ผู้เขียน หัวข้อ: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม  (อ่าน 65211 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
ผมออกมาเดินหามุมต่างๆ ที่น่าจะดีที่สุดในการถ่ายภาพองค์พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ แต่ด้วยความที่เป็นคนไม่ค่อยจะมีมุมเก๋ๆ สวยๆ ในการถ่ายภาพ ผมจึงมักจะถ่ายภาพสถานที่ที่ผมไปด้วยมุมตรงๆ เสมอ เพราะง่ายดี
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
หลังจากนั้นก็เดินลงบันไดนาคมาข้างล่าง ผมคิดเสมอว่ามุมที่ตรงนี้ก็สวยอยากจะถ่ายรูปนี้ให้ได้ เลยลองเปลี่ยนเป็นเลนส์เทเลแล้วถ่ายออกมาระหว่างการถ่ายรูปที่ต้องระวังค่าสปีดชัตเตอร์เพราะเทเลยาวๆ มันเบลอง่ายกดชัตเตอร์เก็บภาพมาได้ 3 ภาพ ฝนก็ตกลงมาอีกรอบ คราวนี้ตกหนักจนผมต้องเดินกลับไปที่รถ ก่อนจะถึงลานจอดรถผมคิดในใจว่าถ้าเดินเข้ารถผมก็ยังไม่ได้ภาพที่พระตำหนัก หรือ ศาลสมเด็จกรมหลวงชุมพรฯ กับห้องชมวิว ผมเดินถึงองค์พระกิติสิริชัย แล้วตัดสินใจเดินลงบันไดไปที่หน้าศาลกรมหลวงชุมพรฯ หลังจากนั้นก็เกิดฝนตกกระหน่ำ ยาวนานมาก หลายคนติดอยู่ที่นี่โดยไปไหนไม่ได้ เกือบครึ่งชั่วโมง ฝนซาลงผมเดินขึ้นรถโดยไม่ได้ถ่ายรูปเพิ่มและไม่ได้ชมวิวเลย
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
หลังจากนั้นก็ขับรถลงมาจากเขาเข้าร้านค้าหากาแฟกระป๋องมากินก่อน ที่จริงจะหลบฝนหลังจากนั้นก็โทรเข้าศูนย์ทัวร์ออนไทย หารือเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวที่ต่อไปว่าจะไปที่ไหนดี เริ่มหิวข้าวแล้วด้วย ระหว่างนั้นก็เช็ดกล้องให้แห้ง เปิดกระเป๋ากล้องไว้ เพราะตอนนี้ความชื้นมีอยู่เต็มพิกัด เปียกด้วยซ้ำไม่ใช่แค่ชื้น สถานที่ท่องเที่ยวในบริเวณพื้นที่อำเภอบางสะพาน กับ ทับสะแก มีอยู่หลายแห่ง แต่เนื่องจากฝนตกต้องมีที่ไปที่ไม่ใช่ทะเล พอสำรวจแผนที่เรียบร้อยแล้วทางศูนย์แจ้งมาว่าควรไปน้ำตกห้วยยาง (โห ตั้ง 45 กิโลเมตร) ไม่ไหวสำหรับเวลาที่เหลือในวันนี้ ก็เลยขับรถหาไปเรื่อยๆ ไปเจอป้ายอันหนึ่ง ขนาดใหญ่พอควร เขียนด้วยอักษรง่ายๆ ว่า เชิญชมถ้ำค้างคาววัดเขาไม้รวก ระยะทางห่างจากวัดทางสายประมาณ 10 กิโลเมตร (เดี๋ยวจะทำหน้าข้อมูลพร้อมแผนที่ให้ตอนนี้เอาเฉพาะเรื่องราวการเดินทางก่อนเนาะ)

    เห็นป้ายอย่างที่ว่าแล้วก็เข้าไปตามลูกศรบอกทาง ข้ามทางรถไฟ (มาเที่ยวบ้านกรูดต้องข้ามทางรถไฟบ่อย ระวังด้วยนะครับ บางจุดไม่มีเครื่องกั้นต้องใช้วิจารณญาณ ในการข้าม) ขับไปเรื่อยๆ จนสุดถนน ณ ที่แห่งหนึ่งที่รู้ได้เลยว่าเป็นวัด พระอุโบสถหลังสีขาวงดงามมากจนไม่น่าเชื่อว่าจะถูกสร้างขึ้นในสถานที่ค่อนข้างกันดาร (ทางเข้ามาเป็นลูกรังยาวมาก) สิ่งที่ได้เห็นที่นี่คือนักปฏิบัติธรรมซึ่งส่วนมากเป็นหญิง เดินไปเดินมาจำนวนหลายคน จึงทำให้รู้ว่าเป็นวัดป่าแนวปฏิบัติธรรมด้วย เห็นด้านหลังอุโบสถที่ยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างก็เดินไปชมด้านหน้าและบริเวณรอบๆ
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
เอาละสิ มาชมถ้ำค้างคาวเจออุโบสถสวย ก็ต้องใช้เวลานานกันหน่อย จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของพระอุโบสถวัดเขาไม้รวกที่ยังสร้างไม่เสร็จนี้ คือด้านหน้าที่หันไปทางด้านทิศตะวันออกเป็นท้องทะเล กั้นด้วยคลองเล็กๆ มีไม้โกงกางตามแบบป่าชายเลนเป็นธรรมชาติ กับหาดทราย ตอนนี้กำแพงแก้วก็อยู่ระหว่างการก่อสร้าง แต่มองเห็นทางลงท่าน้ำหน้าโบสถ์กับหาดทรายไกลๆ นั้นแล้วเป็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมาก บันไดนาคหน้าอุโบสถไม่สูงมากนัก มีพญานาคอยู่ข้างละตัว สวยงามทีเดียว ข้างพญานาคมีสิงห์คู่ บันไดที่เป็นหินอ่อนทำให้รู้สึกสงบเวลาย่างก้าวขึ้นข้างบน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 15, 2011, 06:11:29 PM โดย Tommy »
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
ภายในเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยทรงเครื่องงดงาม ประดิษฐานบนฐานชุกชีสูง ผนังรอบๆ เป็นพระสาวกบนหิ้งเล็กๆ เต็มไปหมด
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
เอาละหลังจากกราบพระในอุโบสถกันแล้วและชมความงามของโบสถ์ใหม่กันทั่วแล้ว คราวนี้ก็ต้องหาถ้ำค้างคาว เป้าหมายหลักของการเดินทางกันซะที ก็ถามเด็กนักเรียนที่มาฝึกสมาธิที่วัดเป็นประจำในช่วงวันหยุด ได้ความว่าทางเข้าถ้ำนั้นอยู่ทางเดียวกันกับสะพานที่ข้ามคลองไปยังหาดทรายหน้าวัดได้ ก็เดินๆ หาไปเจอทางขึ้นนมัสการหลวงปู่ดำ คิดว่าถ้ำค้างคาวก็ต้องไปทางเดียวกันนี้แน่ๆ ก็เลยเดินขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ ไปเจอเอาศาลาเล็กๆ มีรูปงูขนาดใหญ่อยู่ ก็คิดว่าคงเป็นเรื่องธรรมดาของวัดป่ากลางเขา การไหว้บูชารูปงูบางทีก็เพื่อไม่ให้ได้รับอันตรายจากงู จากนั้นเดินต่อไปอีกหน่อยจะเป็นศาลาเล็กๆ ประดิษฐานพระพุทธรูปประทับยืนปางถวายเนตร พระนามเรียกขานว่า หลวงปู่ดำ เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านเคารพศรัทธามาก จนมีการสร้างบันไดคอนกรีตเป็นทางเดินขึ้นมาสักการะพระพุทธรูปองค์นี้อย่างสะดวก ถัดไปเป็นราวแขวนระฆัง มีลานจุดประทัดสำหรับแก้บนหลวงปู่ดำ เศษประทัดแดงกระจายบนพื้นทั่วไปหมด จากนั้นจะมีทางเดินเล็กๆ ขึ้นไปบนเขาเรื่อยๆ ด้วยความมุ่งมั่นว่าบนนั้นมีถ้ำค้างคาวอยู่ผมก็เดินตามทางไปเรื่อยๆ พบเพียงกุฎิที่อยู่อย่างสันโดษหลังเล็กๆ สูงขึ้นไปเรื่อยๆ 4 หลัง เหมาะแก่การฝึกฝนตามแนวทางคำสั่งสอนของพระบรมศาสดา ทางเดินลำบากขึ้นเรื่อยๆ และไปสุดอยู่ที่กุฎิหลังที่ 4
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
เมื่อเห็นว่าไม่มีทางเดินต่อไปได้แล้ว ผมก็เลยนั่งชมวิวอยู่สักพักให้หายเหนื่อยดีแล้วค่อยเดินลงมาตามทางเดิม
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
หลังจากลงมาถึงพื้นราบผมไปถามให้มั่นใจอีกครั้งว่าถ้ำค้างคาวไปทางไหนกันแน่ (ที่จริงพื้นที่ของวัดเล็กนิดเดียวเดินไปหน่อยก็เห็น  ;D ) แล้วก็เดินไปตามทางที่ได้สอบถามมา เจอบ้านพักของนักปฏิบัติธรรมซึ่งแยกให้ห่างออกจากกุฎิสงฆ์ เป็นบันไดทางเดินขึ้นไปยังปากถ้ำใหญ่ คำว่าถ้ำใหญ่ เป็นคำเรียกของที่นี่ เพราะว่ามีถ้ำอยู่ 2 แห่ง ถ้ำใหญ่มีขนาดใหญ่กว่า มีค้างคาวสีดำอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ได้สนทนากับนักปฏิบัติธรรมที่นี่ได้ความว่า ประวัติของวัดเขาไม้รวกมีค้างคาวเกี่ยวข้องอยู่อย่างมีความสำคัญมาก ในอดีตมีพ่อค้าชาวญี่ปุ่นนำเรือมาขนมูลค้างคาวที่นี่เพื่อเอาไปขายต่อ แต่ละเที่ยวจะมอบเงินให้วัดเสมอๆ เที่ยวสุดท้ายพ่อค้าชาวญี่ปุ่นมาขนเอามูลค้างคาวไป แล้วไม่มอบเงินให้ทางวัด เกิดอุบัติเหตุเรือล่ม ระหว่างทาง มูลค้างคาวในถ้ำใหญ่ในวัดเขาไม้รวกนี้เองที่เจ้าอาวาสวัดได้อธิษฐานขอนำมาขายเพื่อสร้างอุโบสถ และทำให้ผมหายข้องใจว่าเหตุใดจึงมีการสร้างอุโบสถที่งดงามขนาดนี้ในกันดารได้ มูลค่าของมูลค้างคาวที่ขายได้นั้นเป็นจำนวนเงินกว่า 1 ล้านบาท

    ที่เล่ามานี้เพื่อให้จินตนาการออกว่ามีค้างคาวมากขนาดไหนในถ้ำนี้ แต่ค้างคาวที่นี่ออกหากินไม่พร้อมเพรียงกันเหมือนที่ราชบุรีที่จะบินออกมาพร้อมกันนับล้านตัวเป็นสายยาว

    นอกจากนี้แล้วยังมีถ้ำอีกแห่งอยู่ใกล้ๆ กัน ปัจจุบันไม่ได้เปิดให้เข้าไปชม มีค้างคาวอีกชนิดหนึ่งตัวสีน้ำตาลอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากเหมือนกันกับถ้ำใหญ่ แต่แปลกที่มีค้างคาว 2 ชนิดมีที่อาศัยใกล้ๆ กันแต่ไม่ปนกัน
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
ปากถ้ำใหญ่เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่มีหลังคาคลุมแบบง่ายๆ เดินเข้าไปในถ้ำมีศาลเทวรูปอีกหลายองค์ได้แก่พระพิฆเณศ พระศิวะ มีบายศรีคู่ใหญ่อยู่ด้านข้าง เปิดไฟส่องสว่างภายในถ้ำไม่มากนักพอมองเห็นค้างคาวบินไปบินมาเต็มไปหมด แน่นอนว่ากลิ่นในถ้ำทำให้รู้สึกอึดอัดได้แต่คนที่คุ้นเคยกับที่นี่จะไม่รู้สึกอะไร นักปฏิบัติธรรมวัดเขาไม้รวกยังเล่าให้ฟังอีกว่า ในถ้ำใหญ่เป็นสถานที่สวดมนต์ภาวนาของนักปฏิบัติธรรมที่นี่ ระหว่างการสวดมนต์มักจะมีงูชนิดต่างๆ ขึ้นมานอนขดอยู่ตามศาลต่างๆ ที่สร้างไว้ บางช่วงจะได้เห็นหยดน้ำที่ไหลลงมาจากเพดานถ้ำมาหยดอยู่กลางถ้ำเป็นหยดน้ำสีรุ้ง

    นี่คงเป็นคำตอบของการสร้างรูปงูขนาดใหญ่และมีศาลาคลุมบนเขาแห่งนี้

    เอาละได้ภาพและข้อมูลมามากพอแล้ว เดินทางต่อไปได้ เวลาของวันแรกใกล้จะหมดลงต้องหาที่พัก ผมเลือกพักที่ทับสะแกเพราะสะดวกในการเดินทางต่อไปยังเป้าหมายต่อไปของผม น้ำตกห้วยยางนั่นเอง ที่พักในทับสะแกหาไม่ยาก แต่จะเอาแบบประหยัดด้วยดูดีและปลอดภัยก็ต้องใช้เวลากันหน่อย ระยะทางจากทับสะแกกลับไปยังประจวบคีรีขันธ์ หรือ หัวหินก็มากเกินไปที่จะกลับไปหาที่พักที่นั่น ใจจริงอยากไปนอนกางเต็นท์ที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยางด้วยซ้ำ แต่ไม่เอาดีกว่าคืนแรกสรุปนอนที่ทับสะแก
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
เช้าวันใหม่หลังจากคืนที่วุ่นวายของผมผ่านพ้นไป ในชีวิตการเดินทางการนอนเป็นเรื่องที่ผมให้ความสำคัญไม่มาก ที่พักที่ราคาไม่แพงเป็นเป้าหมายหลักก่อนเสมอเพราะเมื่อรุ่งเช้าของวันใหม่ผมก็ต้องเดินทางต่อไปยังที่อื่นๆ อีก นั่นคงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผมจึงไม่ค่อยมีหัวข้อแนะนำที่พักมากนัก แต่ละที่ที่ผมไปพักมันไม่ค่อยน่าแนะนำเท่าไหร่ ปกติไม่ว่าจะไปจังหวัดไหนก็ไม่เคยมีปัญหากับการนอน ตื่นมาก็ไปต่อ แต่ที่นี่ทำให้ผมต้องทบทวนใหม่อีกหลายๆ รอบเวลาเลือกที่พักแบบประหยัด เพราะว่า เวลาประมาณตี 4 ครึ่ง มีวัยรุ่นคู่หนึ่งมาตามหาเพื่อนในโรงแรมแห่งนี้ แล้วหากันไม่เจอไม่รู้ว่าอีท่าไหน แกเลยเดินทุบประตูห้องพักทีละห้องพร้อมกับแหกปากตะโกนเรียกเพื่อนไปเรื่อยๆ แหม ความคิดนี้สร้างสรรค์จริงๆ นานเกือบครึ่งชั่วโมง ไม่มีใครโผล่ออกมาดู คนดูแลโรงแรมก็ไม่เห็นหน้า ประหลาดดีจัง ถ้ามีปืนสักกระบอกคงสนุก แต่เอาเถอะเก็บมาใส่ใจก็เท่านั้น สรุปว่าเช้านี้ตื่นสายอารมณ์บ่จอยเท่าไหร่ อาบน้ำแล้วออกเดินทางดีกว่า

    ด้วยสภาพอากาศที่ไม่มีโอกาสจะได้เห็นพระอาทิตย์ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา เป็นเหตุให้ผมเลือกการเดินน้ำตกเป็นเป้าหมายแทนการเที่ยวชายหาด กลับรถแล้วมุ่งหน้าเข้ามาทางประจวบคีรีขันธุ์ เป็นทางไปน้ำตกห้วยยาง ระหว่างนั้นจะมีป้ายบอกทางแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ น้ำตกเขาล้าน ชี้ไปทางซ้ายแยกหน้า ระยะทางจากถนนเพชรเกษม 13 กิโลเมตร ปากทางแยกมีป้ายบอกทางไปศูนย์การศีกษานอกโรงเรียนบ้าง สำนักงาน อบต. บ้าง เส้นทางลาดยางเรียบอย่างดี 2 เลน สวนกัน หลังจากเลี้ยวเข้ามาได้แล้วก็จะมีทางโค้งบ้าง หักศอกบ้าง ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา 4 ครั้ง ไปเรื่อยๆ เข้าเขต ต.เขาล้าน เริ่มได้เห็นผลผลิตของชาวบ้านเป็นกองมหึมาอยู่หน้าบ้าน นั่นก็คือมะพร้าว ชาวบ้านละแวกนี้ยึดอาชีพสวนมะพร้าวเป็นระยะเวลายาวนาน มีหลายครั้งที่สวนมะพร้าวเกิดปัญหาเกี่ยวกับฝนฟ้าอากาศ เพลี้ย หนอน กัดกินยอดมะพร้าวจนยืนต้นตายจำนวนมาก แต่ก็ยังมุ่งมั่นที่จะยึดอาชีพนี้กันต่อไป เป็นเหตุผลให้เราได้เห็นป่ามะพร้าวขนาดใหญ่กินพื้นที่กว้างขวางในประจวบคีรีขันธุ์ คำว่ามหึมา ที่ผมใช้ก็เพื่อให้คนที่ไม่เคยไปนึกภาพกองมะพร้าวจำนวนมากได้ แต่ในใจก็รู้ดีว่า ที่เคยเห็นมันกองใหญ่กว่านี้เกือบเท่าตัว รถกระบะที่มีลิงห้อยโหนอยู่อย่างสนุกสนานเวลาขนมะพร้าวไปขาย แม้จะยังมีให้เห็นแต่ก็มีแค่คันเดียวเท่านั้นสำหรับทริปนี้ แสดงให้เห็นว่า คำว่าตกงานนอกจากจะเป็นปัญหากับมนุษย์แล้ว ยังเริ่มขยายวงกว้างไปยังพวกลิงอีกด้วย

    ชมสวนมะพร้าวเพลินๆ มาพอสมควร ประมาณ 10 กิโลเมตรมาสุดถนนลาดยาง เป็นทางลูกรังต่อเข้าไปในหมู่บ้านอีกประมาณ 3 กิโลเมตร ระหว่างนี้ก็ยังใช้่ความเร็วได้ 40-50 กิโลเมตร/ชั่วโมง 2 ข้างทางยังคงเป็นสวนมะพร้าว หลายแห่งเริ่มปลูกมะพร้าวรุ่นใหม่แซม หลายแห่งก็เริ่มปลูกกล้วยแทน (คิดว่าคงจะดีกว่า) แต่ก็ยังไม่ทิ้งการปลูกมะพร้าวรุ่นใหม่

    ผ่านลึกเข้ามาเรื่อยๆ จะได้เห็นเขาหลวงปกคลุมด้วยหมอกที่สวยงาม ผ่านช่องว่างของทางรถให้เห็นวิวสวยๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 15, 2011, 06:45:08 PM โดย Tommy »
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน