มารู้จักกับพลับพลึงธารกันก่อน
ความรู้จาก ภาควิชาพฤกษศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ชื่อวิทยาศาสตร์ Crinum thaianum J. Schulze
วงศ์ Amaryllidaceae
ชื่อสามัญ Yellowish leaves lily, Water onion plant
ชื่อไทย พลับพลึงธาร หญ้าช้อง (ระนอง)
เป็นพืชอวบน้ำ ดอกตูมสีขาวมีลักษณะคล้ายหัวหอมชูเหนือน้ำเสมอ อีกทั้งเมื่อบานแล้วยังมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ โชยมา อันเป็นที่มาของชื่อ "หอมน้ำ" ใบมีลักษณะคล้ายพลับพลึงและมีความยาวขึ้นอยู่กับระดับน้ำ โดยธรรมชาติหัวมักโผล่เหนือพื้นดินประมาณ 2 ใน 3 เพื่อป้องกันการเน่า มีความสูงของลำต้นตั้งแต่ 60-200 เซนติเมตร พลับพลึงธาร จะออกดอกบานสะพรั่งในช่วงปลายฤดูฝนถึงต้นฤดูหนาว ประมาณปลายเดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคมเท่านั้นในแต่ละปี โดยในช่วงฤดูฝนที่น้ำหลาก พลับพลึงธารจัดได้เป็นพืชที่อ่อนแอชนิดหนึ่ง ไวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม มักตายหรือเน่าเสียได้ง่ายหากสภาพแวดล้อมที่เคยอยู่เปลี่ยนไป พลับพลึงธารจะขึ้นได้เฉพาะแหล่งน้ำที่ใสสะอาดเท่านั้น สภาพน้ำไม่เชี่ยวจนเกินไป พื้นเป็นดินปนทราย มีแสงแดดส่องถึงพื้นเพื่อทื่รากจะสังเคราะห์แสงได้ และจะขึ้นได้ดีในอุณหภูมิประมาณ 18-28 องศาเซลเซียส ค่าความเป็นกรดเป็นด่างของน้ำระหว่าง 5.5-9
ประโยชน์ พลับพลึงธาร ถือได้ว่าเป็นพืชน้ำที่สวยงามและหายากมากที่สุดชนิดหนึ่ง
แหล่งที่พบ พบได้เฉพาะที่คลองนาคา ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองนาคา ตำลนาคา อำเภอสุขสำราญ ช่วงรอยต่อระหว่างจังหวัดระนองกับจังหวัดพังงา ที่เดียวในโลกเท่านั้น (เดิมเคยพบที่คลองบางปง อำเภอคุระบุรี ด้วย แต่ปัจจุบันสูญพันธุ์ไปหมดแล้ว) เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยว ณ ที่แห่งนี้ ในเชิงอนุรักษ์ ด้วยการล่องแพที่คลองนาคาดูพลับพลึงธาร
สถานการณ์ในปัจจุบัน นายสมศักดิ์ สุนทรนวภัทร ผู้เชี่ยวชาญด้านอนุรักษ์พลับพลึงธาร และผู้จัดการโครงการประเทศไทย องค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (ICUN) กล่าวถึง ต้นพลับพลึงธารที่ขึ้นอยู่ในพื้นที่จังหวัดระนอง และเป็นแห่งเดียวในโลกว่า ล่าสุดมีความน่าเป็นห่วงเนื่องจากมีจำนวนลดลงอย่างรวดเร็ว จากการสำรวจพื้นที่ที่พบต้นพลับพลึงธารใน จ.ระนองตอนล่าง และ จ.พังงาตอนบน พบว่าต้นพลับพลึงธารจำนวน 11 ไร่ เมื่อประมาณ 4 ปีที่ผ่านมา เหลือ เพียง 2 ไร่เท่านั้น จึงมีแนวโน้มสูงมากที่ต้นพลับพลึงธารจะสูญพันธุ์ไปจากโลก จึงจะมีการประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นในระดับจังหวัด จากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชนที่เกี่ยวข้อง ในวันที่ 15 กันยายนนี้ ที่ศาลาประชาคม อ.กะเปอร์ จ.ระนอง เพื่อผลักดันให้มีการประกาศคุ้มครองต้นพลับพลึงธารและพื้นที่อาศัย ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ปี 2535 ขณะนี้หน่วยงานต่าง ๆ และประชาชนในจังหวัดระนองจำนวนมาก เห็นด้วยกับการคุ้มครองต้นพลับพลึงธาร เพราะที่ผ่านมาไม่มีกฏหมายคุ้มครอง จึงเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ทั้งนี้สาเหตุที่ทำให้พลับพลึงธารลดจำนวนลง เกิดจากการขุดลอกคลอง เหตุการณ์น้ำท่วม และการลักลอบขุดหัวไปขาย ผู้เชี่ยวชาญด้านอนุรักษ์พลับพลึงธาร ยังกล่าวอีกว่าในปีนี้ชาวบ้านได้งดกิจกรรมล่องแพแลพลับพลึงธาร ที่เคยจัดขึ้นให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมเป็นประจำทุกปี เพราะต้องดำเนินการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งอาศัยและต้นพลับพลึงธารอย่างเร่งด่วน
ตอนนี้อาจจะยังทัน ไปชมพลับพลึงธารกันดีกว่าครับ
http://158.108.17.142/index.php?module=news&submodule=create&group_id=4&data_id=1738ช้อมูลเพิ่มเติม ททท. สำนักงานชุมพร Tel. +66 7750 1831-2, +66 7750 2775-6
ชมภาพของพลับพลึงธาร