ภาพสีเหลืองที่เห็นภาพที่สอง เรียกว่าการถ่ายทางช้างเผือก เคล็ดลับและอุปกรณ์ รวมทั้งเทคนิคดูเหมือนว่าจะเข้าใจง่ายกว่าดาวหมุน เลยเอาเรื่องทางช้างเผือกก่อนละกัน บนต้นไม้ มีกลุ่มดาวจับเรียงกันอยู่หนาแน่น เป็นดาวที่อยู่ในกาแลคซี่เดียวกับเราคือทางช้างเผือก โลกอยู่ในกาแลคซี เวลาถ่ายจึงติดแค่ครึ่งเดียวอีกครึ่งอยู่ด้านหลังเราประมาณนั้น
การถ่ายภาพนี้ต้องมีเลนส์ไวแสงพอประมาณ ยิ่งไวยิ่งดี ความไวแสงของเลนส์ดูตรงไหน สำหรับมือใหม่ ก็ดูที่ F ของเลนส์ เค้าจะระบุมาที่เลนส์ทุกตัว ค่านี้ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เลนส์ถูกหรือแพงด้วย F เลขน้อย ไวแสงมาก แพงมาก สัมพันธ์กันอยู่
เลนส์ที่เหมาะจะมาถ่ายทางช้างเผือกควรจะไวแสงเอามากๆ ได้แก่ f1.4 f1.8 ส่วนผมไม่มีเลนส์แพงๆ แบบนี้เหมือนกัน ก็เลยใช้ f2.8 ถ่ายออกมาได้เท่านี้ถือว่ายังไม่ดีพอ แต่ผมก็พอใจในสิ่งที่ผมมีอยู่ 5555
การตั้งค่ากล้อง สปีด 30 sec (ของตายอยู่ละ) ค่า f กว้างที่สุดเท่าที่เลนส์เราไปได้ ถ้ามี 2.8 ก็ใส่ไปเลย ถ้ามีต่ำกว่าก็ใส่ไปเลย (แสดงว่าควรใช้โหมด M เพราะต้องตั้ง 2 ค่าเอง) ส่วนอีกค่าที่ต้องตั้งคือ ISO ปกติไม่ได้กำหนดเป็นกฏตายตัวที่ไหน ให้ใส่มากที่สุดเท่าที่จะมากได้แต่เราต้องยอมรับได้ด้วย เช่น ใส่ไป 3200 มี noise เกิดขึ้นมาบ้างก็ต้องยอมรับไปแต่รับไม่ได้ก็ลดลงมา ค่า ISO ยิ่งต่ำ ทางช้างเผือกของเรายิ่งไม่่ชัด อันนี้ก็ต้องแลกเอาว่ายอมรับกันแค่ไหน แต่ส่วนใหญ่แล้ว เราจะใช้ 3200 ครับ
อุปกรณ์ที่สำคัญอย่างขาตั้งและสายลั่นหรือรีโมทก็ต้องมีไว้
ส่วนสำคัญที่สุดคือ ไปถ่ายในที่ที่มืดสนิทไม่มีแสงรบกวนในป่า บนเขา อุทยานอะไรก็ว่าไป แต่รูปนี้ได้มาจากมุมมหาชนของนักล่าดวงดาว ที่เขาใหญ่ครับ การสังเกตุว่าทางช้างเผือกขึ้นทิศไหนเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ สำหรับคนถ่ายใหม่ๆ ให้ไปกับผู้รู้ครับ จดจำเทคนิคการมองทางช้างเผือกหรือจะลองหาจากกูเกิลก็น่าจะมีคนเขียนไว้บ้างนะ ในมือถือมีแอพสำหรับหาช้างเผือกด้วยก็ลองหาจากกูเกิลอีกละกันเพราะผมไม่มี