นานมากแล้วที่ไม่ได้เขียนทริปเที่ยวนครสวรรค์ จำได้ว่าคราวนั้นขับไปเที่ยวในเมือง กับสถานที่เที่ยวหลักๆ ของจังหวัด กลับมาเขียนเรื่องราวนครสวรรค์อีกที จะให้ธรรมดาได้ไงละครับ คราวนี้คงต้องพาไปหาที่เที่ยวแบบตื่นเต้นๆ กันหน่อย หรือจะไปเพื่อพักผ่อนก็ได้บรรยากาศธรรมชาติสุดๆ สถานที่แห่งนั้นอยู่ที่ตำบลแม่เล่ย์ อำเภอลาดยาว จังหวัดนครสวรรค์ เป็นพื้นที่ที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ แต่คงไม่ถึงกับไปเดิน หลายสิบกิโลเมตร อย่างยอดเขาโมโกจู เอาแค่เบาะๆ ที่แก่งแม่เรวา ก็พอแล้ว เดี๋ยวจะไม่เป็นการขับรถเที่ยวแต่จะเป็นการเดินป่าไปซะก่อน
เรื่องราวของการเดินทางไปยังแก่งแม่เรวา เริ่มต้นที่เที่ยงคืนวันศุกร์ ขับรถตระเวนรับสมาชิกร่วมทางตามบ้าน ฝนปรอยบางๆ พอให้บรรยากาศการเดินทางชุ่มฉ่ำ อากาศเย็นจนต้องหรี่แอร์รถลงเรื่อยๆ จนในที่สุดก็เหลือเบอร์ 1 เบาสุด ถนนสายเอเชียเป็นถนนสายหลักที่ถูกเลือกใช้ทุกครั้งเมื่อมีแผนการเดินทางขึ้นเหนือ ระยะทาง 200 กิโลเมตรเศษๆ ใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึงตัวเมืองนครสวรรค์ แม้ว่าจะพยายามถ่วงเวลาด้วยการหาที่แวะไปเรื่อยเปื่อยแล้วก็ตาม ที่ไม่อยากมาถึงเร็วก็เพราะว่าเส้นทางจากนครสวรรค์ไปยังบ้านแม่เล่ย์ ค่อนข้างจะเปลี่ยว เข้าไปดึกๆ มืดๆ ก็ยังไม่ค่อยจะไว้ใจ จากตัวเมืองขับไปทางกำแพงเพชร แค่ 17 กิโลเมตรเราก็มาอยู่ตรงทางแยกเข้าอำเภอลาดยาวซะแล้ว ตรงนี้มีตลาดเวลาตี 4 คนแถวนี้ก็ออกมาขายของ ขยันกันสุดๆ ไปเลย หมูเห็ดเป็ดไก่ปลาผักนานาชนิดมีให้เลือกสรร แต่เราไม่ได้ซื้ออะไรมากนอกจากผักบางชนิด แล้วก็แวะซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปติดมือไปด้วยจากร้าน 7-11 เผื่อว่าที่นั่นหาของกินยาก มีเหลือดีกว่าไม่มี
จากปากทางแยก ขับไปตามทางหลวงหมายเลข 1072 ระยะทางประมาณ 58 กิโลเมตร ก็ไม่ใกล้ ระหว่างทางเห็นมีปั๊มน้ำมัน กับปั๊มแกส อยู่บ้าง ก็แสดงว่าอุ่นใจได้ ไม่นานก็ถึงอำเภอลาดยาว ขับต่อไปอีกประมาณครึ่งทางถึงจะเป็นเขตตำบลแม่เล่ย์ ถนนลาดยางแต่ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ หลุมเยอะเอาเรื่องเป็นบางช่วง ยิ่งใกล้ถึงก็ยิ่งหลุมมาก แต่ก็เห็นมีรถเอาหินมาเท ดูท่าทางจะเตรียมรับนักท่องเที่ยวในฤดูล่องแก่งอันใกล้จะมาถึง ในที่สุดเราก็มาถึงด่านตรวจ
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ที่ มว. 4 (แม่เรวา) ตี 5 กว่า ๆ ขับเข้าไปที่มออีหืด เพื่อที่จะเดินขึ้นไปชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นให้ทัน
จากที่จอดรถ มีทางเดินขึ้นมออีหืด ระยะทาง 1 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่บอกว่ามันออกจะชันซักหน่อย พอเราได้มาเดินเองก็ซึ้งแล้วว่าทำไมจึงมีชื่อว่ามออีหืด ระยะ 400 เมตรแรกดูเหมือนจะราบเรียบเดินสะดวกสบายเหมือนเดินในสวน ต่อจากนั้นจะเป็นทางเดินขึ้นเนิน เป็นเนินลาดชันยาวต่อเนื่องขึ้นไปตลอดทางจนถึงยอด คำว่า มอ ในภาษาอีสานก็แปลว่าเนิน ทางภาคเหนือก็น่าจะความหมายเดียวกัน ส่วนอีหืด นั้น เห็นทีจะไม่ต้องแปล เพราะคนที่เดินขึ้นมาก็ออกปากว่าหืดจับกันทุกคน
ยอดมออีหืด มีศาลาให้พักผ่อน ด้านหน้าของศาลาหันไปทางตะวันออกเฉียงใต้พอได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นแต่ไม่ตรงทิศเท่าไหร่ ด้านตรงข้ามมีนั่งร้านสร้างเอาไว้ให้ชมวิว แม้ว่าหมอกจะไม่มาก สวยเหมือนทะเลหมอกแต่ก็พอมีให้เห็นทั้งสองด้าน