษณ์อันโดดเด่นของจังหวัดสุพรรณบุรี ถึงวันนี้จะเป็นวันจันทร์แต่ก็มีคนมาเที่ยวกันอย่างคึกคัก

จากสุพรรณบุรี เดินหน้าต่อไป เป้าหมายถัดไปของเราอยู่ที่ จ.อ่างทอง วัดสังกระต่าย ตั้งอยู่ที่  ต.ศาลาแดง อ.เมือง จ.อ่างทอง สถานที่ท่องเที่ยว Unseen แห่งใหม่ในอ่างทอง ตัวโบสถ์เก่าแก่มีต้นโพธิ์ ขนาดใหญ่ขึ้นปกคลุมรอบโบสถ์ 4 ต้น รวมถึงปกคลุมภายในโบสถ์ด้วย  โดยภายในโบสถ์มีทั้งหมด 3 ห้อง ภายในห้องแรกมีพระบูชา คือ หลวงพ่อแก่น เมื่อเข้ามาในห้องใหญ่มีพระประธานองค์ใหญ่ 1 องค์ คือ หลวงพ่อวันดี และอีก 2 องค์มีขนาดย่อม ลงมา คือ หลวงพ่อศรี และหลวงพ่อสุข ส่วนห้องสุดท้ายเป็นห้อง ว่างเปล่า ตัวโบสถ์ไม่มีหลังคาแต่ร่มรื่น เนื่องจากอาศัยร่มเงาของต้นโพธิ์ที่ปกคลุมจนเปรียบ เสมือนหลังคาไปแล้ว ส่วนผนังโบสถ์ก็อยู่ในสภาพที่เก่าแก่ ทรุดโทรม แตกหัก แต่คงสภาพอยู่ได้โดยไม่พังทลายลงมา เพราะได้รากต้นโพธิ์ ทั้ง 4 ต้น ที่ขึ้นอยู่ 4 มุม รากได้ชอนไชยึดผนังโบสถ์ไว้ทั้งหลังอย่างแน่นหนา


ประวัติวัดสังกระต่าย
จากการบอกเล่าต่อกันมา วัดสังกระต่าย เดิมชื่อว่า "วัดสามกระต่าย" แต่ได้มีการเรียกชื่อผิดเพี้ยนกันมาเรื่อยๆจนกลายเป็นวัดสังกระต่าย มี "ทวดติ จันทนเสวี" ซึ่งเป็นพระมารดาของพระยาหัสกาลเป็นผู้สร้างตั้งแต่สมัยก่อนกรุงศรีอยุธยาประมาณ 400-500 ปีมาแล้ว สมัยนั้นมี พระภิกษุสงฆ์มาจำพรรษาอยู่นาน โดยมีสภาพเป็นวัดบริเวณด้านซ้ายเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งต่อมาได้ถมดินกลบไปแล้ว ส่วนบริเวณ ข้างโบสถ์มีกุฏิสร้างเรียงรายอยู่หลายหลัง ต่อมาพระภิกษุสงฆ์เกิดทะเลาะวิวาทกันขึ้นและทะเลาะกันเรื่อยมา ชาวบ้านเชื่อกันว่าสาเหตุน่า จะมาจากเรื่องของเจ้าที่ที่สิงสถิตในบริเวณวัดแรงมาก จึงทำให้พระสงฆ์ไม่สามัคคีกัน ต้องแยกย้ายกันไปคนละที่คนละทาง จนในที่สุด ชาวบ้านก็เริ่มเสื่อมศรัทธาไม่เข้ามาทำบุญ พระสงฆ์ไม่มีจำวัดกลายเป็นวัดร้าง หลังเป็นวัดร้างนานนับ 100 ปี ในละแวกหมู่บ้านได้มี การสร้างวัดขึ้นมาใหม่ชื่อว่า วัดไผ่ล้อม ชาวบ้านจึงหันไปเลื่อมใสศรัทธาและไปทำบุญที่วัดไผ่ล้อมแทน ต่อมาชาวบ้านได้มาย้ายกุฏิที่ วัดสังกระต่ายไปสร้างเป็นกุฏิใหม่ที่วัดไผ่ล้อม เพื่อให้พระภิกษุสงฆ์ได้ใช้จำวัด ทำให้วัดสังกระต่ายเหลือเพียงโบสถ์ร้างที่ถูกปกคลุม ไปด้วยต้นโพธิ์อย่างที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน เมื่อก่อนวัดสังกระต่าย มีเพียงพระพุทธรูป 3 องค์ที่อยู่ข้างในคือ หลวงพ่อวันดี หลวงพ่อศรี และหลวงพ่อสุขเท่านั้น แต่มีสภาพที่โดนตัดเศียรกองไว้กับพื้น จนต้องมีการบูรณะซ่อมแซมต่อเศียรพระไว้กับองค์พระ ส่วนหลวงพ่อแก่น ได้นำเศียรพระที่ถูกตัดมาจาก อ.วิเศษชัยชาญมาบูรณะสร้างองค์ใหม่และประดิษฐานไว้ แต่ยังมีชาวบ้านบางส่วนยังมีความเลื่อมใส ศรัทธาในตัววัดถึงแม้จะเป็นวัดร้างก็ตาม บ้านไหนมีงานบุญงานมงคลจะมากราบไหว้ที่วัดแห่งนี้ ยิ่งเป็นงานบวชก็จะแห่นาคมาเวียนรอบ โบสถ์ร้างโบราณ แห่งนี้ 3 รอบบ้าง 9 รอบบ้าง ก่อนที่จะแห่นาคไปยังวัดที่จะอุปสมบทอีกที จึงได้รับการดูแลจาก สำนักงานเทศบาล ตำบลศาลาแดงและชาวบ้านเป็นอย่างดี ส่วนพื้นที่ของวัดส่วนใหญ่ชาวบ้านได้เช่าไปเพื่อประโยชน์

หลังมีเสียงร่ำลือถึง ความสวยงามของโบสถ์แห่งนี้ ก็เริ่มมีผู้คนสนใจมาชมโบสถ์มากขึ้น กรมศิลปากรได้สั่งให้เจ้าหน้าที่เก็บข้อมูล เตรียมขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งใหม่อีกด้วยโดยมุ่งเน้นให้คงสภาพเป็นโบราณสถานที่มีศิลปกรรมที่สวยงามตามธรรมชาติเอาไว้

 วัดสังกระต่าย ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองอ่างทองประมาณ 2 กิโลเมตร อยู่ไม่ไกลจากวัดขุนอินทประมูล โดยเดินทางมาจากถนนสายเอเชีย แยกเข้า จ.อ่างทอง ด้านขวามือจะผ่าน โรงเรียนอ่างทองปัทมโรจน์วิทยาคม ตรงไปข้ามสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา (สะพานอ่างทอง) จะเจอสี่แยกไฟแดง ให้ตรงมาผ่านตลาด จากนั้นตรงไปเรื่อยๆ เจอสี่แยกไฟแดงแยกเรือนจำให้เลี้ยวขว ผ่านเรือนจำอ่างทอง ตรงไปด้าน ซ้ายมือเห็นปั๊มน้ำมัน ปทต.ให้ ยูเทิร์นกลับ จะพบป้ายวัดสังกระต่ายอยู่ซ้ายมือ ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยเทศบาลตำบลศาลาแดง ประมาณ 500 เมตรก็ถึงวัดสังกระต่าย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 04, 2015, 04:14:36 PM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
ออกจากวัดสังกระต่าย สถานีต่อไป อเมซิ่งไทยแลนด์ มากๆ เป็นผลงานฝีมือที่ส่งออกไปหลายประเทศทั่วโลก ได้รับการยอมรับว่าฝีมือคนไทยสุดยอดโด่งดังไปไกลถึงต่างแดน ไม่ใช่อื่นไกล คนที่ปลุกทรานส์ฟอร์เมอร์ หุ่นยนต์แปลงร่างในหนังฮอลลีวู้ด ให้ออกมายืนจังก้าต่อหน้าเราได้ แถมยังทำให้มันขยับแขนขาได้แล้วด้วย บ้านหุ่นเหล็ก อ.เมือง จ.อ่างทอง

  บ้านหุ่นเหล็ก เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของนายไพโรจน์ ถนอมวงษ์ ที่นำอะไหล่เก่าเหลือใช้จากเครื่องยนต์ต่าง ๆ มาสร้างเป็นหุ่นต่าง ๆ นำมาเชื่อมประกอบกันในรูปแบบต่างๆรวมทั้งหุ่นยนต์ที่โด่งดังจากภาพยนตร์หลายๆเรื่อง พวกทรานส์ฟอร์มเมอร์ส สตาร์วอร์ เอเลี่ยน ฯลฯ มีตั้งแต่ขนาดใหญ่ 2-4 เมตร ไล่มาถึงหุ่นขนาดเล็ก


เริ่มต้นบ้านหุ่นเหล็ก เมื่อประมาณ ปี 2543 เกิดจากความชอบส่วนตัวของ คุณไพโรจน์ ถนอมวงษ์ ที่เริ่มต้นทำหุ่นเหล็กด้วยเศษเหล็กเหลือใช้จากเครื่องยนต์เก่า ตอนแรกก็ทำเล่นๆ เป็นงานอดิเรก ทำตั้งโชว์ที่บ้าน จนมีคนสนใจและขอซื้อจึงเริ่มทำเป็นชิ้นงานหุ่นเหล็กขนาดเล็กฝากเพื่อนขายในพัทยา จนได้รับความสนใจมากขึ้น จนกระทั้งปี 2547 จึงเริ่มทำหุ่นเหล็กแบบเต็มตัวและทำส่งออกต่างประเทศ และทำหุ่นยนต์ตามสั่งของลูกค้าในรูปแบบที่ลูกค้าต้องการ ในปี 2554 จึงย้ายโรงงานมาตั้งที่จังหวัดอ่างทอง ติดถนนสายเอเชีย ภายในบ้านหุ่นเหล็กมีทั้งส่วนที่จัดแสดง หุ่นเหล็กหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบที่เป็นหุ่นยนต์ การ์ตูน และสัตว์ต่างๆ  หากใครชอบเป็นพิเศษอยากซื้อกลับบ้านก็มีเป็นหุ่นตัวเล็กๆ ขายในร้านจำหน่ายของที่ระลึกจากบ้านหุ่นเหล็กด้วย และยังมีส่วนของการผลิตหุ่นเหล็ก ให้ผู้เข้ามาเยี่ยมชม และชื่นชมผลงานที่เป็นฝีมือของคนไทยล้วนๆ

ที่ตั้ง : ถนนสายเอเซีย(ทางหลวงหมายเลข 32) ฝั่งขาเข้า
หลักกิโลเมตรที่ 55.5
41/2 หมู่ 6 ต.ตลาดกรวด อ.เมือง จ.อ่างทอง
โทร: 081-3393345

    จากนั้นขบวนคาราวานเที่ยวภาคกลางเดินทางสู่จังหวัดที่อยู่เหนือสุดของภาค คือจังหวัดชัยนาท เราจะค้างที่นี่ 1 คืน โรงแรมที่เหมาะจะรองรับคณะ คงไม่พ้น สุวรรณาริเวอร์ไซด์ที่พักบรรยากาศดี ที่ออกแบบห้องพักให้กลมกลืนกับธรรมชาติเหมือนนอนในถ้ำ และติดแม่น้ำ มีจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยมาก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 04, 2015, 05:16:26 PM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
กำหนดการเดินทาง คาราวานขับรถเที่ยวพิชิต 19 จังหวัดภาคกลาง ในวันอังคารที่ 5 พฤษภาคม 2558 (เจาะลึก/พิชิต พื้นที่จังหวัดชัยนาท – สิงห์บุรี – ลพบุรี - สระบุรี)
 เชิญชวนคณะเดินทางแต่งกายวิถีไทยใน Theme : ผจญภัยหัวใจสีเขียว

กำหนดการสำหรับการเดินทาง
08.00 น.​เริ่มออกเดินทาง

ช่วงเช้า​​ : ชมสินค้า OTOP เครื่องเบญจรงค์ชัยนาท สืบสานงานศิลป์แผ่นดินไทย ณ ชัยนาทเซรามิค ​​​อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาท
​​- ชมโบราณสถานสมัยก่อนกรุงศรีอยุธยา ณ วัดมหาธาตุ ตำบลแพรกศรีราชา อำเภอสรรคบุรี ​​จังหวัดชัยนาท วัดเก่าแก่ โบราณคู่เมืองแพรก สมัยกรุงศรีอยุธยา​​
- Unseen สักการะขอพรเทพพระอินทร์ ณ อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี / แวะ Fly Now Factory Outlet จังหวัดสิงห์บุรี บรรยากาศสบายๆ ​​จุดแวะพักริมทาง และช้อปปิ้งสำหรับนักท่องเที่ยวริมถนนสายเอเชีย ​​​​​

เที่ยง​ : รับประทานอาหารกลางวันร้านกังหันลม  (ททท.ภูมิภาคภาคกลาง เป็นเจ้าภาพ)

ช่วงบ่าย : ​​UNSEEN สักการะขอพรเทพพระพรหม ณ อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี
​​- บันทึกภาพความประทับใจ เมืองลิง กับลิงสามก๊ก ฉบับลพบุรี ณ พระปรางค์ 3 ยอด, ศาลพระ-​​กาฬ และตามบ้านเรือน จังหวัดลพบุรี

ช่วงเย็น​​ : เข้าที่พัก โรงแรมมวกเหล็กพาราไดส์รีสอร์ท อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี
​​  ตัดสิน&มอบรางวัลผู้ที่แต่งกายเข้าบรรยากาศวิถีไทย ใน Theme ผจญภัยหัวใจสีเขียว
​​  รับประทานอาหารค่ำ ณ ที่พัก (ททท.สำนักงานลพบุรี เป็นเจ้าภาพ)
​​พักผ่อนตามอัธยาศัย

จังหวัดชัยนาท มีแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นและการผลิตสินค้าชุมชน OTOP ที่สำคัญได้แก่ สวนนกชัยนาทเป็นศูนย์จำหน่ายสินค้าหัตถกรรมของจังหวัดชัยนาทและชมหุ่นฟางนกยักษ์ที่ใช้วัสดุจากฟางข้าวมาสร้างนกขนาดใหญ่ให้นักท่องเที่ยวได้ชม การทำหุ่นฟางนกนานาชนิดที่สวยงามที่วัดโคกเข็ม การผลิตสินค้าหัตถกรรมภาชนะฝีมือประณีตที่ชัยนาทเซรามิค ผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่มีคุณภาพของกลุ่มแม่บ้านท่าทราย การจักสานผักตบชวาบ้านอ้อย กลุ่มทำผ้าบาติก และภูมิปัญญาท้องถิ่นการทำน้ำตาลตำบลห้วยกรด การทอผ้าพื้นเมืองบ้านเนินขาม การทอผ้าพื้นเมืองลาวครั่งบ้านกุดจอก และชมศูนย์เรียนรู้สวนส้มโอพันธุ์ขาวแตงกวาที่มีรสชาดอร่อยขึ้นชื่อของจังหวัดชัยนาท


ชัยนาทเซรามิค เมื่อ 14 ปีที่ผ่านมา แต่เดิมเป็นกลุ่มคนเล็กๆประมาณ 3-5 คน ที่ได้นำเทคโนโลยีการเขียนเบญจรงค์มาจากทางกระทุ่มแบนสมุทรสาคร โดยเป็นการนำภาชนะขาวมาเขียนทองและลงสีเท่านั้น ต่อมาเริ่มพัฒนาด้วยการผลิตภาชนะขาวเองพร้อมทั้งเริ่มผลิตเครื่องลายคราม โดยวิธีการผลิตบางอย่างคิดขึ้นเองจากภูมิปัญญาท้องถิ่น

ปัจจุบันชัยนาทเซรามิคได้เปลี่ยนผู้บริหารกลุ่มโดย ผู้นำกลุ่มคนใหม่คือ คุณนฤมิตร เชี่ยวชาญ ซึ่งได้ทำการปรับปรุงทุกอย่างเพื่อให้ชัยนาทเซรามิค เติบโตทันต่อความต้องการของตลาด ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงได้จัดให้เป็นศูนย์เรียนรู้เซรามิคพื้นฐานสำหรับคนชัยนาทด้วย สินค้าที่มีผลิตในปัจจุบันหลายหลากด้วยทีมพัฒนาภายในที่ทุ่มเททุกอย่างและทีมงานจากภายนอกเพื่อนพ้องมิตรสหาย สถาบันของทางรัฐบาลที่เห็นความสามารถในการเรียนรู้และตอบสนองนโยบายของทางภาครัฐอย่างเต็มที่

สินค้าในสายการผลิตขณะนี้เช่น เครื่องเบญจรงค์กำลังได้รับการพัฒนาแยกย่อยผลิตภัณฑ์ให้เกิดความหลายหลาย เกิดผลิตภัณฑ์ทองนูน ทองด้าน สีนูน ฯลฯ ตามมา เครื่องใช้รูปทรงใหม่ที่ทยอยกันออกจำหน่ายในปี พ.ศ. 2548 เริ่มพัฒนารูปแบบสินค้าเองพร้อมจดลิขสิทธิ์ ในปัจจุบันได้เพิ่มการขึ้นรูปด้วยมือเพื่อความเป็นหนึ่งเดียวในแต่ละชิ้นงาน การใช้พู่กันลมสำหรับการรองรับตลาดต่างประเทศที่นิยมสินค้า Handicraft อย่างแท้จริง และการเพ็นท์สีเบญจรงค์แบบใหม่สำหรับการจัดจำหน่ายในกลุ่มผู้บริโภคที่ชอบความสดใส ความน่ารัก โรแมนติค การจำหน่ายเครื่องเบญจรงค์ที่มีผู้ผลิต Body อย่าง RoyalBone China ซึ่งได้รับการยอมรับเรื่องคุณภาพจากทั่วโลก ทำให้ผู้ซื้อมั่นใจในคุณภาพสินค้าเกรดเอลิขสิทธิ์ถูกต้อง ทั้งหมดที่เราทำเพื่อคนชัยนาท และเพื่อคนไทยทุกคนโดยแท้จริงสืบไป

ผลิตภัณฑ์ที่เป็นจุดเด่นของชัยนาทเซรามิค คือลวดลายและรูปแบบเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเป็นดินเหนียวที่มีในพื้นที่ตำบล การปั้นดินเหนียวไม่มีสิ่งเจือปนใดๆ ทั้งสิ้น

ต่อมาได้มีการขยายกลุ่มโดยการฝึกสอนคนในชุมชนให้เป็นช่างฝีมือ โดยช่างเป็นช่างมืออาชีพ และได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป จนได้รับการรับรองมาตรฐาน มผช. 5 ดาวระดับภาค และชัยนาทแบรนด์ ปัจจุบันบริหารงาน โดยคุณนฤมิตร เชี่ยวชาญ
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โดยคุณอัศวนนท์ วงษ์พิชัย

วัดมหาธาตุ ตั้งอยู่หมู่ ๘ ตำบลแพรกศรีราชา อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท เดิมชื่อว่าวัดพระธาตุ หรือวัดหัวเมือง เป็นวัดเก่าแก่โบราณคู่เมืองแพรกหรือเมืองสรรค์ ที่ก่อสร้างขึ้นมาก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยา มีโบราณสถานที่น่าสนใจและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ดังนี้

 วิหารวัดมหาธาตุ สภาพทั่วไปชำรุดไม่มีหลังคาคงปรากฏด้านหน้าเป็นรูปแปดเหลี่ยมแบบเสาวิหารในสมัยอยุธยา มีบัวหัวเสาเป็นบัวกมล มีทางขึ้นด้านหน้าทางเดียว ด้านหลังพระวิหารมีทางเดินเชื่อมกับระเบียงคดออกไปสู่ล่นพระธาตุได้ มีพระพุทธรูปปูนปั้นเป็นพระประธาน ๑ องค์ เป็นลักษณะช่างสกุลเมืองสรรค์ ชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อใหญ่ อายุ ๗๐๐ ปี
      พระปรางค์กลีบมะเฟือง (พูมะเฟือง) สร้างด้วยอิฐถือปูน ๓ องค์ องค์พระปรางค์มีลักษณะคล้ายกลีบมะเฟือง ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยม (ฐานเขียง) เป็นศิลปะสมัยลพบุรี กรมศิลปากรได้บูรณะปฏิสังขรณ์เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๖เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๔

   พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จประพาสและทรงมีลายพระหัตถ์บันทึกไว้ โบราณสถานที่น่าสนใจและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ได้แก่ นอกจากนั้นยังมีพระพุทธรูปศิลปะแบบลพบุรีและแบบอยุธยาตอนต้น ภายในวัดยังมีพิพิธภัณฑ์ซึ่งเก็บรักษาสิ่งของโบราณต่าง ๆ

   การเดินทาง อยู่ห่างจากตัวเมืองชัยนาทประมาณ ๒๐ กิโลเมตร จากอำเภอเมืองชัยนาท ใช้ทางหลวงหมายเลข ๓๔๐ ถึงทางแยกเข้าอำเภอสรรคบุรี จากที่ว่าการอำเภอสรรคบุรี บริเวณหอนาฬิกา เลี้ยวซ้ายไปประมาณ ๕๐๐ เมตร
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 05, 2015, 11:08:00 AM โดย admin »

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
พระพรหม อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี
ความเชื่อและศรัทธาของชาวสิงห์บุรีต่อทวยเทพองค์เทวาปรากฏเป็นรูปสักการะองค์ยิ่งใหญ่ที่สุดแผ่นดิน
ไหว้พระอินทร์ที่เมืองอินทร์ ไหว้พระพรหมที่เมืองพรหมเป็นที่เลื่องลือไกลว่า หากได้มีโอกาสไปเยือนจังหวัดสิงห์บุรีมิควรพลาดไปทำการเคารพสักการะรูปเคารพเทพองค์สำคัญในศาสนาพรหมณ์สององค์คือพระอินทร์และพระพรหม ด้วยความเชื่อที่เล่าขานกันมาจกรุ่นสู่รุ่นว่าเมืองอินทร์บุรีและพรหมบุรีเป็นเมืองทวยเทพศรัทธาแรงกล้าจึงเป็นที่มาของการสรรค์สร้างรูปหล่อพระพรหมองค์ใหญ่ที่สุดในโลกสีทองเหลืออร่ามประดิษฐานอยู่ภายในเทวาลัยสีขาวมุกงามสง่าที่ริมถนนสายเอเชียในเขตอำเภอพรหมบุรี เช่นเดียวกับรูปสักการะพระอินทร์องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยกายสีเขียวเข้าสะดุดตาในเครื่องทรงสีทองเรืองรองที่ตั้งรอการเคารพสักการะและการเดินทางมาขอพรเป็นสิริมงคลของผู้ที่เคารพนับถืออยู่ที่พื้นที่หมู่ 1 ตำบลน้ำตาล อำเภออินทร์บุรี

 

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,661
  • คะแนน: +1/-0
ขอพรองค์อินทร์เสร็จสรรพเรียบร้อยเดินช้อปของถูกใจกันพักใหญ่ จากนั้นขบวนคาราวานก็เข้ารับประทานอาหารในร้านที่อยากแนะนำให้มาชิม ร้านกังหันลม ติดถนนสายเอเซีย อาหารอร่อย ปลาสด ของหวานอย่างทับทิมกรอบไม่ควรพลาด อยู่ระหว่างพรหมบุรีและอินทร์บุรี

ต่อจากนั้นเดินทางไปสักการะ องค์พระพรหม อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ร่วมขบวนคาราวาน ทุกคนปีติยินดีที่มีโอกาส ไหว้พระพรหมและพระอินทร์ในวันเดียว โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสิงห์บุรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี อีก 2 ท่าน ประชาสัมพันธ์จังหวัดสิงห์บุรี ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสิงห์บุรี ให้เกียรติมาต้อนรับคณะคาราวานขับรถเที่ยวพิชิต 19 จังหวัดภาคกลาง ในวันนี้

แล้วยังได้ถ่ายรูปกับนักแสดงบางระจัน นายจัน หนวดเขี้ยว อีกด้วย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 05, 2015, 02:08:17 PM โดย admin »