แรลลี่ “จส.100 วิทยา คอซอง ขาสั้น ลั้นลา” กับคอนเสิร์ตที่ทุกคนรอคอย

[jai]

จุดที่สองเดินทางไป วัดขุนอินทประมูล จ.อ่างทอง เพื่อนมัสการพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่และยาวที่สุดในประเทศไทย มีชื่อว่า พระศรีเมืองทอง มีความยาววัดจากปลายพระเมาลีถึงปลายพระบาทได้ 50 เมตร (25 วา) เดิมประดิษฐานอยู่ในวิหารแต่ถูกไฟไหม้ปรักหักพังไป เมื่อคราวเสียกรุงศรีอยุธยา ครั้งที่ 1 เหลือแต่องค์พระตากแดดตากฝนอยู่กลางแจ้งมานานนับเป็นร้อยๆ ปี องค์พระพุทธรูปมีลักษณะและขนาดใกล้เคียงกับพระนอนจักรสีห์ จังหวัดสิงห์บุรี สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยเดียวกัน องค์พระนอนมีพุทธลักษณะที่งดงาม พระพักตร์ยิ้มละไม สงบเยือกเย็นน่าเลื่อมใสศรัทธายิ่งนัก

อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่ วัดขุนอินทประมูล

[jai]

เที่ยงแล้ว รับประทานอาหารกันที่ ร้านลาบเป็ดชัยนาท แซ่บเวอร์มากค่ะ

โปรดติดตามชมการเดินทาง กับ แรลลี่ “จส.100 วิทยา คอซอง ขาสั้น ลั้นลา” กันต่อพรุ่งนี้นะคะ พอดีต้องออกไปปฏิบัติภารกิจจ้า

[jai]

หลังจากรับประทานอาหารเที่ยงกันแล้ว เราไปแรลลี่กันต่อที่ วัดธรรมามูลวรวิหาร

วัดธรรมามูลวรวิหาร เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองชัยนาท มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา สันนิษฐานว่าพระมหาธรรมราชากษัตริย์แห่งราชวงศ์สุโขทัยทรงสร้างวัดนี้ขึ้นในปี พ.ศ.๒๑๒๐ ตั้งอยู่บนไหล่เขาธรรมามูล ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ตำบลธรรมามูล ห่างจากอำเภอเมืองไปทางทิศเหนือประมาณ 8 กิโลเมตร ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 1 กิโลเมตรที่ 288-289

[jai]

สิ่งที่สำคัญของวัดนี้ คือ พระพุทธรูปทองสำริด ประทับยืนปางห้ามญาติอันมีนามว่า หลวงพ่อธรรมจักร ประดิษฐานอยู่ภายในวิหาร เป็นพระพุทธรูปปางห้ามญาติประทับบนฐานรูปดอกบัว เป็นศิลปะประยุกต์สมัยเชียงแสนตอนปลายถึงสุโขทัยตอนต้น ผสมกับสมัยอยุธยา มีพระหัตถ์ขวายกขึ้นเสมอพระอุระ หันพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ สูงประมาณ ๔.๕๐ เมตร กลางฝ่าพระหัตถ์มีรอย “ธรรมจักร ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๒ นิ้ว” ซึ่งเข้าใจว่าเป็นความคิดของช่างสมัยนั้นที่ตั้งใจสร้างพระพุทธรูปองค์นี้ให้มีเครื่องหมายแห่งมหาปุริสลักษณะ (เป็นลักษณะมหาบุรุษ 32 ประการ ตามคติอินเดีย เช่น ในฝ่าเท้ามีจักรลักษณะ มีลายตาข่ายในฝ่ามือฝ่าเท้า ข้อเท้าเหมือนสังข์ที่ตั้งขึ้น คางเหมือนคางราชสีห์ เป็นต้น)

คาถาบูชาหลวงพ่อธรรมจักร
พุทธัง เมตตา นะ ชาลีติ
ธรรมมัง เมตตา นะ ชาลีติ
สังฆัง เมตตา นะ ชาลีติ

ส่วนด้านข้างของ หลวงพ่อธรรมจักร เป็นพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ปิดทองเหลืองอร่ามแผ่ออร่าประกายเด่นเป็นจุดแรกที่ต้องหันไปมองเมื่อได้เข้ามาในวิหารค่ะ

ในสมัย ร.ศ.120, 125 และ 127 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้ทรงเสด็จมาสักการะ “หลวงพ่อธรรมจักร” ถึง 3 ครั้ง ดังมีข้อความปรากฏในหนังสือประวัติศาสตร์ประพาสต้นของพระพุทธเจ้าหลวง

[jai]

และสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่ง คือ ใบเสมา เป็นศิลาทรายสีแดงตั้งรายรอบพระอุโบสถ สลักลวดลายแบบสมัยอยุธยา

เราเดินชมบริเวณวัด และวิวสวยๆ ริมน้ำเจ้าพระยากันค่ะ จากข้อมูลเล่าว่า น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณหน้าวัดธรรมามูลถือว่าเป็นน้ำศักดิ์นำไปใช้ในพระราชพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาอีกด้วยค่ะ

การเดินทางไปวัดธรรมามูลวรวิหาร
สามารถเดินทางโดยใช้รถยนต์ตามเส้นทางพหลโยธินสายเก่า ชัยนาท – นครสวรรค์
เลยสี่แยกแขวงการทางชัยนาท ประมาณ ๘ กิโลเมตร กิโลเมตรที่ ๒๘๘ – ๒๘๙ จะมองเห็นเขาธรรมามูลอยู่ทางซ้ายมือ
เลี้ยวซ้ายไปตามถนนอีกประมาณ ๑.๕ กิโลเมตร หรือเดินทางโดยรถประจำทางสาย ๑๐๖๔ ชัยนาท – มโนรมย์, สาย ๑๑๒ นครสวรรค์ – ชัยนาท,
สาย ๙๐๓ กรุงเทพฯ – อุทัยธานี, สาย ๑๐๖๕ ชัยนาท – วัดสิงห์ และสาย ๑๙ กรุงเทพฯ – วัดสิงห์
ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.tatsuphan.net/Cwatthammamool.html

[jai]

จากวัดธรรมามูล เรายิงยาวเข้า จ.อุทัยธานี ผู้แข่งขันแรลลี่ และสื่อมวลชนเข้าเช็คอิน ณ ไอยรา เลค โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท อุทัยธานี

ยังพอมีเวลาเหลือก่อนงานปาร์ตี้ ททท.ภูมิภาคภาคกลางพาคณะสื่อมวลชนไปเดินเล่นชิลๆ ในเมืองอุทัยธานี ณ ตรอกโรงยา (ตลาดเก่าบ้านสะแกกรัง)

ถึงแล้วตรอกโรงยา เราเดินชมไปตั้งเริ่มต้นกันเลยนะคะ ว่ามีอะไรน่าสนใจบ้างค่ะ

[jai]

บ้านนกเขา เป็นบ้านที่สะสมภาพเก่าอุทัยธานีและสถานที่ต่างๆ รวมทั้งของใช้และสิ่งของที่ส่วนใหญ่ทุกคนเคยใช้กันในสมัยก่อน เมื่อ 10 ถึง 70 ปีก่อน แต่กาลเวลาและความเจริญ ทำให้สิ่งของเหล่านี้หมดประโยชน์ ถูกทิ้งและถูกทำลาย ไร้คุณค่า บ้านนกเขาได้ใช้เวลาสะสมสิ่งเหล่านี้มาเป็นเวลานานหลายปี

จนวันหนึ่ง ถนนคนเดินได้ก่อกำเนิดขึ้น คุณนกเขาจึงเห็นว่าสิ่งที่เราสะสมไว้คงจะมีประโยชน์ถ้าเรานำออกมาให้ทุกคนได้ชม ได้สัมผัส และยังให้เยาวชนได้ศึกษาเรียนรู้ ปลุกจิตสำนึกจิตใจแห่งการอนุรักษ์ บ้านนกเขาจึงนำสิ่งของเหล่านี้มาจัดแสดงให้ทุกคนได้ชมฟรี ไม่เสียเงินค่าเข้าชม และยังได้จัดแสงสีบรรยากาศ ภายในและภายนอกบ้านให้น่าดูยิ่งขึ้น สามารถถ่ายรูปได้อย่างงดงาม นอกจากการจัดแสดงของเก่าแล้วคุณนกเขายังให้คำอธิบายและรับคำบอกเล่าจากผู้เข้าชมด้วย เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ทั้งนี้ยังมีผู้บริจาคสิ่งของเพื่อนำมาจัดแสดง ซึ่งบ้านนกเขา คุณนกเขาและคณะก็ขอขอบคุณทุกท่าน มา ณ ที่นี้ด้วย และขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจเข้าเยี่ยมชมบ้านนกเขา

[jai]

เดินชมกันต่อค่ะ มีชาวนานำผลิตผลมาขายเองเลยนะคะ ข้าวพันธุ์ต่างๆ ร้านรวงต่างๆ ของกิน ของใช้ ขนม ของฝากทั้งหลาย ล้วนเป็นผลิตภัณฑ์ของชาวอุทัยธานีทำเอง และมาตั้งร้านขายกันเองทั้งหมด จะไม่มีคนนอกพื้นที่เข้ามาขายเด็ดขาดค่ะ

[jai]

เดินแล้วเมื่อยก็มีบริการนวดเท้า คลายความเมื่อยล้า หรือจะซื้อขนม ของกิน แล้วไม่มีที่นั่งกิน ชาวอุทัยก็ยินดีต้อนรับเชิญให้เข้าไปนั่งกินในร้านได้เลยนะคะ เจ้าของร้านที่นี่ใจดีทุกคนค่ะ
หรือจะนั่งประดิดประดอยพวงกุญแจห้อยโทรศัพท์ วาดภาพระบายสี ก็น่าสนุกค่ะ

[jai]

เดินไปเดินมา เจอผู้แข่งขันแรลลี่ก็มาเดินเที่ยวชิลๆ เหมือนกันค่ะ ก็แหม! บรรยากาศเย็นๆ แบบนี้เดินสบายๆ แดดร่มลมตก ใครๆ ก็อยากจะมาเดินเล่นหาอะไรอร่อยๆ กิน
ซึ่งบางอย่างก็หากินยากแล้ว บ้างก็เดินหาของใช้ถูกใจนะคะ เราเองก็อดไม่ได้ที่จะอุดหนุน เดินไปเห็นแม่ค้ายิ้มแย้มแจ่มใสเราก็อยากจะช่วยซื้อไปซะทุกร้านอ่ะนะ แต่ทว่าก็กลัวจะกินไม่หมด 555
เบี้ยก็น้อย ก็เลยอุดหนุนมาพอประมาณจ้า คนละถุงสองถุงจ้า ส่วนเรื่องขนมที่ได้ชื่อว่ามาอุทัยธานีแล้วไม่ได้กินไม่ได้เลย ต้องบอกเลยว่าคือ ขนมปังสังขยา สุดยอดมากๆ เคยกินนานมากแล้ว ได้มาอุทัยครั้งนี้ยังไม่ลืมรสชาดความนุ่ม หอม มันอร่อย ใส้เยิ้มย้อยเป็นต้นตำรับลาวาได้เลยจ้า ต้องซื้อให้ได้ คราวนี้จ้า

 อ่านต่อหน้า 3