ผู้เขียน หัวข้อ: ทริปมหัศจรรย์ ทะเล ภูเขา น้ำตก ประจวบคีรีขันธ์ วันพักผ่อนที่แสนเหน็ดเหนื่อยของผม  (อ่าน 67385 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
เข้ามาได้พักใหญ่ บ้านคนเริ่มห่างออกไปทุกที เห็นเพียงมะพร้าวต้นสูงชะลูด เป็นแนวลึกเข้าไป กรวดเล็กๆ บนถนนลูกรังเริ่มปะปนด้วยหินขนาดใหญ่ขึ้นๆ สลับกับร่องน้ำที่กัดเซาะถนนเป็นร่องลึกลงไป ทำให้ต้องใช้ความเร็วลดลงเพื่อลดแรงสะเทือนของรถ นกแปลกหน้าที่ไม่เคยเห็นก็เริ่มจะมีมาให้เห็นได้ชมได้ศึกษากันตามข้างทางอย่างไม่กลัวเกรง เมื่อมาเห็นนกแปลกๆ ที่นี่ กับฝนฟ้าอากาศของเมื่อวานผสมกัน ผมเริ่มรู้สึกว่าทับสะแกกับบางสะพาน มีสภาพอากาศคล้ายภาคใต้ มากกว่าจะเป็นภาคกลาง (ผิดกับตอนไปเที่ยวหัวหิน) เขามีคำพูดกันว่า ฝนแปดแดดสี่ คือมันมีทั้งฝนตกกับแดดออกสลับกันได้ตลอดทั้งวัน หลังจากที่ได้คืบคลานรถไปเรื่อยๆ ในที่สุดผมก็มาถึง...

    ป้ายที่เขียนบอกว่ายังต้องไปอีก 1.4 กม.  :'(
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
หลังจากนั้นก็ถูกบังคับเลี้ยวไปทางขวาตามทางลูกรัง พอเลี้ยวขวาเสร็จบรรยากาศก็เปลี่ยนไป สภาพภูมิประเทศเห็นเป็นหินก้อนใหญ่กระจัดกระจายอยู่ในบริเวณต่างๆ รวมทั้งหินบนถนนก็มีขนาดใหญ่ขึ้นจนต้องลดความเร็วลงไปอีก ผมคิดว่าเครื่องยนต์ที่ทำงานไปพร้อมกับล้อที่หมุดด้วยความเร็วคงที่ไปเรื่อยๆ น่าจะดีกว่าวิ่งฝ่าหินพวกนี้ไปด้วยความเร็วเพราะคงต้องเบรคกันบ่อย แต่เบื้องหน้าก็ยังมีวิวสวยๆ เป็นเครื่องปลอบใจ อากาศแบบนี้หากไม่มีฝนเทลงมาในป่า ผมคงได้ภาพน้ำตกที่ดีออกมาได้ไม่ยากความคิดแบบนี้ผุดขึ้นมาในสมองเป็นระยะๆ ของการเดินทางที่เชื่องช้าไปตามสภาพถนน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 15, 2011, 06:56:26 PM โดย Tommy »
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
ขับเข้ามาเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ กับหน่วยพิทักษ์ที่ ห.ย.1 จะปลอบใจผมด้วยการทำป้ายสวยๆ มาปักบอกว่าผมยังต้องไปอีก 800 เมตร มัวแต่ถ่ายรูปป้ายอยู่เลยไม่ได้หันไปดูทางขวาตามลูกศร พอเลี้ยวรถไปทางขวาถึงได้เห็นว่าผมเจอเนินมหัศจรรย์เข้าให้แล้ว เป็นทางชันสั้นๆ ไม่ยาวมาก แต่ก็พอจะรู้ว่ามันไม่ใช่เนินที่จะขับเก๋งขึ้นไปแบบง่ายๆ มันต้องมีการเร่งส่ง บางช่วงมีหินก้อนใหญ่พอสมควรผุดขึ้นมาจากผิวถนน เป็นภาพที่ชวนให้คิดว่า รถเก๋งมันขึ้นได้จริงหรือเปล่า เดี๋ยวไปล้อฟรีบนก้อนหินผิวเนียนก้อนนี้เข้าละก็จะทำยังไงต่อ หรือว่าต้องกลับไปเอา 4WD มาใหม่ แต่สุดท้ายระหว่างที่ผมคิดๆ อยู่เพลินๆ เจ้าหน้าที่ 2 คนเดินสวนทางลงมาพร้อมกับโบกมือคล้ายจะบอกว่า ขึ้นมาเล้ย แล้วผมก็กดคันเร่งลงไปส่งให้รถวิ่งเร็วขึ้นด้วยกำลังของเกีัยร์ 1 (เกียร์ออโต้นะ แต่รู้ว่ามันทำงานที่เกียร์ 1) เสียงล้อบดกับกรวดเล็กๆ ที่เพิ่งจะเปียกฝนหมาดๆ มีฟรีเป็นระยะๆ แต่มันก็ขับเคลื่อนให้รถผมเคลื่อนที่ขึ้นไปได้อย่างช้าๆ อย่างน้อยก็ยังไม่มีอาการบอกว่าต้องการคนมาเข็น ผ่านเนินนั้นมาได้แล้ว จึงได้สติกลับคืนมาคว้ากล้องมาถ่ายรูปบรรยากาศป่าไม้ร่มรื่นและอุดมสมบูรณ์ เริ่มมีให้เห็นตั้งแต่ทางเข้าที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ห.ย.1
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
จากนั้นอีกอึดใจเดียวผมก็เอารถเข้ามาเทียบที่ลานจอดรถเล็กๆ เห็นได้ชัดว่าจะจอดได้ไม่เกิน 4 คันด้วยซ้ำ แต่ก็คงเพียงพอที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวใจสู้สำหรับน้ำตกเขาล้าน ที่ทำการหน่วยพิทักษ์ ที่ ห.ย. 1 มีอาคารเล็กๆ เรียบง่าย มีป้ายบอกชื่อน้ำตก มีห้องน้ำ มีร้านอาหารที่ไม่เปิด 1 ร้าน ลึกเข้าไปมีกระท่อมหลายหลัง ป้ายบอกทางไปน้ำตกอยู่ข้างลานจอดรถ ผมลงมาจัดแจงอุปกรณ์อันมีกล้องพร้อมกระเป๋า และร่ม 1 คัน มุ่งหน้าเดินเข้าไปตามทางเดินที่เห็นได้ชัด
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
หลังจากที่ได้ถ่ายรูปสะพานซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของทางเดินพิชิตน้ำตกเขาล้าน กล้องก็เริ่มเตือนรูปแบตเตอรี่ขีดสุดท้าย เอาละสิ จะไปได้ถึงไหนละถ้างั้นท่าทางทริปนี้จะวืดหลายอย่างเพรายังมีแผนการเดินทางไปอีกหลายแห่ง ต้องเดินย้อนกลับไปเอาแบตเตอรี่สำรองที่อยู่ในรถ สายชาร์จก็ไม่ได้เอามา งานเข้าแล้วไง แต่ยังไงก็ตามก็ต้องไปตามชะตากรรมจะทำได้ละกัน ก่อนที่จะเดินไปยังน้ำตกก็ไม่ลืมถ่ายรูปป้ายบอกระยะทางไว้เป็นหลักฐาน หลังจากนี้จะถ่ายรูปอะไรต้องคิดให้มากแบตฯ ที่มีอยู่จะได้ใช้ไปอย่างคุ้มค่า

    หลังจากที่เดินไปได้สักพักก็จะเห็นป้ายบอกน้ำตกชั้นที่ 1 แต่ที่เห็นอยู่ตรงหน้า เห็นแต่ลานหินกว้างๆ ไม่เห็นมีน้ำสักหยด หรือว่าจะมาแห้ว น้ำแห้งหรือเปล่า ไม่เป็นไรชั้นแรกอาจจะเป็นอย่างงี้เองเดี๋ยวชั้นต่อไปคงดีขึ้น

    เดินไปบนลานหินไม่กี่ก้าว ป้ายเตือนระวังหินลื่นก็แสดงให้เห็นว่าป้ายไม่ได้โกหก มันเริ่มมีอาการลื่นบางแห่ง ผมต้องเลือกเดินบนหินที่แห้งสนิทและมีสีแดง เพราะสีอื่นดูเหมือนว่าจะเกิดจากการมีน้ำไหลผ่านระหว่างเดินข้ามลานหินบางช่วงมีน้ำไหลและเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องเดินทำตัวให้ต่ำลงเกือบเหมือนคลาน ใช้มือมาช่วยเป็นบางครั้ง
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
หลังจากนั้นก็ได้เห็นลำธารสายหนึ่งไหลผ่าน จากต้นสายไปถึงท้ายสายยาวเกินกว่าช่วง 18 มม. ของเลนส์ที่ใช้จะเก็บหมดแต่ไม่เป็นไร เอาเท่าที่ได้แล้วเดินไปต่อ จนเจอสายธารที่อยู่เหนือขึ้นไป บนลานหินของน้ำตกจะมีลูกศรสีเหลืองจางๆ บอกทางให้เดินต่อไปยังชั้นอื่นๆ เพียงแค่เดินตามลูกศรเท่านั้น แต่ในใจอยากจะให้มีทางอื่นที่ไม่ต้องเดินบนหินลื่นๆ นี้ เพราะไม่ค่อยถูกโรคกัน มีที่ลื่นที่ไหนผมก็มักจะล้มที่นั่นแหละ แต่ในเมื่อไม่มีทางอื่นให้เลือกก็ต้องเดินต่อไปช้าๆ และระวังมากขึ้น
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
ในที่สุดเส้นทางที่เดินตามมาเรืื่อยๆ ก็พาผมมาที่น้ำตกอีกชั้นหนึ่ง ผมคิดว่ามันคือชั้นที่ 2 เพราะเมื่อกี้ที่เดินข้ามมาเป็นชั้น 1 พอมาถึงที่นี่มีลานหินกว้างพอสมควร จะยืนถ่ายจากบนหินนี้ก็ได้ แต่ดูเหมือนจะมีทางเดินลงไปบนหินก้อนเดียวกันที่ด้านล่าง แต่มันค่อนข้างสูง จะลงหรือไม่ลงดีเพราะทางลงมันไม่มีที่จะเหยียบให้สักเท่าไหร่ ที่จะเกาะจะเหนี่ยวมันก็หายาก แต่ในเมื่อมาแล้วก็ต้องลงไปดูซะหน่อย เผื่อมุมจากตรงนั้นมันจะสวยกว่า ผมวางร่มกับกระเป๋ากล้องไว้ในที่ที่จะหยิบได้ถึงหลังจากที่ลงไปด้านล่างแล้ว หลังจากนั้นก็ปีนลงไปช้าๆ ผมไปถึงข้างล่างอย่างปลอดภัยแล้วก็เอื้อมหยิบกระเป๋ากล้องมานั่งรอเวลา หัวใจที่ยังเต้นแรงเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายหลังจากที่ป่ายปีนมา ทำให้ตัวผมกระเพื่อมเป็นจังหวะเดียวกัน การกดชัตเตอร์ลงไปตอนนี้ย่อมได้ภาพเบลอๆ มาแน่นอน ผมต้องนั่งพักรอสักระยะหนึ่งให้จังหวะหัวใจเต้นเบาลง นั่งในท่าที่ถนัดถือกล้องเล็งแล้วจะไม่สั่นไหว ดีว่าฟ้าครึ้มแดดไม่แรงไม่ต้องกังวลว่าสายน้ำจะออกมาโอเวอร์ขาวจนเกินไป แต่ก็ไม่ครึ้มมากจนต้องใช้สปีดช้าที่เกินจะรับไหว

    หลังจากที่ถ่ายรูปแล้วตรวจเช็คว่าได้รูปที่ไม่เบลอก็พร้อมที่จะออกเดินทางต่อไป แต่เพื่อความมั่นใจผมกดไป 4 รูป เอามาดูในคอมอีกทีว่ารูปไหนชัดที่สุดตามประสาช่างภาพมือเปล่า สายน้ำที่ไหลลงมาในรูปนี้เป็นน้ำตกที่สูงพอควร แต่มีเพียงสายเดียวแคบๆ บางทีอาจจะดูเหมือนเป็นน้ำตกสายเล็กๆ แต่ความจริงไม่ถึงขนาดนั้น หลังจากเก็บภาพนี้ได้แล้ว เอาฝาเลนส์มาปิดโดยไม่ปิดกล้องเพื่อประหยัดแบตเตอรี่ที่ไม่รู้ว่าจะไปได้ไกลแค่ไหน ยังมีสถานที่ที่ต้องถ่ายรูปอีกเยอะ เอากล้องใส่กลับเข้ากระเป๋า วางกระเป๋าบนลานหินแล้วจึงได้เห็นสะพานไม้เก่าๆ พอที่จะเดินข้ามไปขึ้นอีกด้านหนึ่งโดยไม่ต้องปีนกลับตรงที่ผมปีนลงมาซึ่งอันตรายกว่า ผมไม่ต้องลังเลที่จะเดินไปขึ้นอีกทางแล้วอ้อมกลับมาเอาร่มก่อนจะเดินไปต่อ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 15, 2011, 09:37:20 PM โดย Tommy »
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
เส้นทางจากน้ำตกชั้นที่ 1 มายังชั้นที่ 2 ช่างง่ายดายกว่าที่คิด ยังคงเหลืออีก 3 ชั้นเท่านั้นการเดินทางสำรวจน้ำตกเขาล้านของผมจะสิ้นสุดลง ผมออกเดินจากชั้นที่ 2 ที่ผ่านมาไปตามทางที่เห็นได้ชัดในป่า มาคนเดียวก็สงบดีไปอีกอย่างจะถ่ายมุมไหนชั้นไหน ช้าหรือเร็วก็ไม่มีใครว่า ไม่ต้องกลัวใครรอเดินไปเรื่อยๆ ชักจะชันขึ้นๆ ทางเดินเริ่มเข้าขั้นทำให้ขาหมดแรงได้ หัวใจเต้นรัวเสียงดังตึ๊บๆๆๆ อยู่ในหน้าอก ผมก้มลงมองที่ปลายเท้าพร้อมกับคิดว่าเราจะรีบไปไหนหว่า มาคนเดียวถ่ายรูปที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่เห็นต้องรีบและไม่ได้แข่งกับใครสักหน่อย การถ่ายรูปน้ำตกเราต้องแข่งกับตัวเองเท่านั้น การเดินป่าต้องอดทนไปให้ถึงและมีแรงพอที่จะถ่ายรูปด้วยต่างหาก คิดอย่างนี้แล้วผมก็ก้าวในจังหวะที่ช้าลง ค่อยๆ ก้าวไปตามทางที่สูงชันอย่างช้าๆ ยังดีที่ทางชันของน้ำตกเขาล้านมันไม่ยาวไกลมากนัก ชันหน่อยเดียวเดี๋ยวก็เป็นทางราบ เจ้าหน้าที่ที่นี่ตัดแต่งกิ่งไม้โดยเฉพาะพืชที่มีหนามออกจนเดินง่ายและสะดวกมาก ป่าไม้ที่นี่ก็อุดมสมบูรณ์ร่มรื่นทำให้รู้สึกสบายไม่ร้อนมาก ในที่สุดก็มาเจอกระท่อมหลังหนึ่ง เป็นจังหวะที่เหมาะมากผมเข้าไปที่กระท่อมไม่รอช้า ถอดเสื้อออกแล้วยืนรับลมบนลานหินกว้างๆ ลมพัดเย็นเข้ามาตลอดเวลาทำให้รู้สึกดีขึ้นมาก ปกติผมเป็นคนที่เหงื่อออกเยอะมาก เสื้อเปียกไปทั้งตัว สายสะพายกระเป๋ากล้องรวมทั้งกระเป๋าเปียกชุ่มไปหมด ฝ่ามือก็เปียกแล้วก็เหนียว ผมวางกล้องและของอื่นๆ ลงที่แคร่เล็กๆ ที่ต่อไว้ในกระท่อม เอาเสื้อผึ่งลมไว้ที่ขื่อ หลังจากนั้นต้องนั่งพักนิ่งๆ ไม่งั้นจะหน้ามืดเป็นอาการของคนเสียน้ำไปมาก และที่สำคัญผมลืมพกน้ำติดตัวมาด้วย

    ระหว่างที่นั่งพักเดินพักยืนพักรอบๆ กระท่อมและลานหิน ผมเห็นน้ำตกไหลตกมาจากหน้าผาทั้งสูงและกว้าง ไม่รู้ทำไมในหัวผมมันบอกว่านี่คือน้ำตกชั้นที่ 4 ทั้งๆ ที่ยังไม่เคยเห็นน้ำตกชั้นที่ 3 เลยด้วยซ้ำ แต่ผมไม่ค่อยได้สนใจเรื่องนี้เท่าไหร่ น้ำตกมันคงจะหายไปเพราะผมมองไม่เห็นป้ายที่ไหนสักแห่ง ทำให้ผมมายืนอยู่ที่ชั้นที่ 4 เหตุที่ผมเชื่อว่ามันคือชั้น 4 เพราะผมมองเห็นน้ำตกอีกชั้นหนึ่งหลบอยู่ในป่าเหนือน้ำตกชั้นนี้ในมุมมืดๆ และผมก็เชื่อว่ามันคือชั้นที่ 5 อย่างแน่นอน

    หลังจากที่ได้พักจนหายเหนื่อยดีแล้ว ก็หยิบกล้องขึ้นมาวัดแสงรอบๆ การถ่ายภาพระยะไกลด้วยช่วงเลนส์ยาว มีโอกาสทำให้ภาพมันเบลอได้ง่ายกว่า ต้องระวังมากกว่าชั้นที่อยู่ใกล้ๆ กดชัตเตอร์ไปดูรูปไป แล้วก็ถ่ายซ้ำๆ เพราะบางทีเวลาภาพเบลอเพียงเล็กน้อยจะมองไม่ค่อยเห็นต้องไปดูในคอม ถ่ายรูปตรงนี้เสร็จแล้วรู้สึกว่าหัวใจมันลิงโลดยังไงบอกไม่ถูก เหมือนว่าตัวเองไปมาครบแล้วทั้ง 5 ชั้นยังไงยังงั้น มันเหมือนเป็นไฮไลท์ของน้ำตกเขาล้านเลย ผมพักอยู่ที่กระท่อมนี้อีกพักใหญ่เหมือนกับว่าไม่จำเป็นต้องไปไหนต่อแล้ว ลมเย็นๆ ที่พัดมารู้สึกอยากนอนอยู่ตรงนี้สักตื่น แต่ยังไงก็ช่างเถอะมองเห็นชั้น 5 อยู่ตรงหน้าแล้ว ก็ไปซะหน่อย แต่เส้นทางจากนี้ไปรู้เลยว่าไม่ธรรมดา เราต้องไปยืนอยู่บนผาเหนือน้ำตกชั้น 4 เพื่อที่จะเดินเข้าไปในมุมมืดในป่านั้นซึ่งเป็นที่อยู่ของเป้าหมายของการเดินทาง น้ำตกเขาล้านชั้น 5 นั่นเอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 15, 2011, 09:56:35 PM โดย Tommy »
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
และแล้วสิ่งที่สันนิษฐานไว้ก็เป็นจริง ผมมาเจอเส้นทางที่เรียกว่าเนินมรณะ ผมพบกับเนินมรณะครั้งแรกที่ภูสอยดาว เค้าเรียกว่าเนินมรณะจริงๆ แต่หลังจากนั้นเวลาไปเจอช่วงชันๆ ที่ไหนผมก็เรียกเนินมรณะตลอด มันเป็นช่วงที่จะทำให้ขาหมดแรงลง หัวใจเต้นตูมตามเหมือนจะทะลุออกมา ความรู้สึกขัดแย้งกันระหว่างจะไปต่อหรือจะกลับมันจะผุดขึ้นมาในหัวโดยเฉพาะการเดินป่าแรกๆ แต่ตอนนี้ไม่มีคำว่าถอยอยู่แล้ว

    ผ่านพ้นเนินนี้ไปได้เป็นทางราบเรียบมีเอื้องให้เราชมตามพื้นอยู่ชุกชุม เหมือนเป็นดอกไม้ให้กำลังใจให้เราได้เดินทางต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ เอื้องเหล่านี้ผมเอามาลงเว็บในสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งแล้วคงไม่ต้องถ่ายรูปมาอีก

    ไม่นานนักผมก็มาถึงผาหินสูงใหญ่ของน้ำตกเขาล้านชั้นที่ 4 ที่ผมเห็นไกลๆ และถ่ายรูปเมื่อสักครู่ ลานผานี้สูงมาก มีน้ำไหลผ่านและตกลงไปเป็นชั้นที่ 4 ที่สวยงาม ด้วยประสบการณ์ที่ผมเดินบนลานหินที่น้ำตกชั้นที่ 1 ผมรู้เลยว่ามันลื่นขนาดไหน ความไว้วางใจของผมที่มีต่อรองเท้าแบรนด์ดังจากในห้างมันหายไปหมด เพราะความสูงของผา ขืนพลาดท่ามันคงดูไม่จืดแน่ๆ ผมถอดรองเท้าและวางร่มลงแล้วเดินด้วยเท้าเปล่าข้ามไปอย่างระวังมากเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่ลืมเก็บภาพตรงบริเวณกระท่อมที่พักเมื่อกี้มาด้วย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 15, 2011, 10:28:55 PM โดย Tommy »
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน

ออฟไลน์ Tommy

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,577
  • คะแนน: +3/-1
  • รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย
    • ทัวร์ออนไทยดอทคอม
แล้วผมก็ไปถึงป้ายน้ำตกชั้น 5 (นั่นไงว่าแล้วว่ามันต้องเป็นชั้น 5) เป็นชั้นพิเศษไม่เหมือนใคร หลังจากที่เราได้เห็นน้ำตกเป็นสายยาวๆ เล็กๆ ตกจากผาสูง กันมาแล้ว คราวนี้มาชมน้ำตกที่เป็นม่านกว้างๆ บ้าง หากว่าน้ำมากกว้านี้คงได้เห็นม่านขนาดใหญ่เป็นเหมือนจอหนัง แต่ตอนนี้ก็นับว่าสวยมากแล้ว เจ้าหน้าที่บอกก่อนที่จะเดินขึ้นมาแล้วว่าผมมาถูกช่วงดีแล้วน้ำกำลังมากพอดีเลย เจอน้ำตกแบบม่านอย่างนี้ก็ต้องกดชัตเตอร์หลายภาพหน่อย โอกาสเบลอมันสูงกว่าเยอะ กว่าจะได้สายนุ่มๆ ไหลลงมาอย่างที่เห็น แต่ก็เอาเถอะได้รูปมาตามที่ตั้งใจแล้ว อีกอย่างมันเป็นชั้น 5 ผมไม่ต้องกังวลแล้วว่าจะมีแบตเตอรี่มากน้อย มีอะไรให้ผมถ่ายได้อีก ผมตั้งใจไว้แล้วว่าบรรยากาศระหว่างการเดินขึ้นมาจะถ่ายรูปในช่วงขาลง

    อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้น้ำตกชั้น 5 มันมองไม่ค่อยเห็นตอนที่อยู่กระท่อมก็คือมีก้อนหินขนาดใหญ่บังมันอยู่ แต่หินก้อนนี้ก็เป็นที่พึ่งอย่างดีที่จะทำให้ผมถือกล้องได้มั่นคงไม่สั่นไหว รอบๆ บริเวณมีดอกไม้ป่าให้ชมแต่ก็ไม่กี่ชนิด เทียบกับลักษณะของผืนป่าที่สมบูรณ์เขียวขจี น่าจะมีดอกไม้ป่ามากมายให้ได้ชม
เที่ยวเมืองไทยกระจายรายได้สู่ชุมชน