ผู้เขียน หัวข้อ: ดอยหลวงเชียงดาว ท้าหนาว เหนือสายหมอก  (อ่าน 31784 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
มาแล้วๆ สำหรับประสบการณ์ รูปสวย ข้อมูลดีๆ สำหรับนักท่องเที่ยวเชิงผจญภัยท้าลมหนาว พิสูจน์ตัวเอง ฯลฯ หลากหลายเหตุผลของคนท่องเที่ยวที่เลือกเส้นทางสายนี้ สำหรับดอยหลวงเชียงดาวนั้นเป็นยอดดอยที่มีความสูงอยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศไทย สูงอันดับ 3 ของประเทศรองจากดอยอินทนนท์และผ้าห่มปก ระยะทางในการเดินศึกษาธรรมชาติจนถึงลานกางเต็นท์ 6,500 เมตร จากจุดเริ่มต้นไปยังอ่างสลุง ระหว่างทางมีลานกางเต็นท์ระหว่างทาง 2 จุด สำหรับนักท่องเที่ยวที่วางแผนจะนอนกลางทาง ลานกางเต็นท์ระหว่างทางนั้นก็เป็นจุดพักหลักๆ สำหรับนักเดินป่าที่ต้องการเดินแบบวันเดียวจบถึงอ่างสลุง ในทริปนี้เราเลือกที่จะใช้บริการของการนำเที่ยวท้องถิ่น จะได้ไม่ต้องเตรียมอะไรมากนอกจากร่างกายและเครื่องใช้ที่จำเป็นต้องใช้เท่านั้น การหุงหาอาหารให้เป็นหน้าที่ของผู้นำเที่ยวท้องถิ่นไป ในงานนี้เราหาข้อมูลเกี่ยวกับผู้ให้บริการหลายราย ปรากฏว่าผู้ที่มีการเอ่ยถึงมากที่สุดและมีผู้คนเขียนถึงความประทับใจในบริการเป็นอย่างมากก็คือลุงแกละแปดริ้ว ปกติบริการอาหารมีร้านอยู่ในวัดถ้ำเชียงดาว นักท่องเที่ยวนับแสนคนในแต่ละปีที่มาเที่ยววัดถ้ำเชียงดาวเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของลุงแกละ ส่วนนักเดินป่าอย่างเรามีเพียง 2-3 พันคน ในแต่ละปี ถือว่าเป็นงานอดิเรกของลุงแกละ ซึ่งเราคงต้องเรียกว่า พี่แกละ มากกว่า เพราะอายุแกเพิ่งจะ 55 เอง

    หลังจากติดต่อพี่แกละได้แล้วเราก็ต้องโอนเงินมัดจำล่วงหน้า คนละ 1000 บาท (ราคาเต็มคนละ 2500 บาท) เพื่อที่จะได้เอาไปตระเตรียมอาหารและว่าจ้างลูกหาบตามจำนวนที่เหมาะสมของแต่ละกลุ่ม ลูกหาบที่ดอยเชียงดาว หรือดอยหลวงเชียงดาวแต่ละคนจะรับน้ำหนัก 20 กิโลกรัม เท่านั้น เพราะเส้นทางการเดินเขาที่ลาดชันอย่างมาก นัดเวลาที่เราจะเดินทางไปถึงร้านลุงแกละแปดริ้ว ในวัดถ้ำเชียงดาว แล้วเราก็ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ประมาณ 5 ทุ่ม เข้าไปรับสมาชืกที่รออยู่ในเมืองเชียงใหม่ ไปเอาถุงนอนเพิ่ม และอื่นๆ รวมถึงแวะกินข้าวเช้าที่แม่ริม ในที่สุดเราไปถึงวัดถ้ำเชียงดาวเวลาประมาณเกือบ 10.00 น.(ช้ากว่าเวลลาที่นัดพี่แกละไว้หลายชั่วโมง) เมื่อเลี้ยวรถเข้าวัดสิ่งแรกที่ทำให้เราตื่นตามากคือเจดีย์เก่ามากๆ หน้าวัดแทนที่เราจะเร่งทำเวลาเพื่อออกเดินทาง เรามาแวะเก็บภาพรอบๆ เจดีย์เก่าองค์นี้ก่อนอีกหน่อย

    เก็บภาพเจดีย์โบราณของวัดแล้ว เราเข้าไปหาพี่แกละซึ่งยืนรออยู่แล้วที่จะขนสัมภาระของเรามาจัดสรรให้ลูกหาบคนละเท่าๆ กัน หลังจากนั้นก้ขึ้นรถกระบะของคนในพื้นที่เพื่อเดินทางไปยังจุดเริ่มต้นของการเดินเท้าพิชิตยอดดอยหลวงเชียงดาว ระยะทางจากร้านพี่แกละไปยังจุดเริ่มต้น 12 กิโลเมตร เป็นทางคอนกรีตกว้างพอดีที่รถสองคันจะสวนกันได้แต่ต้องระวังหน่อยเพราะไม่มีไหล่ทางให้หลบ อากาศค่อนข้างเย็น และยิ่งเย็นลงๆ ทุกขณะที่เรามุ่งหน้าสูงขึ้นไปตามท้องถนนของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว รถกระบะพาเราขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามความชันของถนนบนเขา และยิ่งทำให้เราที่อยู่ท้ายรถรู้สึกหนาวมากขึ้นทุกทีๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 15, 2011, 12:17:34 PM โดย Tommy »
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
Re: ดอยหลวงเชียงดาว ท้าหนาว เหนือสายหมอก
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ธันวาคม 15, 2011, 12:27:39 PM »
    ในที่สุดเราก็มาถึงจุดเริ่มต้นเส้นทางเดินพิชิตดอยหลวงเชียงดาว เราถ่ายรูปที่ระลึกกับป้ายทางเข้า ก่อนที่จะแยกย้ายกันเดินเข้าป่าตามอัธยาศัย ที่บอกว่าเดินแยกย้ายกันก็เพราะว่าทีมเราเรารู้อยู่แล้วว่าใครเดินเก่ง ใครเดินช้า เราจะไม่รอกัน แต่จะแยกกันไปตามความถนัดของแต่ละคน 200 เมตรแรกดูจะเป็นทางเดินค่อนข้างราบ แม้จะมีเนินอยู่บ้างแต่ก็เป็นเนินไม่ชันมากนัก ทางเดินขึ้นดอยหลวงเชียงดาวเป็นเส้นทางคนเดินเล็กๆ มีป่าหญ้าที่สูงเกือบท่วมหัวอยู่ 2 ข้าง ใบหญ้าเหล่านี้เราจะต้องสัมผัสมันไปเรื่อยๆ จนบางทีก็รู้สึกคันเหมือนกัน จบ 200 เมตรที่ว่า ต่อจากนี้ก้เป็นของจริง เป็นเส้นทางที่ชัันมาก เริ่มจากประมาณ 30 องศา ไปเรื่อยๆ ผ่านไปอีกประมาณ 200 เมตร ความชันของเส้นทางเดินนี้ก็เปลี่ยนไปเป็นชันขึ้นประมาณ 45-60 องศา เนินนี้เป็นช่วงที่ทำให้เกิดความท้อหลายๆ ครั้ง ขาที่ก้าวเดินมาเรื่อยๆ จะเริ่มตึง ความเร็วจะลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด การหยุดพักก็จะเกิดขึ้นแบบถี่ๆ บางช่วงเดินไป 10 ก้าวก็ต้องหยุดพักหายใจให้อาการหอบทุเลาลง บางทีก็ต้องมองหาดอกไม้ หรือวิวที่พอจะถ่ายรูปได้ จะได้ไม่ต้องเดินตลอดเวลาและเป็นการพักเหนื่อยไปด้วยในตัว แต่บังเอิญวันนี้อากาศดีมาก มีหมอกหนาพัดผ่านเข้ามาบนดอยที่เรากำลังเดินอยู่จนบางทีก็ปิดบังทัศนวิสัย มองไม่เห็นอะไรที่อยู่ไกลออกไปอย่างที่ใจอยากจะให้เป็น มีบางช่วงที่หมอกจางลงพอมองเห็นหมู่บ้านชาวเขาเบื้องล่าง เป็นจังหวะที่หลายๆ คนรอคอย ผมยกกล้องมาส่องหามุมดีๆ ยืนบนก้อนหินที่จะทำให้มองเห็นวิวผ่านยอดหญ้าลงไปยังหมู่บ้านถ่ายรูปไปสักพักหมอกก็ถูกพัดเข้ามาปิดบังวิวสวยนั้นอีกครั้งอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเปิดให้ชมวิวได้อีก ผมก็ต้องเก็บกล้องแล้วเดินต่อ
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
Re: ดอยหลวงเชียงดาว ท้าหนาว เหนือสายหมอก
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ธันวาคม 15, 2011, 01:14:57 PM »
    1 ชั่วโมง ครึ่งทาง เนินถอดใจแห่งเชียงดาว เราถ่ายรูปหมู่ที่ป้ายจุดเริ่มต้นเส้นทางเดินพิชิตยอดดอยหลวงเชียงดาว 6,500 เวลา 10.54 น. เวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง ตอนนี้เรามาอยู่ที่ครึ่งทางของเนินแรก ดอยหลวงเชียงดาวไม่มีการตั้งชื่อเนินต่างๆ เหมือนภูกระดึง หรือภูสอยดาว ที่จะมีชื่ออย่างเช่น ซำแฮก แห่งภูกระดึง หรือ เนินส่งญาติ แห่งภูสอยดาว ดังนั้นผมจึงแรียกเนินแรกของดอยหลวงเชียงดาวว่า เนินถอดใจ เพราะเนินนี้ยาวมากๆ น่าจะมีระยะทางไม่น้อยกว่า 1200 เมตร และเป็นเนินแรกที่เราจะต้องเจอ คนที่เดินมาถึงตรงนี้ได้แล้วอาจจะมีบ้างที่ถอดใจเดินกลับถ้าหากรู้ว่านี่เพิ่งจะได้เพียงครึ่งเนินเท่านั้น และยังมีทางลาดสูงขึ้นไปเรื่อยๆ อีกเท่าตัวกับที่เดินขึ้นมา ทีแรกผมเองก็ไม่รู้ว่าจุดนี้เป็นจุดประมาณกึ่งกลางของเนิน และหลายๆ คนที่เดินมาครั้งแรกก็คงเหมือนผม ทุกๆ ก้าวที่เดินขึ้นมาอย่างยากลำบากบนดินที่มีรอยขุดให้เป็นขั้นๆ เหมือนบันไดเนื่องมาจากความชัน หากไม่ขุดเป็นขั้นๆ คงมีคนไถลถอยหลังลงมาเรื่อยๆ แทนที่จะก้าวไปข้างหน้า เราหยุดพักตรงนี้อีกครั้งเพราะมีหินหลายขนาดให้เราเลือกนั่งพัก การพักครั้งนี้ของเรากินเวลานานพอสมควรกว่าหัวใจจะกลับมาเต้นในจังหวะปกติ การเดินทางบนเส้นทางชันเรื่อยๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุดเป็นเวลานานๆ สำหรับเราแล้วก็เหมือนการเร่งจังหวะหัวใจให้ทำงานในความเร็วที่สูงที่สุดที่จะทำได้ ก่อนออกเดินทางผมเอาน้ำขวดเล็กใส่กระเป๋าข้างของกางเกง 2 ข้าง สำหรับเดินจิบไปเรื่อยๆ ทดแทนเหงื้อที่เสียไประหว่างทาง ปกติจะเดินระยะทาง 6500 เมตร เท่ากับดอยหลวงเชียงดาวก็มีบ้างที่หมดน้ำไป 1 ขวด แต่ที่ดอยหลวงเชียงดาวนี้แค่ครึ่งเนินแรกน้ำในขวดก็พร่องไปมากแล้ว

    สำหรับคนที่เดินป่ามาหลายแห่งแล้วก็มีบ้างที่จะสามารถคาดเดาระยะทางของตัวเองที่เดินได้เทียบกับเวลาที่เสียไป อย่างหลายคนจะเดิน 6 กิโลเมตรใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง พอเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง ก็น่าจะเดินได้ไม่ต่ำกว่า 1.5 กิโลเมตร แต่จุดที่เรานั่งอยู่นี้ถามคนนำทางในตอนขากลับ พี่แกละบอกว่าประมาณ 900 เมตร เอง โห แล้วแบบนี้ เมื่อไหร่จะถึงละเนี่ย

    หลังจากที่นั่งพักกันนานพอแล้วเราออกเดินกันต่อ เวลา 12.33 น. ผมก็มาถึงบริเวณที่เป็นสันของเนินเขา เป็นจุดหมายปลายทางแรกที่ผมมองหามาตลอดทาง การเดินขึ้นเนินเรื่อยๆ แบบนี้มันทำให้กำลังใจของเราลดลงๆ เรื่อยๆ เหมือนกันแฮะ สิ่งเดียวที่เราอยากจะให้ถึงเร็วๆ ก็คือสันเขา เพราะหลังจากสันเขาแล้วนั่นหมายความว่าทางข้างหน้าต่อจากนั้นจะเป็นทางลาดลงบ้าง เพราะเราเดินขึ้นๆๆๆๆ มาตลอด มานานมากแล้ว ความท้อก็เริ่มเข้ามาอยู่ในหัวอยากจะหยุดพักเสียที เมื่อถึงสันเขาของเนินแรกสิ่งที่ผมทำก็คือถอดเสื้อพักครับ อากาศที่ปกคลุมไปด้วยสายหมอกจนมองไม่เห็นวิว และต้นไม้ที่อยู่รอบๆ เราก็มีหมอกปกคลุมขาวโพลนไปหมด อากาศก็น่าจะอยู่ที่ 20 องศา แต่ผมมีเหงื่อออกเต็มตัวจนเสื้อเปียก สายสะพายกระเป๋ากล้องเปียกชุ่มไปหมด การถอดเสื้อรับลมหนาวไม่ทำให้รู้สึกหนาวเลยในเวลานั้น คิดดูเองละกันว่ามันชันขนาดไหน

    ระหว่างที่นั่งพักอยู่นั้นก็มีนักท่องเที่ยวอีกหลายคนทยอยเดินตามหลังผมขึ้นมาและก็แซงผมไปเรื่อยๆ พอดีพี่เค้าเป็นผู้หญิงเลยบอกว่าอิจฉาจังที่เห็นผมถอดเสื้อนั่งพักได้  ;D

    ในระหว่างนี้เอาเสบียงที่พี่แกละเตรียมมาให้ เป็นข้าวเหนียวหมูชุบใข่ทอด ไส้อั่ว แล้วก็น้ำพริกตาแดง (ดีนะที่ใช้บริการพี่แกละ เค้าเตรียมให้เสร็จสรรพทุกสิ่งอย่าง อาหารทุกมื้อ และลูกหาบ เราเอาตัวเองขึ้นดอยให้ได้ก็พอ)
    กินข้าวเหนียวไป 2-3 คำ หมูทอด 1 ชิ้น ไส้อั่ว 1 ชิ้น ส่วนที่เรียกพลังงานของเราได้มากที่สุดคือน้ำพริกตาแดงรสเด็ดจากร้านลุงแกละ แปดริ้ว (แกเป็นคนแปดริ้ว มาแต่งงานกับชาวเชียงดาว เลยปักหลักหากินที่นี่มา 20 ปี แล้ว ต้นไม้ใบหญ้าทุกต้นพี่แกรู้หมด) กินไปไม่ถึงครึ่งพอมีแรงแล้วออกเดินต่อ (กล้วว่ากินเยอะแลัวจะจุก)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 20, 2011, 10:24:28 AM โดย Tommy »
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
Re: ดอยหลวงเชียงดาว ท้าหนาว เหนือสายหมอก
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ธันวาคม 15, 2011, 05:45:19 PM »
    เอาละ หลังจากนี้อย่างน้อยความชันของเส้นทางคงจะลดลงไปบ้าง ก็เดินทางชันๆ มานานแล้วนี่นา เป็นความคิดที่อยู่ในหัวของผมตลอดเวลา แล้วมันก็ไม่ผิดมากนัก เพราะทางเดินหลังจากที่ผมพิชิตเนินแรกได้สำเร็จ เส้นทางมีขึ้นๆ ลงๆ บ้างแต่ก็ไม่ชันมาก บางช่วงอาจจะต้องเดินชึ้นเนินยาวๆ บ้างแต่ก็ไม่ยาวมากเหมือนแนินแรก เวลาที่เดินลงจากเนินก็เป็นเวลาที่ได้พักขาพักกำลัง ดอกไม้ตามทางเดินสู่ยอดดอยเชียงดาวมีหลายชนิด แต่ในที่นี้ผมขอยกไปเขียนเป็นอีกหัวข้อหนึ่งจะดีกว่า เพราะเดี๋ยวมันจะมีรูปมากเกินไป ตอนนี้เอาเฉพาะการเดินกับวิวสวยๆ อย่างเดียวไปก่อน

    ป่าไม้บนดอยเชียงดาวมีหลายแบบผสมกันไป มีไม้ยืนต้นหนาทึบบ้างในบางช่วง แต่ก็มีพืชล้มลุกอย่างกล้วยจำนวนมากมายยังกับมีคนเข้ามาทำสวนกล้วยก็มีเป็นบางช่วงเหมือนกัน และที่ขาดไม่ได้ก็คือช่วงที่มีป่าไผ่ อันจะพบได้ในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติบนดอยหลายแห่งในเมืองไทย ระหว่างทางเดินช่วงที่เป้นทางราบไม่ชันมากก็มีเวลาถ่ายรูปได้เรื่อยๆ แต่ส่วนใหญ่วิวสวยๆ จะถูกปกคลุมไว้ด้วยหมอกที่ดูเหมือนว่าจะลอยตามหลังเรามาติดๆ ยังไงยังงั้น แต่ก็มีข้อดีตรงที่อากาศเย็นไม่ร้อนมากในระหว่างการเดินป่า แต่ก็อดได้วิวงามๆ ไปหลายช่วง
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
Re: ดอยหลวงเชียงดาว ท้าหนาว เหนือสายหมอก
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ธันวาคม 15, 2011, 05:55:38 PM »
    13.16 น. อะไรกันเนี่ย เวลาวิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่เรายังเดินได้ไม่ถึงไหนกันเลย ตอนนี้มีจังหวะที่หมอกลอยผ่านเราไปจนมองเห็นยอดดอยที่เรียกว่า ยอดปิรามิด เป็นยอดรูปสามเหลี่ยมแหลมๆ เหมือนปิรามิดจริงๆ ระหว่างทางก็มีต้นพญาเสือโคร่งหรือที่รู้จักกันดีในนามของซากุระเมืองไทยบานให้ชมกันเป็นระยะๆ ที่จริง พญาเสือโคร่งบนดอยหลวงเชียงดาวนี้มีอยู่หลายต้น แต่ละต้นต่างสามัคคีกันบานพร้อมเพรียงกันอย่างสวยงามในต้นเดือนธันวาคม เป็นสาเหตุให้ผมต้องเสียเวลาหามุมสวยๆ ในการถ่ายรูปดอกพญาเสือโคร่งที่เห็นนี้ก่อนที่จะต้องเดินกันต่อไป สิ่งที่ทำให้เรายังคงรู้สึกเหนื่อยล้ามากขึ้นก็คือยอดปิรามิดที่เรามองเห็นมันช่างอยู่ไกลเสียเหลือเกิน แม้ว่าตอนนั้นเรายังไม่รู้จักดอยหลวงเชียงดาวมากนักแต่ก็พอจะรู้ว่าที่ๆ เรากำลังจะไป อยู่เลยยอดปิรามิดนี้ไปอีกไม่น้อย แล้วตอนนี้ปิรามิดที่ว่ายังอยู่ไกลซะขนาดนี้ แล้วมันจะต้องเดินไปอีกนานแค่ไหนกันเนี่ย ระยะทางที่เขียนไว้ว่า 6500 แมตร ชักจะเชื่อถือไม่ได้ซะแล้วสิ

    บ่าย 2 โมงครึ่ง เราเดินมาตามทางเรื่อยๆ อย่างไม่แร่งรีบ เอาเท่าที่แรงจะมีไปไหวเพราะตอนนี้ร่างกายมันล้าไปหมดโดยเฉพาะช่างขา ตอนนี้ผมมาอยู่ที่ป่ากล้วย อย่างที่บอกว่าที่ดอยเชียงดาว มีความหลากหลายในเรื่องของพรรณไม้ ป่ากล้วยนี้จะว่าไปก็กินพื้นที่ค่อนข้างกว้าง เป็นระยะทางนับร้อยเมตรได้ เป็นช่วงที่เดินสบายๆ ช่วงหนึ่งในป่าของเชียงดาว
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
Re: ดอยหลวงเชียงดาว ท้าหนาว เหนือสายหมอก
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ธันวาคม 15, 2011, 06:03:39 PM »
    หลังจากผ่านป่ากล้วยมาได้ไม่กี่นาที ตอนนี้ก็เริ่มที่จะมองเห็นกำแพงหินปูนขนาดมหึมาที่ดูเหมือนว่าจะขวางทางไม่ให้ใครรุกล้ำเข้าไปในเขตแดนลับแล อยู่ตรงกลางทางเดินของเรา ส่วนขวามือ เป็นเทีอกเขาที่มี 3 ยอดเรียกกันว่าสามพี่น้อง ส่วนที่เราเห็นยอดปิรามิดแหลมๆ เมื่อครู่อยู่ทางซ้ายมือของเรา เส้นทางที่เรากำลังเดินอยู่นี้ก็เหมือนอยู่กลางยอดเขาทั้ง 3 เวลาเกือบบ่าย 3 โมง (14.52 น.) เกือบครึ่งชั่วโมงจากป่ากล้วยผมก็ได้เห็นป้ายบอกทางแยกที่ตั้งอยู่กลางป่า ทางซ้ายชี้ไปอ่างสลุง ยอดดอยเชียงดาว ส่วนทางขวาไป เด่นหญ้าขัด ทางที่เราเดินมาเรียกว่า ปางวัว

    ตรงทางแยกนี้เองมีนักท่องเที่ยวหลายต่อหลายคนที่ขอพักกลางทางด้วยการนั่งบนหญ้าที่ถูกนั่งทับมาจนเป็นลานกว้างๆ พอสมควร ป้ายนี้จากความรู้สึกของนักเดินทางด้วยกันบอกว่าเป็นระยะ 2500 เมตร หวาาาา มันยังต้องไปอีกตั้ง 4000 เมตรเชียวเหรอเนี่ย (ข้อมูลนี้มารู้เอาทีหลัง ตอนแรกเข้าใจว่าตัวเองเดินมาได้ 3500 เมตรแล้วด้วยซ้ำ คงเหลืออีกไม่ถึงครึ่งก็คงถึงที่หมาย ที่ไหนได้มันผิดถนัด)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 15, 2011, 06:07:09 PM โดย Tommy »
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
Re: ดอยหลวงเชียงดาว ท้าหนาว เหนือสายหมอก
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ธันวาคม 15, 2011, 06:11:46 PM »
จะรีบไปไหนจะรีบไปไหน พักเดี๋ยวหนึ่งก่อนนะครับ มีเหตุให้ต้องออกทริปอีกแล้วครับ เดี๋ยวผมจะมาเล่าต่อ แต่ตอนนี้ขอค้างไว้ก่อน วันจันทร์หน้าจะมาเล่าให้จบอย่างแน่นอนครับ  8)

    ระหว่างการพักเอารูปต้นพญาเสือโคร่งมาให้ชมไปพลางๆ ว่าบานเต็มที่แล้ว หลายต้นอยู่กระจัดกระจายกันไปในป่า มีเพียงบางต้นที่เราจะเข้าไปถ่ายใกล้ๆ ได้ แต่ก็มีต้นไม้อื่นรายล้อมดูรกรุงรังไปบางแต่ก็สวยครับ พญาเสือโคร่งที่เชียงดาวเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมรู้สึกประทับใจมากเพราะไม่คิดว่าจะได้เห็นเยอะขนาดนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 20, 2011, 10:28:12 AM โดย Tommy »
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
Re: ดอยหลวงเชียงดาว ท้าหนาว เหนือสายหมอก
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ธันวาคม 20, 2011, 10:33:21 AM »
    ระหว่างทางมีดอกไม้ต่างๆ ให้เราชมเยอะมากครับ สมกับเป็นดอยหลวงเชียงดาว ด้วยความหลากหลายทางพรรณพืช ทำให้มีผู้สนใจศึกษาป่าไม้ เข้ามาเดินดอยเชียงดาวกันมาก และมีหนังสือรวมเล่มพรรณไม้ดอยเชียงดาวออกมาถึง 3 เล่ม ดอกไม้เหล่านี้ออกดอกแตกต่างกันตามช่วงเวลา บางดอกออกบานสะพรั่งในเดือนพฤษภาคม ซึ่งคงจะไม่ได้เห็นกันง่ายๆ เพราะช่วงนั้นจะปิด ดอกไม้ที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ก็คือเทียนนกแก้ว ออกดอกในช่วงพฤศจิกายน เท่านั้น แม้ว่าเราจะรีบมาในต้นเดือนธันวาคมก็ไม่ได้เห็นสักดอก กล้วยไม้บางชนิดสวยๆ ก็มีให้เห็นได้บ้าง แต่ไม่มากนัก

    เรื่องดอกไม้เดี๋ยวผมขอรวมไปไว้ท้ายกระทู้ดีกว่า ตอนนี้เอาเรื่องทางเดินกับวิวก่อนจะได้เป็นสัดส่วนไม่งั้นกระทู้นี้คงยาวมากแน่ๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 21, 2011, 11:45:00 PM โดย jai »
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
Re: ดอยหลวงเชียงดาว ท้าหนาว เหนือสายหมอก
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: ธันวาคม 20, 2011, 10:38:06 AM »
    2 ชั่วโมงถัดมา 16.15 น. ผมก็เดินพ้นหุบเขาซึ่งอยู่ระหว่างยอดเขาสามพี่น้องกับยอดปิรามิด ตรงที่ผมยืนอยู่นี้ก็เป็นทางเดินขึ้นเขาที่เรียกกันว่าสันกลาง                  มีลักษณะเป็นเหมือนกำแัพงสูงใหญ่ขวางอยู่เบื้องหน้าทำให้เราต้องเดินอ้อมไปอีกทาง ทางเดินขึ้นเนินนี้เป็นอีกช่วงหนึ่งที่ทรมานจิตใจของเราได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นทางเดินขึ้นๆๆ อย่างเดียวยาวๆ ยาวพอที่จะทำให้เราท้อได้ มาถึงตรงนี้นักท่องเที่ยวทั้งหมดก็แซงเราไปหมด เหลือกันอยู่ 2 คน เลยต้องหยุดเก็บภาพวิวไปพลางๆ ระหว่างรอให้ตัวเองหายเหนื่อย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 21, 2011, 11:46:51 PM โดย jai »
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
Re: ดอยหลวงเชียงดาว ท้าหนาว เหนือสายหมอก
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: ธันวาคม 20, 2011, 10:44:09 AM »
    ถัดจากจุดที่ผมยืนเท่ห์ มองไปทางยอดสามพี่น้องขึ้นไปอีก 100 เมตรเป็นทางเดินขึ้นตลอดและตลอด เฮ้อ เมื่อไหร่จะพ้นเนินนี้ซะทีน้า เห็นลูกหาบเดินลงมาก็เที่ยวถามว่าเมื่อไหร่จะถึง อีกไกลมั้ย ถามซ้ำไปซ้ำมา เห็นลูกหาบก็ตอบมาว่าอีกประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว โห อีกไกลขนาดนั้นเชียวเหรอเนี่ย ผมเดินมาเจอลานกว้างพอประมาณ มีการเหยียบให้หญ้าล้มลงพอนั่งได้ ดูเหมือนว่าลานตรงนี้จะเป็นจุดที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวหลายต่อหลายคนที่อาจจะล้มตัวลงนอนเลยก็เป็นไปได้ ลานตรงนี้เป็นสถานที่ที่ผมเอาข้าวออกมากินอีกรอบ ถือว่าเป็นข้าวเย็น และทำให้น้ำหนักของข้าวที่อยู่ในกระเป๋าเบาลงไปบ้าง (ไม่ไหวแล้ว) นอกจากจะนั่งกินข้าวก็ถือโอกาสนั่งพักยาวด้วยครับ เราอยู่ตรงนี้เกือบครึ่งชั่วโมง ก่อนที่จะเดินกันต่อไป
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน