หนีกรุงไปปรุงใจที่ "ดอยปุยน้อยปุยหลวง

[Pui]

เส้นทาง ก่อนไปลงแพไม้ไผ่จ้า
สองคันสลับกันขึ้นนำ ใครนำก็ดีไปใครตามก็กินฝุ่นตามระเบียบ 

[Pui]

นั่งกันจนเมื่อยก็มาถึงจุดที่เราจะได้ลงแพกันแล้ว
แต่ก่อนจะลงแพไม้ไผ่ เราก็ต้องเติมเสบียงกันก่อน นั้นก็คือข้าวกล่อง
ซึ่งเราจะต้องสั่งข้าวกล่องกับทางอุทยานตั้งแต่วันแรกที่เริ่มเดิน

[Pui]

 

[Pui]

แพไม้ไผ 1ลำ นั่งได้ไม่เกิน 5 คน  โดยจะมี คนทอแพสองคน หัวและท้ายแพ
ราคาแพ 1 ลำ อยู่ที่ 1200 บาท ติดต่ออุทยานได้เลยจ้า
ใช้เวลาล่องแพประมาณ 3 ชม

[Pui]

คนที่เป็นคนทอแพต้องมีการฝึกจนชำนาญก่อนถึงจะได้มาเป็นคนทอหัวเรือ ส่วนคนที่เริ่มฝึกก็จะมาทอท้ายเรือ
เส้นทางการทอแพ จะมีทั้งน้ำลึกและน้ำตื่นที่สามารถ ลงไปเกาะแพเล่นน้ำได้  ถ้าถึงช่วงที่เป็นแก่ง เจ้าหน้าที่ก็จะบอกให้เราขึ้นจากน้ำมานั่งบนแพ
เนื่องจากทีมเราใช้แพไม้ไผสองลำ บางช่วง ก็จะทอมาให้แพติดกัน บางช่วงก็แยกกันไป ไม่สามารถไปพร้อมกันได้ตลอดเส้นทาง เพราะจะอันตราย ช่วงที่เจอแก่งน้ำแรงๆ

[Pui]

ช่วงที่ล่องแพจะมีภาพน้อยมากเนื่องจากไม่ได้เตรียมอุปกรณ์กันน้ำให้กล้องหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ต่างๆจึงต้องฝากไปกับเจ้าหน้าที่
เพราะคิดว่าล่องกันแบบชิวๆ จริงๆแล้วเจ้าหน้าทีบอกว่า แพไม้ไผ่สามารถคว้ำได้ ถ้าน้ำแรงมากๆและคนทอแพไม่เก่ง เมื่อฟังดังนั้นเราจึงไม่นำติดตัวไปเลย
เพราะงั้น ควรเตรียมอุปกรณืกันน้ำไปอย่างดีเพื่อเราจะได้ภาพที่สวยๆระหว่างเส้นทางล่องแพ

[Pui]

เราใช้เวลาล่องแพประมาณ 3 ชม ล่องมาจนถึงหน้าอุทยานที่เรา จอดรถไว้  หลังจากล่องเสร็จ ก็ขึ้นไปอาบน้ำเก็บข้าวของ เตรียมตัวกลับ กรุงเทพได้แล้ว หลังจากที่เราได้ปรุงใจกันจนเสร็จทริป
โดย เราออกจากตัวอุทยานประมาณ  5 โมงเย็น เรามาถึงกรุงเทพ ตอน 7 โมงเช้าของอีกวัน
ระยะทางค่อนข้างนานทีเดียว เพราะฉะนั้น

จบการริวิว เจอกันทริปหน้านะจ้า ขอบคุณที่ติดตาม ค่ะ 

[admin]

เผลอแผล็บเดียว ไป 5 หน้า แล้วเหรอเนี่ย ว่าแต่ว่า รูปเล็กจุงเบย

[Pui]

หุหุ  เด่วคราวหน้า รูปจะให้ใหญ่ขึ้นค่ะ แบบว่ากะขนาดไม่ถูกสั :-*กที

[Puripatt]

ต้องตามรอย