สถานการณ์น้ำท่วม 20 กันยายน

[admin]

น้ำในแม่น้ำมูลสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ประชาชนกว่าร้อยครัวเรือนต้องอพยพมาอยู่บริเวณริมถนนเชิงสะพานเสรีประชาธิปไตย

 
    นายสุรพล สายพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำท่วมวันนี้ (19 ก.ย.54) ว่า ปริมาณน้ำในแม่น้ำมูลสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ราษฏรริมฝั่งแม่น้ำมูลเขตเทศบาลนครอุบลราชธานี จำนวนประมาณ 1,600 ครัวเรือน ต้องอพยพสิ่งของเป็นรอบที่สองมาอาศัย ณ จุดอพยพชั่วคราว ส่วนผู้ประสบภัยในเขตเทศบาลเมืองวารินชำราบ ได้อพยพขึ้นมาอยู่บริเวณริมถนนเชิงสะพานเสรีประชาธิปไตย จำนวนกว่าร้อยครัวเรือน
    ขณะเดียวกันน้ำในแม่น้ำมูลได้ไหลเข้าท่วมถนนบริเวณเชิงสะพาน 100 ปี สมเด็จพระศรีนครินทร์ เชื่อมระหว่างเทศบาลนครอุบลราชธานี ไปยังเทศบาลเมืองวารินชำราบ ระดับน้ำสูงประมาณ 30 เซนติเมตร ผิวจราจรที่ถูกน้ำท่วมระยะทางประมาณ 100 เมตร รถขนาดเล็กยังสามารถวิ่งผ่านได้
    สำหรับแนวโน้มสถานการณ์ น้ำในแม่น้ำมูล แม่น้ำชีและแม่น้ำโขงยังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งน้ำมูลสูงกว่าระดับวิกฤตแล้ว 2 เมตรเศษ ส่วนน้ำโขงที่อำเภอโขงเจียม ต่ำกว่าตลิ่งประมาณ 20 เซนติเมตร และจากการพยากรณ์อากาศ ในช่วงวันที่ 18 – 20 กันยายนนี้ จะมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ ซึ่งจะส่งผลกระทบให้ระดับน้ำสูงขึ้น จะทำให้อุกภัยขึ้นเป็นบริเวณกว้าง

[admin]

จ.ตราด ประกาศเตือนประชาชน 3 อำเภอ ระวังภัยจากฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน ดินโคลนถล่ม

    จังหวัดตราด ประกาศเตือนประชาชน 3 อำเภอ ระวังภัยจากฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน ดินโคลนถล่ม
    วันนี้ (20 ก.ย. 54) นายชลอ ใบเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด กล่าวว่า ตามที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ตรวจสอบสภาวะอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ในช่วงวันที่ 23 – 28 กันยายนนี้ ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง พัดพาความชื้นเข้าสู่บริเวณพื้นที่รับลม บริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ส่งผลให้หลายพื้นที่อาจมีฝนตกหนัก ทางจังหวัดจึงขอเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในที่ราบลุ่ม แถบพื้นที่เสี่ยงภัยใกล้ทางน้ำไหล และเนินเขาสูง ระวังอันตรายจากปัญหาน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะอำเภอเขาสมิง อำเภอบ่อไร่ และอำเภอเกาะช้าง หมั่นหากสังเกตพบสัญญาณผิดปกติทางธรรมชาติ เช่น น้ำเปลี่ยนเป็นสีเดียวกับสีดินบนภูเขา ระดับน้ำในลำห้วยเพิ่มสูงอย่างรวดเร็ว มีเสียงดังจากป่าต้นน้ำ ให้รีบอพยพขึ้นที่สูง ในบริเวณที่ปลอดภัยทันที
    อย่างไรก็ตามในส่วนของชาวประมงในระยะนี้ขอให้เพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือจากสถานการณ์คลื่นลมแรง โดยเฉพาะเรือขนาดเล็กขอให้งดออกจากฝั่ง โดยขอให้ติดตามข่าวสารจากวิทยุเพื่อการประมง หรือกรมอุตุนิยมวิทยา ทั้งนี้หากได้รับความเดือดร้อน สามารถแจ้งเหตุด่วนสาธารณภัยเพื่อขอความช่วยเหลือ ได้ที่สายด่วนนิรภัย 1784 สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตราด 0-3952-5727 08-9969-6731 ตลอด 24 ชั่วโมง

[admin]

ทางหลวงชนบทพระนครศรีอยุธยา วางสะพานแบริ่งให้ชาวบ้านข้ามหลังน้ำท่วม

 ทางหลวงชนบทพระนครศรีอยุธยาเร่งวางสะพานแบริ่งให้ชาวบ้าน อ.บางบาล สัญจรผ่าน หลังน้ำกัดเซาะคอประตูน้ำคลองตานึ่งเกือบขาด
    วันนี้ (20/9/54) ทางหลวงชนบทพระนครศรีอยุธยา และแขวงการทางฯ นำโครงเหล็กยาวประมาณ 30 เมตร มาทำสะพานแบริ่ง ข้ามประตูระบายน้ำคลองตานึ่ง เขตรอยต่อระหว่างอำเภอผักไห่ กับอำเภอบางบาล ซึ่งประตูน้ำดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา หลังคอประตูน้ำดังกล่าว ถูกน้ำจากคลองบางหลวงกัดเซาะจนพังเป็นแนวยาวประมาณ 5 เมตร ทำให้น้ำจำนวนมากไหลลงสู่ทุ่งผักไห่ ซึ่งขณะนี้น้ำในทุ่งดังกล่าวมีระดับความสูง 1.5 เมตร
    สำหรับการทำสะพานแบริ่งครั้งนี้ เป็นการทำเพื่อไม่ให้ผิวการจราจรบริเวณคอประตูน้ำเกิดการทรุดตัว ที่จะเกิดจากการสัญจรผ่าน อีกทั้งยังเป็นการให้ประชาชนระหว่างอำเภอเสนา – บางบาล – และผักไห่ สามารถสัญจรไป-มาหากันได้ อย่างไรก็ตาม สะพานแบริ่งนี้จะไม่เกิดการทรุดตัวอย่างแน่นอน
    นายจีระพงศ์ ปีณฑะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานทางหลวงชนบทพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ล่าสุดสำนักงานทางหลวงชนบทพระนครศรีอยุธยา ร่วมกับแขวงการทางฯ ห่วงถนน 6 สาย คือ ทางหลวงหมายเลข 1 ประตูน้ำพระอินทร์-วังน้อย ทางหลวงหมายเลข 32 บางปะอิน-นครหลวง ทางหลวงหมายเลข 3263 (บางบาล) บริเวณใต้สะพานกลับรถสะพานสีกุก ทางหลวงหมายเลข 3412 อยุธยา – บางบาล ทางหลวงหมายเลข 3454 หน้าโคก – ผักไห่ และทางหลวง 3501 บางบาล – วัดตะกู ซึ่งทั้งหมดได้มีการทำแนวคันดินป้องกันน้ำท่วมไว้หมดแล้ว แต่เกรงว่าระดับน้ำจากภาคเหนือก้อนใหม่ที่กำลังจะลงมา อาจจะส่งผลให้ผิวการจราจรเสียหาย เพราะจำนวนน้ำมีมาก
    อย่างไรก็ตาม ทางหลวงชนบทพระนครศรีอยุธยา จะพยายามรักษาผิวการจราจรทุกพื้นที่ไม่ให้ถูกน้ำท่วมมากที่สุด ไม่เช่นนั้นการสัญจรของชาวบ้านในพื้นที่ ที่ถูกน้ำท่วมกับส่วนราชการจะไม่สามารถใช้ได้

[admin]

น้ำท่วมจังหวัดชัยภูมิยังไม่คลี่คลาย ตั้งศูนย์ช่วยเหลือทำอาหาร 3 มื้อ แจกจ่ายผู้ประสบภัยน้ำท่วม

น้ำท่วมจังหวัดชัยภูมิยังไม่คลี่คลาย ตั้งศูนย์ช่วยเหลือทำอาหาร 3 มื้อ แจกจ่ายผู้ประสบภัยน้ำท่วม หวั่นเกิดฝนตกระลอกใหม่ ทำให้ทำน้ำท่วมชัยภูมิมากกว่านี้
    นายจรินทร์ จักกะพาก ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ได้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ที่ศูนย์เยาวชนเทศบาลเมืองชัยภูมิ ตั้งโรงครัว ปรุงอาหารกล่อง ให้ชุดเคลื่อนที่เร็ว นำน้ำดื่ม ข้าวกล่อง และถุงยังชีพ ไปแจกจ่ายประชาชนในพื้นที่ถูกน้ำท่วมทุกวัน วันละ 3 มื้อ แจกจ่ายไปแล้วกว่า 3 พัน 500 ชุด รวมทั้งเปิดรับบริจาคสิ่งของ เงินทอง มีเจ้าหน้าที่เฝ้าประจำตลอด 24 ชั่วโมง จัดทหารจากหน่วยบัญชาการช่วยรบที่ 2 จำนวน 12 นาย พร้อมรถบรรทุก และเรือท้องแบน ประจำจุดที่ถูกน้ำท่วมหนักแล้วพร้อมช่วยเหลือประชาชนตลอดเวลา
    สรุปน้ำท่วมตั้งแต่วันที่ 9 -19 กันยายน 2554 จังหวัดชัยภูมิมีพื้นที่ประสบภัย 10 อำเภอ 62 หมู่บ้าน 38,078 ครัวเรือน ถนนเสียหาย 567 สาย พื้นที่การเกษตรเสียหายโดยสิ้นเชิงแล้วกว่า 1 หมื่นไร่ และน้ำท่วมอยู่อีกนับแสนไร่ มีบ่อปลาเสียหาย 1,745 บ่อ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 5 ราย

[admin]

ชาวบ้านตำบลเขาแก้วน้ำท่วมสูง เดือดร้อนหนัก

ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลเขาแก้ว อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท ขณะนี้ถูกน้ำท่วมสูงต้องอยู่ในสภาวะติดเกาะหลายหมู่บ้าน เดือดร้อนอย่างหนัก ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
    หลังจากที่ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และพนังกั้นน้ำริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตอำเภอเมืองชัยนาทหลายจุดได้พังลง ส่งผลให้ปริมาณน้ำจำนวนมากไหลเข้าร่วมบ้านเรือนประชาชนและพื้นที่การเกษตร แผ่ขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น และปริมาณน้ำส่วนใหญ่ ได้ไหลลงสู่พื้นที่ตำบลเขาแก้ว อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท ซึ่งถูกน้ำท่วมนานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว ล่าสุดระดับน้ำได้เพิ่มสูงขึ้นจากเดิมกว่า 1 เมตร ชาวบ้านต้องเร่งอพยพคนแก่ คนพิการ และขนข้าวของหนีน้ำ ขึ้นมาไว้บนศาลาการเปรียญวัด และอาคารในโรงเรียน ซึ่งเป็นพื้นที่สูง
    นางสมนึก เกตุยา กำนันตำบลเขาแก้ว ให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตาว่า ตำบลเขาแก้วถูกน้ำท่วมติดต่อกันมา 6 ปีแล้ว แต่ไม่เคยร้ายแรงเท่ากับปีนี้ ขณะนี้ชาวบ้านเดือดร้อนอย่างหนัก โดยเฉพาะหมู่ 2 , 3 และ 5 ซึ่งมีชาวบ้านกว่า 1,600 คน ต้องอยู่ในสภาวะติดเกาะ ถูกตัดจากโลกภายนอก ทำให้ขาดแคลนอาหาร และน้ำดื่มเป็นจำนวนมาก เนื่องจากถนนเข้าหมู่บ้านถูกน้ำท่วมสูง รถยนต์ขนาดเล็กและรถปิคอัพไม่สามารถสัญจรไปมาได้ อีกทั้งยังขาดแคลนเรือท้องแบนและรถยนต์ขนาดใหญ่ ในการรับส่งชาวบ้าน ขนเสบียงอาหาร น้ำดื่ม และเกรงว่าหากมีผู้ป่วยกรณีฉุกเฉินจะไม่สามารถนำออกจากหมู่บ้านและส่งโรงพยาบาลได้ทัน ในส่วนของส้วมลอยน้ำที่ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชัยนาท นำมาติดตั้งไว้จำนวน 2 หลัง ไม่เพียงพอ เมื่อเทียบกับจำนวนของชาวบ้าน จึงอยากได้ส้วมลอยน้ำเพิ่ม เนื่องจากบางหมู่บ้านยังขาดแคลนอีกเป็นจำนวนมาก

[admin]

จ.ชลบุรีเตือนประชาชนระวังน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่มในช่วงนี้

    นายกอบชัย บุณอรณะ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งเตือนจากกรมอุตุนิยมวิทยา วันที่ 20-23 กันยายน 2554 จะมีร่องมรสุมพัดผ่านประเทศไทย ขอให้ประชนระมัดระวังฝนตกหนักในระยะนี้ ขอให้เตรียมพร้อมรับมือภาวะฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มในช่วงนี้ จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย หมั่นสังเกตสัญญาณผิดปกติทางธรรมชาติ เช่น น้ำในลำธารเปลี่ยนสีเป็นสีเดียวกันกับดินบนภูเขา ฝนตกหนักนานเกินกว่า 6 ชั่วโมง ปริมาณน้ำฝนมากกว่า 100 มิลลิเมตร ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว มีต้นไม้ขนาดเล็กไหลมากับน้ำ เป็นต้น ให้สันนิษฐานว่าอาจเกิดน้ำป่าไหลหลากและดินถล่มขึ้นได้ ให้รีบอพยพออกจากพื้นที่ในทันที
    จังหวัดชลบุรี จึงขอให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับมิสเตอร์เตือนภัยเตรียมความพร้อมเฝ้าระวังภัยในระยะนี้เป็นพิเศษ ตลอดจนจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานสำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยและดินถล่ม พร้อมทั้งขอความร่วมมือวิทยุกระจายเสียง วิทยุชุมชน หอกระจายข่าวเสียงตามสาย ตลอดจนสื่อมวลชนทุกแขนงช่วยประกาศแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ หากประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัยสามารถแจ้งเหตุได้ที่อำเภอ เทศบาล อบต.หรือที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชลบุรี โทร 038-278031-2 หรือสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

[admin]

น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา ไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่ อบต.คุ้งสำเภา จังหวัดชัยนาท ชาวบ้านในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนเกือบทั้งหมด

 
    น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา ไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลคุ้งสำเภา จังหวัดชัยนาท ชาวบ้านในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนเกือบทั้งหมด
    นายประพันธ์ คำวิเศษ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลคุ้งสำเภา จังหวัดชัยนาท เปิดเผยว่า ตำบลคุ้งสำเภาถูกน้ำท่วมสามในสี่ของพื้นที่รับผิดชอบ ล่าสุดสถานที่ราชการ ได้แก่ ที่ว่าการอำเภอมโนรมย์ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ สำนักงานประมง สำนักงานที่ดิน ธนาคารออมสิน และร้านค้า อาคารพาณิชย์ ซึ่งเป็นสถานที่อยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ถูกน้ำท่วมเกือบทั้งหมด ระดับน้ำท่วมสูงประมาณ 1 เมตร ขณะนี้น้ำยังทะลักผ่านแนวคันดินเพิ่มอีก ตลอดวันนี้ระดับน้ำเพิ่มขึ้นประมาณ 12 เซนติเมตร เจ้าหน้าที่เร่งเพิ่มแนวกระสอบทรายไม่ให้น้ำทะลักข้ามคันกั้นชั้นที่ 2 และยังต้องระวังแนวคันดินที่กั้นถนนสายชัยนาท-มโนรมย์ ตลอดสาย
    จากการตรวจสอบสถานการณ์น้ำที่จังหวัดนครสวรรค์ ทราบว่าระดับน้ำทรงตัว แต่ที่มโนรมย์เพิ่มขึ้น จึงเชื่อว่าอีก 2 วันน่าจะมีระดับทรงตัวและลดลงตามลำดับ

[admin]

นายธนะ พรมดวง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตราด เผยมี 4 อำเภอ 20 ตำบล ที่ประสบภัยน้ำท่วม

นายธนะ พรมดวง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตราด ได้สรุปความเสียหายจากอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดตราด ในระหว่างวันที่ 8-16 กันยายน 2554 ที่ผ่านมา ว่า มี 4 อำเภอ 20 ตำบล ของจังหวัดตราด ที่ได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วม ประกอบด้วย อำเภอเมืองตราด มีพื้นที่ประสบอุทกภัยทั้งหมด 7 ตำบล ประกอบด้วย ตำบลวังกระแจะ ตำบลห้วยแร้ง ตำบลตะกาง ตำบลเนินทราย ตำบลชำราก ตำบลท่าพริก และตำบลท่ากุ่ม อำเภอเขาสมิง มีพื้นที่ประสบภัยจำนวน 7 ตำบล ประกอบด้วย ตำบลเขาสมิง ตำบลแสนตุ้ง ตำบลวังตะเคียน ตำบลสะตอ ตำบลประณีต ตำบลเทพนิมิต และตำบลทุ่งนนทรี อำเภอแหลมงอบ มีพื้นที่ประสบภัยจำนวน 4 ตำบล ได้แก่ ตำบลแหลมงอบ ตำบลน้ำเชี่ยว ตำบลบางปิด และตำบลคลองใหญ่ และอำเภอบ่อไร่ มีพื้นที่ประสบภัย จำนวน 2 ตำบล ตำบลบ่อพลอย และตำบลช้างทูน
    ทั้งนี้สถานการณ์ ณ ปัจจุบัน ระดับน้ำได้เริ่มลดลงแล้ว โดยเฉพาะที่อำเภอแหลมงอบ และอำเภอบ่อไร่ สถานการณ์ได้เข้าสู่สภาวะปกติ ส่วนอำเภอเมืองตราด และอำเภอเขาสมิง ระดับน้ำได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง หากไม่มีฝนตกลงมาอีก...