เช้าวันที่ 2 ของการเดินทาง สมาชิกหลายๆท่านตื่นกันแต่เช้าครับ มาสัมผัสอากาศเย็นฉ่ำ พร้อมกับการจิบกาแฟอุ่นๆ ในแก้วที่มาพร้อมกลิ่นอันหอมกรุ่น ของการกินกาแฟกลางป่า เช้านี่หยิบยกบทสนทนาเมื่อคืนขึ้นมาคุยกันเล็กน้อย ก่อนที่พี่ลูกหาบจะหุงข้าว แล้วจัดเตรียมอาหารเช้า พวกเราก็ช่วยกันลงมืออย่างแข็งๆ (เพราะมันหนาว) ช่วยกันทำกับข้าว อาหารเช้ากันอย่างสนุก อีกกลุ่มก็เริ่มที่จะเก็บเต็นท์ สัมภาระ วันนี้เดินใกล้หน่อยครับ ทางเดินสบายไม่ชันเกินไป เช้าวันนี้มีต้มจืดวุ้นเส้นใส่โปรตีนเกษตร ยำปลากระป๋องรสชาติจี๊ดจ๊าด แซบเวอร์ ไข่เจียว อันนี้ขาดไม่ได้ เมื่ออิ่มท้อง อาหารเรียงตัวเรียบร้อย พร้อมกันแล้วก็เริ่มออกเดินเท้ากันครับจุดหมายวันนี้อยู่ที่แคมป์แม่รีวา แล้วช่วงบ่ายๆ จะเดินไปชมความสวยงามของน้ำตกแม่รีวากัน วันนี้ได้เดินข้ามคลองแม่กระสา ด้วยสะพานไม้ไผ่ที่พาดผ่านกลางสายลำธารคลองกระสาที่เห็นจากรายการ”เนวิเกเตอร์” เมื่อ 2 ปีก่อน วันนี้ได้มีโอกาสมาสัมผัสของจริงแล้ว ข้ามคลองแม่กระสาไปเราก็เดินเลาะริมธารน้ำไปจนลึกผ่านเข้าป่าไผ่ ข้ามธารน้ำ 2 แห่ง ผ่านชุมชนบ้านเก่า ที่เคยมีผู้มาอาศัยอยู่ในป่า ก่อนที่ทางการจะประกาศออกเป็นอุทยานฯแม่วงก์ เมื่อปี 2529 แล้วชุมชนนี้ก็ได้ย้ายออกไปเมื่อปี 2531 แต่ก็ยังคงเหลือล่องรอยที่อยู่อาศัยให้ได้เห็นกันอยู่ ผมเดินผ่านชุมชนบ้านเก่านี้สักเกตุเห็นถึงอะไรบางอย่างที่นั้น ว่าทำไมต้นไม้ที่นั้นแข่งกันโตจัง มีแต่ต้นยางนาที่สูงใหญ่ เอียงคอมองไปจนสุดยอดใบ สูงจริงๆ ทั้งยังมีแนวก้านกิ่งใบต้นไผ่มาผสานพันกันทำให้ทึบอีกชั้น ชอบป่าที่นี้จัง อุดมสมบูรณ์ดี อยากให้เป็นอย่างนี้ต่อไปอีก 100 ๆ ปี พวกเราก็ เดินไปเรื่อยๆ ครับ พร้อมกับ การชี้ให้ดูวิวริมทาง สมุนไพรของพี่อาทิตย์ ว่าอะไรมีสรรพคุณด้านใด แก้ไร ชี้ให้ดูร่องรอยเท้าสัตว์ป่า ทั้งหมูป่า ช้าง กระทิง ยังมีขี้ของสัตว์ป่าด้วยที่พี่เขาชี้ให้ดู นี่แหร่ะครับ ที่เขาว่ากันว่าคนอยู่ป่ารู้จักป่า ต้องอย่างนี้ เราก็เดินไปจนถึงแคมป์แม่รีวา เวลา 11.00 น. จัดแจงหาทำเลที่พักกางเต็นท์ เปลี่ยนเสื้อผ้า กินอาหารกลางวันได้แก่มาม่า+ต้มจืด(ที่เหลือจากมื้อเช้า แล้วก็ลงไปสัมผัสสายน้ำของแม่รีวากัน ก็ได้เจอกับต้นไม้ริมน้ำที่มีผลดกทีเดียว ไร่เรียงไถ่ถามชื่อนามขาน ก็ได้ชื่อมาว่าชื่อต้นซ่าน ซึ่งลูกซ่านสามารถรับประทานได้ รสชาติออกเปรียวๆ แก้ง่วงดีนัก เป็นที่ถูกอกถูกใจสมาชิกหลายๆ คน ขนาดถึงขั้นเอากลับมากินกันที่แคมป์แม่กระสา จวบจนเวลา 12.30 น. ก็ออกเดินทางไปชมน้ำตกแม่รีวากัน ครับ เดินย่ำต๊อกๆ ไปตามผืนป่า ข้ามน้ำ ข้ามเนิน ก็ได้ยินเสียงสายน้ำกระทบพื้นอยู่ใกล้ๆ ไม่ไกลจากตรงที่ยืนฟังเสียง ถึงแล้วน้ำตกแม่รีวา
ชื่อแม่รีวา แปลว่ากองหินขาว ภาษากะเหรื่ยง มาจากต้นน้ำนครสวรรค์ ช่วงสวยสุดเป็นเดือนพย.น้ำจะใสและ นิตยสาร Asia Magazine ได้ให้น้ำตกแม่รีวาว่าเป็นหนึ่งในน้ำตกที่สวยที่สุดในเอเชียเลย
เราก็เก็บภาพน้ำตกแม่รีวากันเป็นที่ระลึกกันสักพัก ก็กระโจนลงเล่นน้ำตกแม่รีวาที่แสนจะเยือกเย็น เหล่าๆสมาชิกก็เล่นกันอย่างสนุกสนาน ราวกับว่าอุณภูมิของน้ำนั้นปกติ แต่ทริปนี้ต้องยอมผู้หญิงตัวเล็ก คนนี้ที่ชื่อ”อิ๋ว” เธอคนนี้ไม่เคยกลัวสายน้ำที่จะเย็นแค่ไหน ขอให้ได้เอากายลงไปสัมผัสน้ำเถอะเธอสู้ตาย ทั้งที่ว่ายน้ำไม่เป็น เจ๋งอ่ะ “อิ๋ว” พอเถอะหนาวแล้ว ขึ้นจากน้ำก็เตรียมตัวเดินกลับแคมป์แม่รีวากัน ใช้เวลาเดินกลับไปไม่น่าเพียง 2 ชม.ก็ถึงแคมป์แม่รีวา อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า หุงหาอาหารมื้อเย็นกัน เมนูมื้อเย็นของการเดินทางวันที่ 2 ได้แก่ ผักดอกกะหล่ำ / ผัดผักพริกแกง /ไข่เจียวแหนม /ตบท้ายด้วยถั่วเขียวต้มน้ำตาล กินในกระบอกไม้ไผ่ (BYพี่อาทิตย์) เจ้าหน้าที่คนเก่งของกลุ่มเรา การกินจากกระบอกไม้ไผ่นั้น ได้ความหอมของกลิ่นไม้ไผ่ บวกกับความอร่อยของถั่วเขียวต้มน้ำตาล มันเป็นอะไรที่ลงตัวจริงๆ ก็นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ คืนนี้มีบทสนทนากันต่อกบัพี่ๆ เจ้าหน้า อาทิตย์ และ พี่ช้าง ซึ่งคืนนี้จะเป็นที่มาของวลีเด็ด หลายคำ โปรดติดตามกันไปเรื่อยๆ โดยเมื่อกินข้าวกันเสร๋จเรียบร้อย ล้างถ้วยจามชาม เก็บเข้าที่กันแล้วก็แยกย้ายกัน ส่วนอิ๋วได้ไปขอนอนเล่นเปล พี่ๆเจ้าหน้า ที่แยกตัว ไว้ข้างๆแคมป์ พร้อมก่อซุ่มไฟ ส่วนผมเดินไปร่วมสนทนากับพี่ เจ้าหน้าที่ทั้งสองท่าน ภายหลัง บทสนทนาจากแค่สี่คน เพียงไม่กี่ นาทีก็ฮาแล้ว แต่เพียงไม่นานสมาชิกมาสมทบอีกเรื่อยๆ ร่วมวงสนทนากันอย่างสนุกสนาน ครั้งนี้พี่อาทิตย์ ของเราก็หนีไม่พ้นเรื่องพ่อตากับลูกเคยอีกเลย แต่เล่ากี่ครั้งก็อาจริงๆ นับถือพี่จริงๆ สนุกสนาเวลาล่วงเลยไปเรื่อยๆ สมาชิกก็เริ่มถอนตัวเข้าพักกายกัน ก็เหลือแค่ 4 คนแรกที่ปักหลักฮากันไม่เลิก สนุกกันก็ตอนนี้แหล่ะครับ คุยไปเรื่อยเปื่อย แต่คราวนี้พี่ช้างปล่อยเรื่องฮากันบ้าง เกี่ยวกับเรื่องที่จะชวนกันไปดูดาวที่ค้างกันไว้ตั้งแต่แคมป์ที่แม่กระสา ไม่เดินไปให้ไกล ไม่ต้องหาที่โล่งก็สามารถเอาดาวมาดูกใกล้ๆกันได้ แถมยังจะพาไปดีกอฟล์ ด้วย โดยใช้แค่ฝาทองกระป๋องเขียว 555 แถมยังมีกระต่ายให้ยิงอีกคืนนั้น กาหลายตัวก็โดดเข้ากองไฟไป ยังไม่ยอมตาย ยังฟื้นคืนชีพออกมาปล่อยมุกได้อีก (กา กา กา) หลายเรื่องราวที่ชวนขำกัน ทั้งยังได้วลีเด็ดๆ “ให้ชนะ” เพราะว่าทุกคนต่างมีเรื่องราวที่เล่ากันหมดไม่ยอมกันเลย จนต้องมีอีกฝ่ายพ่ายแพ้ไป 555 ขนาดแค่เรื่องกินกาแฟ วันละ3 แก้ว อีกคนเกทับ 4-5 แก้ว ยังไม่ยอมกันเลย จนเวลาปาเข้าไป 22.30 น. ขอตัวไปนอนพักผ่อนก่อนครับ พรุ้งนี้ต้องตื่นแต่เช้า เพื่อเดินไปพักที่แคมป์ตีนดอยก่อนจะขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตกช่วงเย็นที่ยอดเขา”โมโกจู”ราตรีสวัสดิ์ ครับ เจอกันตอนตี 4 เพราะอิ๋วจะลุกมาอาบน้ำ ยอมเธอคนนี้จริงๆ หนาวแค่ไหนก็ขอเล่นน้ำ เพราะวางเดิมพันกันเอาไว้กบเพื่อนๆสมาชิกคนละ 20 ว่ากล้าอาบหรือเปล่า 555