ข้อมูลเพิ่มเติม:ประชาสัมพันธ์จังหวัด โทร. 0 5448 1704, 0 5441 1428
http://www.tourismthailand.org/chiangrai
การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก
พระอุโบสถวัดศรีโคมคำ เป็นสิ่งแรกที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเมื่อขับรถเข้ามาจอดในลานจอดรถของวัด (ลานจอดรถในวัดสามารถรองรับรถได้ไ่ม่มาก แต่มีลานจอดรถฝั่งตรงข้ามกับวัดที่กว้างกว่า) อุโบสถหลังนี้มีความสูงใหญ่ หน้าบรรณประดับลวดลายสีทองที่สะท้อนแสงยามเช้าได้เป็นอย่างดี
พระพุทธรูปหน้าอุโบสถวัดศรีโคมคำ เป็นพระพุทธรูปที่ประดิษฐานไว้ให้ประชาชนได้สักการะบูชาจุดเทียนธูปกันที่นี่ สำหรับวัดศรีโคมคำเมื่อเปลี่ยนดอกไม้ธูปเทียนบูชาพระแล้ว จะมีเทียนแบบพิเศษอีก 3 เล่ม แต่ละเล่มเขียนไว้ว่า สืบชะตา สะเดาะเคราะห์ รับโชคลาภ เป็นเทียนเล่มใหญ่ ซึ่งมักจะมีนักท่องเที่ยวนำมาจุดตั้งไว้ที่เชิงเทียน
เทียนสืบชะตา เป็น 1 ใน 3 เล่มที่ประชาชนนำมาจุดตามความเชื่อที่เชิงเทียนหน้าอุโบสถวัดศรีโคมคำ
พระเจ้าตนหลวง เป็นพระพุทธรูปศิลปะเชียงแสนองค์ใหญ่ที่สุดในล้านนาไทย ขนาดหน้าตักกว้าง 16 เมตร สูง 18 เมตร สร้างขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 2034 - 2067 พระเจ้าตนหลวง หรือ พระเจ้าองค์หลวง มิใช่เป็นแต่เพียงพระพุทธรูปคู่เมืองพะเยาเท่านั้น แต่ถือเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองอาณาจักรล้านนาไทยด้วย ในวันวิสาขบูชามีงานนมัสการพระเจ้าตนหลวงเป็นประจำทุกปีเรียกว่างานประเพณีนมัสการพระเจ้าองค์หลวงเดือนแปดเป็ง ตำนานเล่าสืบต่อกันมาว่าเมื่อครั้งพุทธกาล พญานาคได้เข้าเฝ้าพระพุทธองค์และเกิดศรัทธาจะสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ จึงนำทองคำมาให้ตายาย ที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ริมกว๊านพะเยา เพื่อสร้างพระพุทธรูป ซึ่งใช้เวลาสร้างทั้งหมด 33 ปี
อุโบสถกลางน้ำวัดศรีโคมคำ ริมกว๊านพะเยา อุโบสถกลางน้ำตั้งอยู่ริมกว๊านพะเยา ภายในมีจิตรกรรมฝาผนัง ลวดลายวิจิตรสวยงาม วาดโดย อาจารย์อังคาร กัลยาณพงศ์ ศิลปินแห่งชาติ
พระพุทธรูปในอุโบสถกลางน้ำวัดศรีัโคมคำ ภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังฝีมือศิลปินแห่งชาติ ลวดลายวิจิตรสวยงาม วาดโดย อาจารย์อังคาร กัลยาณพงศ์ ศิลปินแห่งชาติ
ทิวทัศน์กว๊านพะเยาหลังวัดศรีโคมคำ เป็นจุดที่ได้รับการยอมรับว่า ชมพระอาทิตย์ตกได้สวยที่สุดของกว๊านพะเยา เนื่องจากไม่มีสิ่งบดบังทิวทัศน์ สำหรับการเดินทางวันนี้มาถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกที่นี่ไม่ทันเลยลองไปเก็บภาพที่สวนสาธารณะริมกว๊านพะเยาแทนปรากฏว่าสวยเท่าที่นี่ไม่ได้จริงๆ ครับ
พระอุโบสถกลางน้ำ เป็นพระอุโบสถหลังเก่าตั้งอยู่หน้าวิหารหลวง ครูบาศรีวิชัยสร้างขึ้นพร้อมกับพระวิหาร ส่วนหลักสีมานั้นเป็นของโบราณอยู่ครบถ้วนทั้ง ๘ ทิศ มีเขตแดนกว้างพอประมาณบรรจุพระสงฆ์ ๒๑ รูป เมื่อก่อสร้างขึ้นแล้ว คณะสงฆ์วัดศรีโคมคำใช้ทำสังฆกรรมมาตลอด
วันที่ ๑๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๓ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าพระราชทานให้ วัดศรีโคมคำ ยกขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ประเภทสามัญ นำความยินดีมาสู่งวงการคณะสงฆ์ฯ ข้าราชการและประชาชนจังหวัดพะเยา
วันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๘ สร้างพระอุโบสถหลังใหม่โดยอุปถัมป์ของนายขรรค์ชัย บุนปาน เจ้าของบริษัทหนังสือพิมพ์มติชน จำกัด (มหาชน) และนายบุญนิยม สิทธิหาญ เป็นนายช่างสถาปนิกออกแบบ นายช่างเถา พัฒนโภสิน เป็นช่างก่อสร้างจนเสร็จเรียบร้อย คิดค่าก่อสร้าง ๓,๖๐๐,๐๐๐ บาท (สามล้านหกแสนบาทถ้วน)
เมื่อตัวอาคารพระอุโบสถเสร็จแล้ว นายอินตา ชัยศรี บ้านป่าซางน้อย จังหวัดลำพูน มาแกะสลักหน้าบรรณพระอุโบสถแกะสลักประตู ๓ ช่อง ๖ บาน หน้าต่าง ๒๖ ช่อง ค่าแรง ๑๗๘,๘๐๐ บาท
เมื่อสร้างพระอุโบสถหลังใหม่เสร็จแล้ว จึงทำเรื่องขอพระราชทานวิสุงคามสีมา ไปยังกรมการศาสนาได้รับพระราชทานมาเมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๙ แล้วชลอไว้ยังไม่ฝังลูกนิมิตเพราะกำลังตกแต่งพระอุโบสถในบางส่วน
หลังจากนั้นนายขรรค์ชัย บุนปาน ติดต่อศิลปินแห่งชาติมาเขียนฝาผนังได้นายช่างศิลปินเอก นายอังคาร กัลยาณพงษ์ มาเขียนภาพต้นโพธิ์ด้านหลังพระประธานในพระอุโบสถแล้วเขียนภาพรอบผนังด้านใน คิดเป็นเงินค่าแรง ๒๒๐,๐๐๐ บาท
พ.ศ. ๒๕๓๕ นายขรรค์ชัย บุนปานติดต่อนางสาวภาพตะวัน สุวรรณกูฎ และนางสาวกาบแก้ว สุวรรณกูฎ พร้อมคณะเขียนภาพทศชาติและศิลปะผสม คิดเป็นเงิน ๑,๖๐๐,๐๐๐ บาท
พระประธานในอุโบสถเดิมเป็นพระพุทธชินราช ของนายแพทย์ประดิษฐ์ - สุมาลี ศักดิ์ศรีนิมิตนรารมย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหัวเฉียว กรุงเทพฯ นำมาถวาย
0/0 จาก 0 รีวิว |
*หมายเหตุ ระยะทางเป็นระยะโดยประมาณ