ภูกระดึง ภาค ๑

[Puripatt]

เดินต่อครับ มาถึงจนได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง ในเวลา เที่ยง 12.30

และเราก็ต้องเสียเวลารอลูกหาบ ถึง 4 ชม. รู้อย่างนี้เราไปเดินเล่นที่อื่นก่อนดีกว่า กว่าจะได้สัมภาระก็เกือบ 5 โมงเย็นแล้ว กว่าจะกางเต็นท์เสร็จ  อาบน้ำ ทำอาหารมื้อเย็นกัน ก็เกือบทุ่มแล้ว มือเย็นวันนั้นไม่มีไรมากครับ ข้าว ไข่เจียว ปลาป๋อง ง่ายๆ ครับ ไม่มีเวลามาก กว่าจะนอนคืนนั้น ก็ 3 ทุ่ม พอดี ฮาดีครับ ทำกับข้าวไป หนีทากไป เต้น แร๊บมันดีครับ ทากเยอะมาก แต่ที่น่ากลัวที่สุดคือ ทากเข้าเต็นท์ นี่ซิครับ หลับแล้วเราไม่รู้ตัวว่าโดนกัดไปตอนไหน ตื่นมาเลือดอาบเลย ผมโดนไป 2 ตัว เพื่อนโดนไป 2 เหมือนกัน ส่วนแฟนเพื่อนไม่ต้องพูดถึงครับเป็นเรื่องปกติของผู้หญิง เครื่องป้องกันเต็ม สูตรทั้งยา ทั้งถุงกันทาก ปูนขาว ยาเส้น ฯลฯ ที่จะสามารถป้องกันได้  แล้วเราก็เข้านอนครับ
ตอนหัวค่ำอากาศไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่ครับ พอค่อนสว่างซิครับ หนาวมากเลย อากาศเย็นดีครับ
จบวันแรกของการเดินทางครับ

[Puripatt]

เช้าวันที่ 2 ครับ เราตัดสินใจไม่ไปชมพระอาทิดขึ้นที่ผานกแอ่นครับ น่าเสียดายครับ ตื่นขึ้นมาทำภาระกิจส่วนตัวเรียบร้อยเราก็ดืมกาแฟ ชมแสงยามเช้ากัน กับการทำอาหารเช้า แสนอร่อย พร้อมจัดเตรียม อาหารกลางวันเพื่อไปทานระหว่างทาง  จุดหมายวันนี้คือ ลานวัดพระแก้ว ผานกแอ่น ผาหมอกดูก ผาน้อย ฯลฯ ผาหล่มสัก

เริ่มออกเดินทางกันประมาณ 8 โมง เช้าเดินไปเรื่อยตามเส้นทางในแผนที่  และแวะถ่ายรูประหว่างทาง โชคดีที่เจอพี่ จนท. ให้เราอาศัย รถ ATV ไปยังลานพระแก้วด้วย แต่พอไปถึง ลานวัดพระแก้ว ก็ต้องตกใจว่าองค์พระหายไปไหนจากลาน พี่ จนท. เล่าให้ฟังว่าเมือคืนนี้ช้างป่าออกมาหากิน มาพังองค์พระ ไปแล้ว รอบนี้เป็นรอบที่ 3 ของปีแล้ว พี่ จนท.ก็เล่าต่อไปว่า จริงๆ แล้ว เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่ช้างออกมาหากินตั้งแต่ยอดภูกระดึงไปถึงผานกเค้า บ้างครั้งยาวไปถึง อช.ภูพาน   แต่ช่วงนี้ คนบุกรุกป่ามากขึ้นอาหารหายากช้างก็เลยหงุดหงิด ทำลายองค์พระ บ่อยขึ้น จากนั้นเราก็ถ่ายรูปเป็นหลักฐาน และเดินเท้าต่อไปยังผานกแอ่น 

[Puripatt]

ลานวัดพระแก้ว/หลักฐานผู้ต้องหา

[Puripatt]

แล้วก็เดินกันต่อครับเพื่อไปยังผานกแอ่น ด้วยระยะทางที่ไม่ไกลครับ

[Puripatt]

จากนั้นเราเดินทางไปยังหลังแป ได้รูปสิ่งเล็กระหว่างทาง มาพอสมควร  ระหว่างทางเดินไปหลังแป
ฝนตกหนักพอสมควรเดินผ่าสายฝนไปจนถึงหลังแป จนได้ อีกสักรอบกับป้าย
 (ครั้งหนึ่งเราคือผู้พิชิตภูกระดึง)  จากนั้นเราก็เดินกันอีกรอบเพื่อไปผาหมากดูกกัน ด้วยสภาพทางที่ไม่เอื้ออำนวยสักเท่าไหร่ และแล้วเส้นทางที่แฉะแบบนี้เองทำให้เฟนเพื่อน เกิดอาการถอดใจ เดินต่อไม่ไหว หยุดอยู่ระหว่างทาง ในที่สุดก็ฝืนเดินมาจนถึงผาหมากดูก จนได้ และเราก็ตัดสินใจเดินกับศูนย์บริการกันเพราะเห็นระยะทางแล้วท้อใจครับและเส้นทางที่เป็นภาระจริงๆ แฉะไปหมด เปียกด้วย เหนื่อยด้วย ไปกลับคงหลาย ชม.อยู่ กลัวเป็นอันตรายครับ เลยเลือกที่จะกลับดีกว่า

[Puripatt]

ผาหมากดูก

[Puripatt]

พอมาถึงผาหมากดูกพักกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อยแล้วเราก็เดินกลับไปยังศูนย์บริการฯ
มาถึงศูนย์บริการก็เดินเล่นชมร้านค้า หาน้ำดืม ถ่ายรูปกับกวาง เตรียมตัวทำอาหารมื้อเย็นกัน
ดูแล้วเพื่อนจะมีอาการกลัวกวางพอสมครว

[Puripatt]

หลังงจากเดินเล่นกันสมควรก็ไปอาบน้ำกันครับ แล้วมาลงมือประกอบกิจกรรมเข้าจังหวะของกระเพาะอาหารกับอาหารมื้อเย็นกัน เป็นมือที่ 3 ของทริปนี้ อาหารมื้อนี้มีอะไรทุกอย่างเอาออกมาหมด เพื่อลดน้ำหนักสัมภาระในวันเดินทางกลับ เป็นการกินอาหารที่อร่อยที่สุดในทริปนี้ไม่ต้องคอยระแวงทาก 555 เพราะยังมีแสงอยู่มองเห็นไม่ต้องตัวโดนกัดแล้วไม่รู้ตัว

[Puripatt]

แสงยามเย็นและค่ำคืนที่ศูนย์บริการฯ

[Puripatt]

ตื่นมาแต่เช้ามาชมแสงยามเช้าอีกวัน ก่อนเดินทางลงจากภูกระดึง จัดแจงเอาข้าวขอลงกระเป๋าเรียบร้อยก็เดินทางไปที่ ศูนย์บริการเพื่อชั่ง นน. สัมภาระ แล้วก็เดินทางลงจากภูครับ ขอบอกว่าเส้นทางเดินลงใช้เวลาไม่น่าเกิน 3 ชม. ตามที่ จนท.และลูกหาบบอกครับถ้าเดินตัวเปล่า แต่วันนั้นเราใช้เวลาเท่ากับขาขึ้นภูวันแรกเลยเพราะเส้นทางที่แฉะ ลื่น เปียก เปื้อน มีทุกอย่างวันนั้น เล่นเอาบางคนต้องสละชีพรองเท้ากันไปเลย

วันนั้นสตั๊ดดอยขายดีมากเลย สำหรับคนที่ขึ้นภูวันนั้นนะครับ